เสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน (“เสียวหมี่” หรือ “กลุ่มธุรกิจ”; Stock Code:1810), บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานที่ยังไม่ได้สอบทานในช่วงสามเดือนแรกจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564
ในไตรมาสแรกของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้รวมและกำไรหลังจากการปรับปรุงเกินกว่าความคาดหวังของตลาดอย่างมาก รายได้รวมอยู่ที่ 76.9 พันล้านหยวนซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 54.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในระหว่างที่กำไรหลังจากการปรับปรุงอยู่ที่ 6.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่า 163.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตัวเลขไฮไลท์ของช่วงไตรมาสแรกปี 2564 ดังนี้
- รายได้รวมอยู่ที่ 76.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 54.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.2 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 163.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 รายได้รวมและกำไรหลังปรับปรุงถือได้ว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของเรา อัตราการเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟนทำให้มีการขยายฐานผู้ใช้งานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แพลตฟอร์ม AIoT ของเรากำลังขยายตัวทั่วโลก นอกจากการเติบโตของธุรกิจหลักในปัจจุบัน เรายังมองหาโอกาสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อขยับขยายธุรกิจให้ยิ่งกว้างไปกว่าเดิม และในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ รวมถึงการเดินเข้าสู่สมรภูมิธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะอย่างเป็นทางการ เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับอนาคตของบริษัทในช่วงสิบปีข้างหน้านี้”
ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก
ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกทำให้เสียวหมี่สามารถรักษาตำแหน่งอันดับสามไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะยกระดับการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียม
ในไตรมาสแรกของปี 2564 ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายได้จากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 69.8% หรือ 51.5 พันหลานหยวน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้นไปถึง 49.4 ล้านเครื่องและอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 12.9% Canalys ได้รายงานว่า เสียวหมี่สามารถรักษาอันดับในการส่งมอบสินค้าทั่วโลกไว้ที่ 3 ได้ในไตรมาสนี้ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 14.1%
นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจสมาร์ทโฟนภายในประเทศจีน Canalys กล่าวไว้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของ 2564 เสียวหมี่เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 14.6% เพราะบริษัทฯ ได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวภายนอก มีการรายงานว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ที่ได้จำหน่ายสมาร์ทโฟนผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มจาก 18.5% ในไตรมาสแรกของปี 2563 เป็น 38% ในปี 2564 ในขณะเดียวกันเสียวหมี่ก็ยังได้ขยายการขายแบบออฟไลน์ภายในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 จำนวนร้านค้าของเสียวหมี่ได้เพิ่มไปถึงกว่า 5,500 ร้าน โดยมีการสร้างเพิ่มอีก 2,300 ร้านนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2563
การที่เสียวหมี่มีผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่ครบวงจรนั้น ทำให้หนุนการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ซึ่งมีราคาประมาณ 3,000 หยวนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และ 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศ ทำให้เสียวหมี่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ถึงกว่าสี่ล้านเครื่องด้วยกัน นอกจากนี้จากแหล่งข้อมูลภายนอก ส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่สำหรับสมาร์ทโฟนที่ราคาเครื่องอยู่ที่ 4,000-6,000 หยวนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่นั้น เพิ่มขึ้นแตะ 16.1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 จากเดิม 5.5% ในช่วงเดียวกันของปี 2563
ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “Smartphone x AIoT”
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 กลยุทธ์หลักของเสียวหมี่ ซึ่งก็คือ “Smartphone × AIoT” เริ่มส่งผลสำเร็จอย่างชัดเจน กลุ่มสินค้า IoT และไลฟ์สไตล์ทำรายได้มากขึ้นถึง 40.5% (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ทะลุ 18.2 พันล้านหยวน
ไตรมาสแรกของปี 2564 การส่งมอบสมาร์ททีวีของเสียวหมี่นั้นทำได้ถึง 2.6 ล้านเครื่อง จากการรายงานของ All View Cloud (“AVC”) ได้รายงานว่าการส่งมอบของเสียวหมี่นั้นขึ้นอับดับ 1 ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 9 และยังอยู่ในอันดับที่ 5 ในตลาดโลก ยอดขายของทีวีเสียวหมี่และ Redmi ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ในตลาดค้าปลีกสำหรับทีวีหน้าจอที่ใหญ่กว่า 70 นิ้วขึ้นไป ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 29% ในขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกเองก็เพิ่มขึ้นถึง 160% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ในตลาดต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน รายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 81.1% เมื่อเทียบกันช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สินค้าเหล่านี้รวมไปถึงสกูตเตอร์ไฟฟ้า เครื่องฟอกอากาศ Mi Box และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังได้รับความนิยม
เสียวหมี่เองยังพยายามเพิ่มแพลตฟอร์ม AIoT อย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีผลิตภัณฑ์ IoT ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT (ยกเว้นสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) อยู่ถึง 351.1 ล้านเครื่อง มีผู้ใช้งานที่เชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ 5 ชนิดหรือมากกว่า (ยกเว้นสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์มของเสียวหมี่อยู่ 6.8 ล้านคน ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 48.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนมีนาคม 2564 มีผู้ใช้งานที่ใช้ AI Assistant กว่า 93 ล้านแอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือน (MAU) และมี 49.2 ล้านแอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือนที่ใช้ Mi Home App ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 22.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตยังขยายอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการโฆษณาในไตรมาสสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
