Vivo ประกาศเปิดตัว Vivo X20 In-Screen Fingerprint Version หรือ Vivo X20 Plus UD ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยูใต้หน้าจอแสดงผล พร้อมสเปกและคุณสมบัติการใช้งานที่เหมือนรุ่น Vivo X20 Plus
สเปก Vivo X20 Plus UD
Vivo X20 Plus UD มีรูปลีกษณ์ดีไซน์ภายนอกที่เหมือนรุ่น X20 Plus แต่มีขนาดที่เล็กและบางกว่านิดนึง ด้วยขนาด 165.2 x 80.02 x 7.35 มม. และน้ำหนัก 183.1 กรัม และแตกต่างกันตรงที่มีสีเดียวคือสีดำขอบทองเพิ่มสวยหรู หน้าจอแสดงผลเป็นจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 2160 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.43 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9
เทคโนโลยี In-Display Fingerprint Sensor จาก Synaptics มีชื่อเรียกว่า Clear ID FS9500 สแกนลายนิ้วมือด้วยระบบ Optical โดยใช้เซ็นเซอร์รับภาพ CMOS ที่มีความบางเพียง 0.68 มิลลิเมตร ติดตั้งไว้ในชั้นใต้แผงจอแสดงผล OLED ซึ่งจะทำหน้าที่สะท้อนแสงไปยังลายนิ้วมือ เพื่อให้เซ็นเซอร์สแกน และส่งข้อมูลไปยังชิปประมวลผล เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือว่าตรงกับเจ้าของอุปกรณ์หรือไม่
โดยทาง Vivo เคลมว่าสามารถปลดล็อกหน้าจอได้ในเวล่าเพียง 0.6 ถึง 0.7 วินาที และหากไม่ต้องการยกโทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ได้โดยแตะที่ไอคอนลายนิ้วมือบนหน้าจอ นอกเหนือจากการปลดล็อกโทรศัพท์แล้วยังสามารถใช้สำหรับการชำระเงินที่ปลอดภัยผ่านทาง AliPay และ WeChat ได้
ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 660, RAM 4GB, หน่วยความจำภายใน 64GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 128GB พร้อมทั้งมีคุณสมบัติการจดจำใบหน้า Face Wake, Vivo Game Engine ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกม และยังรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันคู่ รวมถึงติดตั้งชิปเสียง ES9318 DAC + combo amp Hi-Fi audio และ AI
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED โดยกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.8 กล้องรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกฌซล พร้อมรูรับแสง f/2.0 รวมทั้งรองรับ 2 SIM, รองรับ 4G VoLTE, Wi-Fi, Bluetooth 5.0 และแบตเตอรี่ 3.800 mAh และรันบนระบบปฎิบัติการ FunTouch OS 3.2 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 7.1.1 Nougat
ทั้งนี้ Vivo X20 Plus UD มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3,598 หยวนหรือประมาณ 17,830 บาท โดยจะเริ่มเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งวันที่ 24 มกราคมจนถึงวันที่ 29 มกราคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 1 กมภาพันธ์นี้
ที่มา : Gizmochina