เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (Xiaomi; Stock Code: 1810) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตที่ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยผลการดำเนินงานรวมก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี(unaudited) ในไตรมาสที่สอง และผลประกอบการ 6 เดือน ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 (1H2019)
เสียวหมี่เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2562 สูงเหนือความคาดหมาย อันเป็นผลมาจากแผนยุทธศาสตร์ การผลิตนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ครบทั้งการปฏิบัติการทรงประสิทธิภาพและการเพิ่มการป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มบริษัทรวมเพิ่มขึ้นถึง 20.2 % หรือราว ๆ 95.71 พันล้านหยวน
ขณะที่รายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 38.6 พันล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นตัวเลขสูงกว่า 40 % ของรายได้รวม กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 5.72 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่ไตรมาสที่สอง รายได้รวมเพิ่มขึ้น 14.8 % หรือประมาณ 1.95 พันล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 3.64 พันล้านหยวน โดยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 71.7 % เมื่อเทียบกับปีต่อปี
ข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับครึ่งปีแรก ปี 2562
- รายได้รวมอยู่ที่ 95,710 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.2 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรรวม 12,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรสุทธิ 5,150 ล้านหยวน
- กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 5,720 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.214 หยวน
ข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2562
- รายได้รวมอยู่ที่ 51,951 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรรวม 7,260 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 28.4 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรสุทธิ 1,960 ล้านหยวน
- กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 3,640 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 71.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.082 หยวน
นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “เนื่องจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเสียวหมี่ ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ผลกำไรสูงเหนือความคาดหมายและเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่อยู่ในการจัดอันดับ Fortune Global 500 ประจำปี 2562 ด้วย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจโลกก็ตาม
ซึ่งผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจดังกล่าว เป็นผลสำเร็จมาจากการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงของเสียวหมี่ ซึ่งเราสัญญาว่าจะเดินหน้าผลักดันงานวิจัยและการลงทุนในการตอบสนองต่อตลาดที่เติบโตของ 5G และ AIoT เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่บริษัทตั้งไว้
อัตรากำไรธุรกิจสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลจากการวางกลยุทธ์มัลติแบรนด์
ในครึ่งแรกของปี 2562 รายได้รวมของเสียวหมี่ ในเซกเมนต์ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราว ๆ 5.9 พันล้านหยวน ในขณะที่ไตรมาสที่สองเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 32 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สามาร์ทโฟนและการเพิ่มราคาขายโดยเฉลี่ย โดยเว็บไซต์ Canalys จัดอันดับให้เสียวหมี่อยู่ในลำดับที่ 4 เมื่ออิงจากยอดขนส่งสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ 2 ปี 2562
ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการที่กลุ่มบริษัทตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นผลักดันที่จะทำให้ Redmi เป็นแบรนด์อิสระ นอกจากนี้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ของเสียวหมี่ยังเพิ่มโอกาสการทำกำไร โดยยอดกำไรสุทธิพุ่งสูงขึ้นจาก 3.3% ในไตรมาสแรก ไปอยู่ที่ 8.1% ในไตรมาสสอง ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในตลาดต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จโตทะลุเป้า ที่ 13.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยสมาร์ทโฟน ราคาสูงกว่า 2,000 หยวน คิดเป็น 32.3% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน
ในไตรมาสแรกของปี 2562 เสียวหมี่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Mi 9 และสมาร์ทโฟนตระกูลRedmi Note 7 ในเวลาต่อมากลุ่มบริษัทเสียวหมี่ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงอีกหนึ่งรุ่นในไตรมาสสอง ได้แก่สมาร์ทโฟนตระกูล K20 ซึ่งเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา
ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์ความสำเร็จของเสียวหมี่ในการออกแบบกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนให้มีความหลากหลาย โดยในไตรมาสสอง ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่พุ่งขึ้นถึง 32.1 ล้านเครื่อง โดยมียอดขายในตระกูล Redmi Note 7 สูงถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 และนอกจากนี้ยังมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนตระกูล K20 ทั่วโลก แล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง หลังจากเปิดตัวได้ภายใน 1 เดือนเท่านั้น
ในระหว่างนี้ เสียวหมี่จะยังคงตั้งใจพัฒนาและขยายช่องทางการขายปลีกเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่หลากหลายตั้งแต่ตลาดกลาง ไปจนถึงตลาดบน โดยเสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดตระกูล CC เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานผู้หญิง และถือเป็นการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดตลาดในอนาคต
นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งอยู่ในสมาร์ทโฟนกลุ่ม Redmi เป็นกลุ่มแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 โดยกลุ่มบริษัทฯยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องความละเอียดสูงถึง 100 ล้านพิกเซล มาใช้ก่อนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และยังได้เปิดตัว Mi MIX 3 5G สมาร์ทโฟน 5G ในหลายประเทศที่ยุโรป ส่วนสมาร์ทโฟน 5G รุ่นที่สอง จะเปิดตัวในประเทศจีนในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อพัฒนานำระบบ 5G มาใช้ประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ธุรกิจ AIoT เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดเครื่องใช้ขนาดใหญ่ภายในครัวเรือน
ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์พุ่งขึ้นสูงถึง 49.3% อยู่ที่ 27 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2562 จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 44% คิดเป็น 14.9 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้แล้วรายได้รวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ในไตรมาสสอง ของปีนี้ยังคิดเป็น 28.8% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 22.9%
สมาร์ททีวีของเสียวหมี่ ยังคงเป็นผู้นำที่มียอดการจัดส่งทั่วโลกมากถึง 5.4 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งปีแรก จากการคำนวณต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (AVC) สมาร์ททีวีของเสียวหมี่มียอดการจัดส่งเติบโตถึง 64.9% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งครองอันดับหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่และจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกทั่วโลก
โดยในไตรมาสสอง ยอดการจัดส่งรวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 41.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ในทางกลับกันเครื่องปรับอากาศของเสียวหมี่ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย โดยยอดการจัดส่งทะลุเกิน 1 ล้านเครื่องในเวลาเพียงแค่ 8 วัน นับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562
ข้อมูลเมื่อวันที่30 มิถุนายน 2562 จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบ IoT ของเสียวหมี่ นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป มีจำนวนถึง 196 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 69.5% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผู้บริโภคราว ๆ 3 ล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IoT จำนวนมากกว่า 5 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 78.7% เมื่อเทียบปีต่อปี
ยิ่งไปกว่านั้นในไตรมาสสอง ผู้ใช้งาน Home application ต่อเดือนของเสียวหมี่ยังเพิ่มขึ้นถึง 30.4 ล้านคนทั่วโลก และ มีจำนวนผู้ใช้ AI Assistant ต่อเดือนมากถึง 49.9 ล้านคน ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารด้วยระบบเสียง AI ที่คนนิยมใช้มากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
บริการอินเตอร์เน็ตที่หลากหลายมีส่วนในการเพิ่มรายได้ให้กลุ่มบริษัท
ในครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้จากการบริการอินเตอร์เน็ตของเสียวหมี่เติบโตขึ้น 22.9% อยู่ที่ 8.8 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนไตรมาสที่สอง รายได้จากบริการอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นขึ้นอีก 15.7% อยู่ที่ 4.58 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี และในเดือนมิถุนายน 2562 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของMIUI เพิ่มสูงถึง 34.7% คิดเป็น 278.7 ล้านคน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ใช้สมาร์ททีวีและ Mi Box เพิ่มสูงขึ้น 53.8% มาอยู่ที่ 22.6 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2562
ในไตรมาสสอง รายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ต อาทิ รายได้จากบริการอินเตอร์เน็ตทีวี บริการอินเตอร์เน็ตต่างประเทศ อีคอมเมิร์ซ Youpin ธุรกิจการเงินอินเตอร์เน็ต ไม่รวมรายได้จากการโฆษณาและเกมส์บนสมาร์ทโฟนในประเทศจีน เพิ่มสูงขึ้นถึง 108.8% คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 36% ของรายได้ทั้งหมด
ในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายสินค้าที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Youpin เติบโตขึ้นถึง 113.9% อยู่ที่ 3.8 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งนั้นหมายความว่าในเดือนมิถุนายน 2562 ยอดขายสินค้าที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Youpin มากกว่า 65% ไม่ได้มาจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนเสียวหมี่
ธุรกิจต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุโรปตะวันตกมีการเติบโตเร็วที่สุด
ภายในครึ่งปีแรก รายได้ของเสียวหมี่ที่ต่างประเทศเติบโตขึ้น 33.8% หรือราว ๆ 38.6 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งมากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มบริษัท โดยในไตรมาสสอง รายได้จากที่ต่างประเทศเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 33.1% คิดเป็น 21.9 พันล้านหยวน โดยข้อมูลจากเว็ปไซต์ Canalys เผยว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ใน 5 อันดับแรก ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
และข้อมูลจาก IDC เผยว่าเสียวหมี่ติดอันดับ 4 เมื่อคำนวณจากยอดขนส่งในยุโรปตะวันตก แสดงถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 53.2% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึงเป็นการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในตลาด นอกจากนี้ข้อมูลในไตรมาสสอง ของปี 2562 ยังแสดงว่าสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกันนานถึง 8 ไตรมาส ในส่วนของสมาร์ททีวีเสียวหมี่เองก็ยังคงครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกัน 5 ไตรมาสอีกด้วย
นอกจากนี้เสียวหมี่ยังมุ่งมั่นในการสร้างและขยายช่องทางการขายปลีกทั่วโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 เสียวหมี่ มีการจดทะเบียนร้าน Mi Home แล้วกว่า 520 สาขาในต่างประเทศ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 92.6% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีถึง 79 สาขาในประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมี Mi Storeในประเทศอินเดียมากถึง 1,790 สาขา
คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Xiaomi ที่นี่ >>> http://bit.ly/2NR8Fla