การให้บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ในไตรมาสแรกของปี 2564 ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้โตถึง 11.4% หรือ 6.6 พันล้านหยวน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นของการให้บริการทางอินเตอร์เน็ตสูงขึ้นถึง 72.4% ในไตรมาสนี้ นอกจากนี้รายได้จากการโฆษณายังได้พุ่งทะยานขึ้นไปที่ 3.9 พันล้านหยวนหรือ 46.3% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในเดือนมีนาคม 2564 MIUI มีแอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 28.6% หรือ 425.3 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่แอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 118.6 ล้านคน เทียบได้กับการเติบโต 6.4% หรือผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 7.7 ล้านคนจากเดือนธันวาคม 2563 นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเพิ่มการบริการอินเทอร์เน็ตทีวี ทำให้ได้ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก โดยแอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือนของสมาร์ททีวีและ Mi Box เพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 มีผู้ใช้งานแบบโดยจ่ายค่าสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้บริการอินเทอร์เน็ตทีวีเป็นตัวเลขถึง 8.2% หรือ 4.7 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 50% แตะ 0.9 พันล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การขยายตัวของผู้ใช้งานต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดหลัก มีผู้ใช้งาน MIUIเพิ่มขึ้นถึง 95.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในตลาดยุโรปตะวันตก เสียวหมี่ยังคงเดินหน้าธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตในตลาดต่างประเทศและยกระดับประสบกาณ์ของผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นการสร้างยอดขายให้เติบโตในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศและเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั่วทวีปยุโรป
ในไตรมาสแรกของปี 2564 รายได้ของเสียวหมี่จากการทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 50.6% หรือ 37.4 พันล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรายงานของ Canalys พบว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ในช่วงไตรมาสแรกติดอันดับท็อป 5 ของบริษัทสมาร์ทโฟนที่ส่งมอบสินค้าในกว่า 62 ประเทศในแต่ละภูมิภาค และเป็นอันดับ 1 ใน 12 ประเทศและภูมิภาค
นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสำคัญ จากการรายงานของ Canalys ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 เป็นครั้งแรกที่เสียวหมี่ติดหนึ่งในสองอันดับแรกจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนในทวีปยุโรป คิดเป็นกว่า 85.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จึงทำให้สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ที่ 22.7%
เสียวหมี่ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเป็นไตรมาสที่สองจากการส่งมอบสินค้าสมาร์ทโฟน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 81.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 32.5% นอกจากนี้เสียวหมี่ยังติดอันดับหนึ่งในประเทศรัสเซียเป็นครั้งแรกด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 32.1%
ยิ่งไปกว่านั้น เสียวหมี่ยังสามารถรักษาอันดับที่สามไว้ได้ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 16.6% และยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 89.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังขึ้นอันดับหนึ่งในประเทศสเปนเป็นไตรมาสที่5 ติดต่อกัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35.1% ส่วนในประเทศอิตาลี เสียวหมี่ไต่ขึ้นอันดับสองและรักษาอันดับที่สามไว้ได้ในประเทศเยอรมนี รวมถึงฝรั่งเศส และขึ้นติดท็อป 5 ในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก โดยทั้งหมดมียอดการส่งมอบเติบโตกว่า 90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังคงรักษาแชมป์อันดับหนึ่งในประเทศอินเดียติดกันเป็นไตรมาสที่ 14 ในแง่ของการส่งมอบสมาร์ทโฟน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 28.3%
เสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดใหม่ๆ จากการรายงานของ Canalys พบว่าในประเทศแถบลาตินอเมริกา เสียวหมี่สามารถขึ้นไปสู่อันดับสามได้จากอัตราการส่งมอบที่เพิ่มขึ้นถึง 161.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 11.5% นอกจากนี้เสียวหมี่ยังอยู่ที่อันดับสามในตลาดตะวันออกกลาง ด้วยการส่งมอบเพิ่มขึ้น 87.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า สำหรับในทวีปแอฟริกา เสียวหมี่อยู่ในอันดับที่สี่จากการส่งมอบสินค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 191% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 เสียวหมี่ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายไปแล้วกว่า 150 รายทั่วโลก (รวมถึงบริษัทในเครือต่างๆ)
นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีคือพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดี
เสียวหมี่ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาและเติบโตของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 เสียวหมี่ได้ลงทุนในงบวิจัยและพัฒนาไปกว่า 3 พันล้านหยวนหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 61% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เสียวหมี่มีความมุ่งมันที่จะเพิ่มความทนทานของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการชาร์จแบตเตอรี่แบบรวดเร็ว รวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมเหล่านี้คือข้อพิสูจน์ว่าเสียวหมี่จะพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่จะข้ามผ่านข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอยู่เสมอ นอกจากนี้บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าเพื่อยกระดับการวิจัยและพัฒนาสินค้าและสรรหาผู้มีความรู้ความสามารถจากทั่วโลกเพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมรวมถึงการผลิตสินค้าแบบอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง