เสียวหมี่ผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกเผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2020 โดยบอกถึงการเข้าถึงและแนวทางการปฎิบัติของเสียวหมี่เพื่อยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืน ซึ่งรายงานความยาวกว่า 30 หน้านี้ ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนของเสียวหมี่
ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กรและการบริหารซัพพลายเชนแบบยั่งยืนเป็นต้น ทั้งยังนำเสนอความมุ่งมั่นของเสียวหมี่ด้านการเข้าถึงความปลอดภัยข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และอื่นๆ โดยเนื้อหาในรายงานฉบับนี้ครอบคลุมข้อมูลทั้งตลาดจีนและตลาดต่างประเทศเพื่อแสดงถึงโครงการต่างๆด้านความยั่งยืนของเสียวหมี่ทั่วโลก
“เสียวหมี่มุ่งมั่นจะช่วยยกระดับโลกมาโดยตลอดนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทในปี 2010 และในปี 2020 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ยังลงนามเข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Global Compact) เพื่อให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามหลัก 10 ประการเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม (ten stipulated principles of corporate responsibility)” เหลย จุน ประธานและผู้บริหารสูงสุดของเสียวหมี่คอร์ปอเรชันกล่าวไว้ในรายงานฉบับดังกล่าว
“นอกจากนี้ยังสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการเพื่อความยั่งยืนของเสียวหมี่ตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการดูแลบุคลากรและซัพพลายเออร์ของพวกเรา ความสัมพันธ์กับชุมชนรอบข้าง และวิธีการตอบสนองของเราต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโลก”
รายงานฉบับดังกล่าวอธิบายวิธีการทำงานของเสียวหมี่เพื่อผสานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในกระบวนการต่างๆ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือผลพวงต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต ยกตัวอย่างเช่น เสียวหมี่ลดปริมาณพลาสติกที่ใช้กับบรรจุภัณฑ์ของสมาร์ทโฟน Mi 10T และ Mi 10T Pro ลงร้อยละ 60 และภายในสิ้นปี 2021 เสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะลดปริมาณพลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จำหน่ายในทวีปยุโรปลงอีก
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังนำเสนอว่าผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคของเสียวหมี่กว่า 40 ประเภทนั้นถูกติดตั้งคุณสมบัติเพื่อการประหยัดพลังงานซึ่งเป็นคุณสมบัติหลัก เสียวหมี่ยังระบุว่าผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่นั้นผลิตตามกฎด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยต่างๆ ที่ใช้ในแต่ละท้องตลาดที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นๆ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่นั้นผลิตภายใต้มาตรฐานต่างๆ ที่ใช้ในสหภาพยุโรป ทั้ง CE, REACH, RoHS และ WEEE Directives
เสียวหมี่ยังแสดงถึงความสำคัญของนวัตกรรมต่อแนวคิดด้านความยั่งยืนเพื่อแก้หรือบรรเทาปัญหาต่างๆในระดับโลก ยกตัวอย่างเช่น เสียวหมี่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนาระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า ซึ่งเป็นไปตามคำมั่นของเสียวหมี่ที่จะมีบทบาทอย่างสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ
โดยปัจจุบัน ประเทศจีนและในประเทศอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในแนวเขตความเสี่ยงแผ่นดินไหวในอนาคต สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ที่ใช้iระบบ MIUI (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 11 เป็นต้นไป) รวมถึงผู้ใช้ Mi TV จะได้รับการแจ้งเตือนหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวภายในไม่กี่วินาทีหลังจากตรวจพบการสั่นไหว
โดยการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวของเสียวหมี่จะระบุข้อมูลสถานที่หลบภัยที่ใกล้ที่สุด ข้อมูลสำหรับการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลของสถานพยาบาล และการแจ้งขอความช่วยเหลือหากสถานการณ์เลวร้ายลง โดยตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวของ MIUI ตรวจจับแผ่นดินไหวที่มีความแรงตั้งแต่ระดับ 4.0 จำนวน 29 ครั้ง และส่งการแจ้งเตือนได้กว่า 9.4 ล้านการแจ้งเตือนด้วยกัน
ในปี 2020 เสียวหมี่ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในเดือนมีนาคมปีที่ ผ่านมาเสียวหมี่ได้บริจาคหน้ากากเอฟเอฟพี 3 (FFP3) หลายหมื่นชิ้นให้กับรัฐบาลอิตาลีและให้ความช่วยเหลือชาวอิตาเลียนในภูมิภาคเวเนโต้ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง เสียวหมี่ยังส่งสิ่งบรรเทาทุกข์ต่างๆ ให้กับฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และโปแลนด์
และเมื่อสถาบันการศึกษาต่างๆ ในยุโรปต้องงดการเรียนสอนแบบปกติและเปลี่ยนไปใช้ระบบออนไลน์แทน เสียวหมี่ในประเทศสเปนได้บริจาคสมาร์ทโฟน 1 พันเครื่องให้กระทรวงศึกษาธิการของสเปนเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเยาวชนทั่วประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2020 มูลนิธิปักกิ่งเสียวหมี่ (the Beijing Xiaomi Foundation) ได้บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 5.9 ล้านหยวน (ประมาณ 854,000 เหรียญสหรัฐฯ) ให้กับประเทศต่างๆ ถึง 14 ประเทศ รวมถึงอิตาลี สเปน ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย และพม่า