Vivo ประกาศเปิดตัว Vivo X60 Series เวอร์ชั่น Global อย่างเป็นทางการที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งประกอบด้วย Vivo X60 5G และ X60 Pro 5G โดยมีการเปลี่ยนแปลงชิปเซ็ทจาก Exynos 1080 เวอร์ชั่นที่เปิดตัวที่จีนเป็นชิปเซ็ท Snapdragon 870 และกล้องหลังของ X60 Pro 5G ที่เวอร์ชั่นจีนมี 4 เลนส์ เหลือ 3 เลนส์ในเวอร์ชั่น Global (ตัดเลนส์ Periscope ออกไป)
สเปก Vivo X60 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 159.63×75.01×7.36 มม. (Midnight Black) และ 159.63×75.01×7.40มม. (Shimmer Blue) และน้ำหนัก 176 กรัม หน้าจอแสดงผลจอแบนแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2376 x 1080 พิกซล ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.8:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.76%, รองรับ HDR10 และ HDR10+, มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบนแบบ Punch Hole Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 870, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650, RAM 12GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจำภายใน 256GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS Camera Vario-Tessar [1.48-3.4/16-125 ASPH ] พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX598 รูรับแสงขนาด f/1.79 รองรับระบบกันสั่น OIS แบบ 5 แกน พร้อมระบบ closed-loop motor ป้องกันภาพสั่นไหว
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา และถ่ายระยะใกล้สุด 2.5cm ใช้แทน Macro ได้
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.46 ทางยาวโฟกัส 50มม.
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.45
รวมทั้งรองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode ทั้งสแตนอนโลน (SA) และนอนสแตนอโลน (์NSA), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.1, พอร์ต USB Type-C, NFC, ผู้ช่วยส่วนตัว Jovi, รองรับไฟล์เสียง Hi-Res และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
ทั้งนี้ Vivo X60 5G มีตัวเลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Midnight Black และ Shimmer Blue โดยวางจำหน่ายที่ประเทศมาเลเซียในราคา 2,699 ริงกิตหรือประมาณ 20,298 บาท
สเปก Vivo X60 Pro 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 158.58 × 73.24 ×7.59 มม. และน้ำหนัก 177 กรัม (Midnight Black) และ 158.58 × 73.24 ×7.69 มม. และน้ำหนัก 179 กรัม (Shimmer Blue) หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้งแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2376 x 1080 พิกซล ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.8:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.7%, รองรับ HDR10 และ HDR10+, มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบนแบบ Punch Hole Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 870, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650, RAM 12GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจำภายใน 256GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS Camera Vario-Tessar [1.48-3.4/16-125 ASPH ] พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX598, รูรับแสงขนาด f/1.48 รองรับระบบกันสั่น OIS แบบ 5 แกน พร้อมระบบ Gimbal Stabilization 2.0 ป้องกันภาพสั่นไหว
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา และถ่ายระยะใกล้สุด 2.5cm ใช้แทน Macro ได้
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.46 ทางยาวโฟกัส 50มม.
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.45
รวมทั้งรองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode ทั้งสแตนอนโลน (SA) และนอนสแตนอโลน (์NSA), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.1, พอร์ต USB Type-C, NFC, ผู้ช่วยส่วนตัว Jovi, รองรับไฟล์เสียง Hi-Res และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,200mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
ทั้งนี้ Vivo X60 Pro 5G มีตัวเลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Midnight Black และ Shimmer Blue โดยวางจำหน่ายที่ประเทศมาเลเซียในราคา 3,299 ริงกิตหรือประมาณ 24,810 บาท
ที่มา : Vivo Malaysia