คลังเก็บ

4 เหตุผลที่ทำให้ Xiaomi 13T เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงสุดคุ้มแห่งปี 2023

เปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาสำหรับ Xiaomi 13T Series ซึ่งประกอบด้วย Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro โดยเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงสุดคุ้มส่งท้ายปีของ Xiaomi ที่รวมสเปกที่ดีที่สุดของปีทั้งหมดมาไว้ในเครื่องเดียว

และเป็นครั้งแรกที่กล้อง LEICA ถูกนำมาใส่ในสมาร์ตโฟน Xiaomi ตระกูล T Series ในราคาเอื้อมถึงได้ง่าย โดยเฉพาะ Xiaomi 13T รุ่นมาตรฐานที่ทาง MobileOcta ขอยกให้เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงสุดคุ้มแห่งปี 2023 และนี่คือ 4 เหตุผลที่ตอกย้ำว่า Xiaomi 13T คือ Smartphone of The Year 2023 !

ถ่ายภาพสวยด้วยกล้อง LEICA

Xiaomi 13T มาพร้อมกล้อง LEICA (co-engineered with LEICA) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Masterpiece in sight’ ที่ถ่ายภาพได้สวยคมชัด พร้อมชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเลนส์กล้องใหญ่ แต่ตอนนี้มาอยู่ในสมาร์ตโฟนแล้ว

Xiaomi 13T

โดยประกอบด้วย กล้องหลัก LEICA Main ที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX707 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์ LEICA Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้องเลนส์ LEICA Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล 

พร้อมฟีเจอร์ LEICA Authentic Look ให้ภาพเป็นธรรมชาติและสมจริง และ LEICA Vibrant Look ให้ภาพสดชื่นแจ่มใส ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมาให้ฟีลเหมือนกับถ่ายด้วยกล้อง LEICA จริง ๆ 

รวมถึงยังมาพร้อมกับฟิลเตอร์พิเศษจาก LEICA ถึง 6 แบบด้วยกัน LEICA VIV, LEICA NAT, LEICA BW NAT, LEICA BW HC, LEICA SEPIA และ LEICA BLUE ช่วยสร้างอารมณ์ให้แต่ละรูปถ่ายในรูปแบบที่แตกต่างกันอีกด้วย

และการถ่ายภาพ Portrait นอกจากจะปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ รวมถึงฟีเจอร์ Beautify และ Filters แล้ว ยังมีโหมดพิเศษ Master-lens system ที่มีให้เลือก 3 สไตล์ 3 ระยะเลนส์ โดยระยะแรกเป็น Documentary Lens 35 มม. ให้ภาพถ่ายเบลอหลังแบบสมจริงเหมือนตาเห็น, Swirly Bokeh Lens 50 มม. เน้นการถ่ายวัตถุ และบุคคลให้เด่นมากขึ้น และ Soft Focus Lens 90 มม. เน้นความฟุ้งเหมือนอยู่ในฝัน เรียกว่าถ่ายระยะไหนก็สวย และคมชัด

ดีไซน์สวยหรูดูพรีเมียม

ดีไซน์ตัวเครื่องของ Xiaomi 13T ด้านหน้าจอมาในดีไซน์จอแบนขอบบางที่มีขนาดหน้าจอแสดงผลใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว โดยเป็นจอ Punch Hole แบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ความละเอียด FHD+ และมีความสว่างสูงสุดถึง 2,600 nits รวมถึงรองรับการปรับความสว่าง 16,000 ระดับ

ซึ่งความน่าสนใจของหน้าจอ Xiaomi 13T ก็คือเป็นหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision รองรับ HDR10+ และมีอัตราการหรี่แสง PWM Dimming สูงถึง 2880Hz ลดความเมื่อยล้าทางสายตาที่เกิดจากการกะพริบและดูแลดวงตาของคุณได้ดีขึ้น สมกับเป็นรุ่นเรือธงอย่างแท้จริง

ส่วนด้านหลังมี 3 สีให้เลือก คือ สีฟ้า (Alpine Blue) ให้ความพรีเมียมด้วยวัสดุหนังวีแกน Xiaomi BioComfort มีผิวสัมผัสนุ่มมือ รวมทั้งสีเขียว (Meadow Green) และสีดำ (Black) ที่ใช้วัสดุฝาหลังเป็นกระจกมันวาว สวยหรู นอกจากนี้ที่ขอบด้านข้างตัวเครื่องยังมีความโค้งมน ช่วยให้เข้ารูปกับมือเวลาจับถือใช้งาน และยังได้รับการออกแบบมาให้ทนน้ำและกันฝุ่นที่ระดับ IP68 อีกด้วย

