Vivo ประกาศเปิดตัว Vivo X50e 5G อย่างเป็นทางการที่ประเทศไต้หวัน โดยเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ในตระกูล X50 Series มาพร้อมจุดเด่นจอแสดงผล AMOLED, ชิปเซ็ต Snapdragon 765G รองรับ 5G, กล้องหลัง 4 ตัว ถ่ายได้ครบทุกะระยะ และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W ในราคาหมื่นกลางๆ
สเปก Vivo X50e 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 162.05×74.97×8.88 มม. และน้ำหนัก 200.4 กรัม หน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 765G (11 nm), RAM 8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch 10

ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว AI Quad Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Utra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.46
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมโหมด Super night selfie, AI face beauty, Pose Master, Softlight Band เป็นต้น

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับระบบเสียง HiFi, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.1, พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 4,350mAh รองรับขาร์จเร็ว 33W

ทั้งนี้ Vivo X50e 5G มีให้เลือก 2 สีคือ สีฟ้า Water Mirror และสีดำ Night โดยมีราคาเปิดตัวที่ประเทศไต้หวันที่ 13,3990 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 15,300 บาท เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนจะเข้าบ้านเราหรือไม่ ต้องรอติดตามข่าวกันต่อไป
ที่มา : Playfuldroid