เสียวหมี่ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประกาศเข้าร่วมงาน Mobile World Congress 2025 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ในปีนี้เสียวหมี่ได้จัดแสดงระบบนิเวศอัจฉริยะในเวอร์ชันอัปเกรด “Human x Car x Home” ที่จะมาปฏิวัติวิธีการใช้งานสำหรับการโต้ตอบกับอุปกรณ์ผ่านการเชื่อมต่ออันราบรื่นและการหลอมรวมความอัจฉริยะด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน

มร. แดเนียล เดสจาลาส (Daniel Desjarlais) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของเสียวหมี่ อินเตอร์เนชันนัล กล่าวว่า “ที่เสียวหมี่นั้น แนวทางในการสร้างนวัตกรรมของเราเริ่มต้นจากผู้คน เราออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก
โดยระบบนิเวศอัจฉริยะ ‘Human x Car x Home’ ของเราสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจนี้ เรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อกันโดยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่วนบุคคล ยานพาหนะ และพื้นที่อยู่อาศัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ในงาน MWC เราขอเชิญผู้เข้าร่วมงานทุกท่านมาร่วมค้นหาว่า เสียวหมี่นั้นได้นิยามวิธีการเชื่อมต่อของเราใหม่อย่างไร”
ภายในบูธของเสียวหมี่ในงาน MWC 2025 มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปนั่นก็คือสมาร์ทโฟน Xiaomi 15 Series และแท็บเล็ต Xiaomi Pad 7 Series ที่ขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 รุ่นใหม่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ AIoT อันล้ำสมัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีกมากมายที่ทำการเปิดตัวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก
สำหรับโซน Xiaomi Imagery Technology นำเสนอการนำเลนส์ระดับตำนานจาก Leica เข้ามาใช้กับสมาร์ทโฟน ของเสียวหมี่ รวมไปถึงนวัตกรรมอื่นๆ ที่เข้ามาขยายขอบเขตของการถ่ายภาพผ่านมือถืออีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังภูมิใจนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV ซึ่งได้แก่ Xiaomi SU7 Max และ Xiaomi SU7 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ และนับเป็นจุดสูงสุดของประสิทธิภาพและความก้าวหน้าของเสียวหมี่ในด้านยานยนต์อัจฉริยะ
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่ได้พัฒนาไปสู่อาณาจักรของปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน ระบบนิเวศนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการคาดการณ์ เรียนรู้ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ โดยปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ ที่บูธเสียวหมี่ ในงาน MWC25 ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับ Smart Living เพื่อดูว่าอุปกรณ์ส่วนตัว รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV และอุปกรณ์ AIoT ที่หลากหลายนั้นทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อปฏิวัติการใช้ชีวิตสมัยใหม่
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ที่เปิดตัวในระดับสากล ถือเป็นก้าวสำคัญของเสียวหมี่ในด้านการออกแบบระบบอัจฉริยะ ที่ขับเคลื่อนโดย Xiaomi HyperCore ซึ่งเป็นรากฐานที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีต และได้รับการพัฒนามาจากวิศวกรกว่า 3,000 คนพร้อมด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์มากกว่า 25,000 สถานการณ์ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ เช่น ตัวกำหนดเวลาสถาปัตยกรรมไมโคร (microarchitecture scheduler) หน่วยความจำแบบไดนามิก และ Storage 2.0
นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้คุณเปิดแอปได้เร็วขึ้น ลดการใช้พลังงาน และทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานอย่างหนัก นอกจากนี้การโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์ยังได้รับการปรับปรุงด้วย Xiaomi HyperConnect ซึ่งมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น การสตรีมด้วยกล้องคู่, “Home Screen+” และความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์มที่ง่ายมากยิ่งขึ้น
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Xiaomi HyperAI ซึ่งผสานรวมความสามารถของ AI ขั้นสูงที่ได้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ไปอย่างสิ้นเชิง โดย Xiaomi HyperAI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวันด้วยเครื่องมือการเขียนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งหรือขยายข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันการแปลแบบเรียลไทม์และการจดจำเสียงจะทำลายอุปสรรคด้านภาษาและถอดเสียงการสนทนาด้วยความแม่นยำได้อย่างน่าทึ่ง และสำหรับในด้านความคิดสร้างสรรค์ Xiaomi HyperAI ก็ช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น “AI Art” ใน Mi Canvas ที่จะเปลี่ยนภาพร่างให้กลายเป็นงานศิลปะเฉพาะในแบบของคุณ ในขณะที่ AI Live Wallpapers และ AI Cinematic Lock Screens จะทำให้ภาพนั้นมีชีวิตชีวาไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขกับครอบครัวหรือทิวทัศน์ที่สวยงามก็ตาม
เสียวหมี่ได้ตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของ AI และยังคงร่วมมือกับ Google ในการบูรณาการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Google Gemini และ Circle to Search ยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น โดยวางตำแหน่งเสียวหมี่เป็นผู้นำด้านโซลูชันอัจฉริยะที่เน้นผู้ใช้งานเป็นหลักในการใช้ชีวิตอัจฉริยะ
ความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนและการสำรวจที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น