ขุมพลังชิปเซ็ทระดับเรือธง

Xiaomi 13T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตเรือธง MediaTek Dimensity 8200-Ultra ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 4 นาโนเมตรล่าสุดจาก TSMC ปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง CPU และ GPU ประกอบด้วย CPU แบบ Octa Core ความเร็วสูงสุด 3.1GHz และ GPU – Arm Mali-G610 พร้อมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB สามารถขยาย RAM ได้อีก 4GB จึงเปรียบเสมือนมี RAM สูงสุด 16GB และหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB

ด้วยประสิทธิภาพของชิปเซ็ทระดับเรือธงทำให้ Xiaomi 13T รองรับการเล่นเกมกราฟิกสวย ๆ ได้ทุกเกม และเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นเกม PUBG MOBILE, ROV รวมถึงเกม Asphalt 9 พบว่า สามารถเลือกปรับค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกหัวข้อ และเล่นนานเป็นชั่วโมงเครื่องก็ไม่ค่อยร้อนมาก ต้องยกความดีให้กับชิปเซ็ท Dimensity 8200-Ultra และแผ่นระบายความร้อนสแตนเลสสตีล VC ขนาดใหญ่พิเศษ 5000 ตร.มม. เลยทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนอย่างที่ควรเป็น

ชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging

Xiaomi 13T รองรับการใช้งานที่ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ 5000mAh ด้วยพลังชิปเซ็ท Dimensity 8200-Ultra ที่นอกจากแรงแล้ว ยังสามารถจัดการพลังงาน และความร้อนได้ดี ส่งผลให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูหนัง หรือเล่นเกมแบบต่อเนื่อง แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ทั้งวันแบบสบายๆ

แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ชาร์จเร็วที่น่าพอใจ โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 49 นาที หรือชาร์จได้ 21% ในเวลาเพียง 5 นาที แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วออกจากกล่องเป็นที่เรียบร้อยต้องซื้อแยกเท่านั้น ใครที่ได้ช่วงพรีออเดอร์ก็ได้ของแถมนี้ไป ถือว่าโชคดีเลยครับ

สรุป

Xiaomi 13T ถือเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงสุดคุ้มแห่งปี 2023 ที่มีความโดดเด่นรอบด้าน ทั้งด้านการถ่ายภาพที่เป็นจุดเด่นหลัก โดยมาพร้อมระบบกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ Summicron ที่ออกแบบร่วมกับ LEICA (Summicron lenses co-engineered with LEICA) ถ่ายภาพออกมาได้คมชัด สวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนถ่ายด้วยกล้อง LEICA จริงๆ

อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ระดับเรือธงที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง หรืออ่านหนังสือก็ได้ประสบการณ์ที่ราบรื่น และสะดวกสบาย ด้านประสิทธิภาพใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง CPU และ GPU ได้ เล่นเกมได้นานต่อเนื่องโดยที่เครื่องไม่ร้อน

แบตเตอรี่ของ Xiaomi 13T เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ให้มาขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ใช้งานได้สบายๆ ใน 1 วัน แถมยังรองรับการชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging ไม่ต้องรอนานอีกด้วย และที่เป็นไฮไลต์เลยก็คือ ราคาเปิดตัวของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ที่ทำราคาออกมาได้ดีมากๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนเรือธงในระดับเดียวกัน

ใครกำลังมองหาของขวัญปีใหม่มอบให้กับคนที่เรารัก หรือเอาไว้บันทึกโมเมนต์ดี ๆ กันในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอแนะนำ Xiaomi 13T รุ่นนี้เลยครับ

Xiaomi 13T รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ !! เจมาร์ท (Jaymart) ซิงเกอร์ (SINGER) และเอสจี แคปปิตอล (SG Capital) ได้ร่วมมือกับเสียวหมี่ (Xiaomi) ออกแคมเปญพิเศษ ‘SG CAPITAL PLUS l Xiaomi 13T’ 

ให้ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Xiaomi 13T ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพียงใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ก็สามารถเริ่มต้นผ่อนได้เพียงเดือนละ 440 บาท นานสูงสุด 24 เดือน นอกจากนี้ยังทราบผลอนุมัติไวใน 3 นาทีอีกด้วย

เป็นเจ้าของ Xiaomi 13T ได้ง่ายๆ และรวดเร็วผ่านแคมเปญพิเศษ ‘SG CAPITAL PLUS l Xiaomi 13T’ ได้ที่ ร้านเจมาร์ท และซิงเกอร์ ทั่วประเทศ