เสียวหมี่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะมีความเป็นเลิศในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Leica ในปี 2565 และการร่วมกันก่อตั้งสถาบัน Xiaomi-Leica Optical Institute ในปี 2567 เสียวหมี่ก็ได้เจาะลึกถึงแก่นแท้ของการถ่ายภาพ ขยายขอบเขตของเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนไปพร้อมๆ กับการสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างการถ่ายภาพและมนุษย์
Xiaomi 15 Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยการผสานเลนส์ Leica Sumillux เข้ากับระบบการประมวลภาพเทคโนโลยี Computational Photography ที่ขับเคลื่อนด้วย Xiaomi AISP 2.0 ทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีการถ่ายภาพและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประสบการณ์การใช้งานการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้เสียวหมี่ยังพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ทั้งนี้ระบบ Xiaomi Modular Optical System จะเปิดให้ทดลองใช้จริงที่บูธ Xiaomi MWC25 ซึ่งถือเป็นการสำรวจแนวคิดใหม่ๆ จากความพยายามอย่างต่อเนื่อง
โดยระบบกล้องของแนวคิดนี้มาพร้อมกับเลนส์ไพรม์ 35 มม. f/1.4 ที่ถอดออกได้และเมื่อรวมเข้ากับเซนเซอร์รับภาพ M4/3 ในตัวจะสามารถติดกับสมาร์ทโฟนได้ทันทีด้วยแม่เหล็ก ระบบนี้จะใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร Xiaomi LaserLink รุ่นใหม่ซึ่งเป็นโซลูชันการสื่อสารด้วยแสงขั้นสูง ทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกล้องและโทรศัพท์ได้อย่างราบรื่น
และด้วยการผสานความสามารถในการถ่ายภาพอันเหนือชั้นของฮาร์ดแวร์กล้องแบบดั้งเดิมเข้ากับพลังการประมวลผลของสมาร์ทโฟนเสียวหมี่จึงเป็นผู้ริเริ่มแนวทางที่ล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ
นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV และความสำเร็จที่ทุบสถิติ

เสียวหมี่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV รายได้จากยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV นั้นใกล้จะแตะ 10,000 ล้านหยวน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.1% ในไตรมาสที่ 3 ปีของปี 2567 สำหรับ Xiaomi SU7 Series นั้นมียอดส่งมอบต่อเดือนเกิน 25,000 คันในเดือนธันวาคม 2567 โดยมียอดส่งมอบยานยนต์มากกว่า 135,000 คันในปี 25671 ทั้งนี้เสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า 300,000 คันในปี 2568 และกำลังขยายกำลังการผลิตและเครือข่ายการขาย ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ยานยนต์มากกว่า 216 แห่งใน 64 เมืองในประเทศจีนในเดือนมกราคม 2568
ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สร้างสถิติรอบสนามที่ 6’46″874 ที่สนาม Nürburgring Nordschleife จึงทำให้ได้รับฉายาว่า “รถยนต์สี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลก” Xiaomi SU7 Ultra พร้อมจำหน่ายแล้วและจะจัดแสดงอยู่ที่บูธ Xiaomi MWC25 โดยรถรุ่นนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันล้ำสมัยกับสไตล์ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณโดดเด่นทั้งในสนามแข่งระดับมืออาชีพและบนท้องถนนในเมือง
ความสำเร็จของเสียวหมี่ในด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV นั้นตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรม คุณภาพ และการเติบโตที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และทำให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอันน่าเกรงขามในอุตสาหกรรมยานยนต์
การสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนและชาญฉลาด

เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนถือเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจ
กลยุทธ์ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่นั้นถูกออกแบบมาเพื่อวิถีชีวิตที่ให้คุณปล่อยคาร์บอนต่ำ มีประสิทธิภาพ และชาญฉลาด พร้อมทั้งยังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม ESG ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หลักการดำเนินการที่สำคัญของเสียวหมี่คือการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยการปรับแต่งโหมดต่างๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายในบ้านอย่างชาญฉลาดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน การตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานด้วยการใช้พลังงานน้อยที่สุด และมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด สะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ระบบการผลิตอัจฉริยะของเสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบอัตโนมัติขั้นสูงในหลายด้านสำคัญซึ่งทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืนเป็นอย่างมาก ที่โรงงานยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV ของเสียวหมี่ “Hyper Intelligent Manufacturing Platform” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะทำการปรับปรุงกระบวนการผลิตทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่การกำกับดูแลของฝ่ายบริหารไปจนถึงการปรับเปลี่ยนอัตโนมัติที่แม่นยำเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด โดยแพลตฟอร์มนวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้ทรัพยากรในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของเสียวหมี่
หมายเหตุ
1 ข้อมูลจากประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2567 ของบริษัท Xiaomi Corporation