vivo ประกาศเปิดตัว vivo x Fold3 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ประกอบด้วย vivo X Fold3 และ vivo X Fold3 Pro มาพร้อมการอัปเกรดที่ดีกว่า เร็วกว่า แข็งแกร่งกว่า บางกว่า และเบากว่า X Fold2 รวมกับปรับปรุงเรื่องกล้อง และแบตเตอรี่
สเปก vivo X Fold3
ตัวเครื่องมีขนาด 160 x 142.7 x 4.7 มม. (เมื่อพับหน้าจอ) 160 x 72.7 x 10.2 มม. (เมื่อกางหน้าจอ) และน้ำหนัก 219 กรัม หน้าจอแสดงผลหลักด้านในพับได้เป็นจอแบบ Samsung E7 LTPO AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 2200 x 2480 พิกเซล ขนาด 8.03 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรทปรับได้ 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+, Dolby Vision และความสว่างสูงสุด 4,500nits
ส่วนหน้าจอแสดงผลด้านนอกเป็นจอแบบ Q9 Plus AMOLED ความละเอียด 1172 x 2748 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ในอัตราส่วน 21:9 รองรับ HDR10+, Dolby Vision และความสว่างสูงสุด 4,500nits
vivo X Fold3 มีบานพับคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาซึ่งมีน้ำหนักเพียง 14.98 กรัม ได้รับการรับรองว่าทนทานต่อการพับ 500,000 เท่าโดย TÜV Rhinenland รวมถึง vivo ยังเพิ่มความต้านทานการตกของโทรศัพท์ด้วย โดยด้านหน้าทนทานกว่า 11 เท่า ด้านหลัง 15 เท่า (เทียบกับ X Fold2) แม้แต่จอแสดงผลแบบพับได้ก็มีฟิล์มกันกระแทกนอกเหนือจาก UTG
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8550-AB Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740, RAM 12GB/16GB และหน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Origin OS 4
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera เลนส์ Vario-Tessar พร้อมโคตติง T* จาก Zeiss พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV50H, รูรับแสง f/1.8, (wide), 1/1.49″, ระบบ PDAF, ระบบ Laser AF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B รูรับแสง f/1.9, 1/2.93″, ระบบ PDAF และซูมออปติคอล 2 เท่า
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung JN1 รูรับแสง f/2.0, 1/2.76″, PDAF และถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ทั้งด้านใน และด้านนอกความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 (Wide)
vivo X Fold3 ใช้ตัวควบคุมแบบสัมผัสสำหรับทั้งจอแสดงผลและแอมป์เสียงมาจาก Goodix ตัวควบคุมสามารถสัมผัสได้แม้กระทั่งนิ้วมือที่เปียก (สะดวกด้วยระดับการกันน้ำแบบใหม่) และแอมป์ SpeakerBoost 5.0 ได้รับการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพเสียงที่แรงดันไฟฟ้าต่ำ (จึงใช้พลังงานน้อยลง)
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอและเสียง Hi-Fi ไร้สาย Lossless, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IPX4, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, ฺBluetooth 5.3, NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W
ทั้งนี้ vivo X Fold3 มีให้เลือก 2 สีคือ Eclipse Black และ Solar White โดยวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศจีนส่วนราคามีดังนี้
- RAM 12GB + 256GB ราคา 7,000 หยวนหรือประมาณ 35,300 บาท
- RAM 16GB + 256GB ราคา 7,500 หยวนหรือประมาณ 37,820 บาท
- RAM 16GB + 512GB ราคา 8,000 หยวนหรือประมาณ 40,340 บาท
- RAM 16GB + 1TB ราคา 9,000 หยวนหรือประมาณ 45,390 บาท
สเปก vivo X Fold3 Pro
ตัวเครื่องมีขนาด 160 x 142.4 x 5.2 มม. (เมื่อพับหน้าจอ) 160 x 72.6 x 11.2 มม. (เมื่อกางหน้าจอ) และน้ำหนัก 236 กรัม หน้าจอแสดงผลหลักด้านในพับได้เป็นจอแบบ Samsung E7 LTPO AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 2200 x 2480 พิกเซล ขนาด 8.03 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรทปรับได้ 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+, Dolby Vision และความสว่างสูงสุด 4,500nits
ส่วนหน้าจอแสดงผลด้านนอกเป็นจอแบบ Q9 Plus AMOLED ความละเอียด 1172 x 2748 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ในอัตราส่วน 21:9 รองรับ HDR10+, Dolby Vision และความสว่างสูงสุด 4,500nits
vivo X Fold3 Pro มีบานพับคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาซึ่งมีน้ำหนักเพียง 14.98 กรัม ได้รับการรับรองว่าทนทานต่อการพับ 500,000 เท่าโดย TÜV Rhinenland รวมถึง vivo ยังเพิ่มความต้านทานการตกของโทรศัพท์ด้วย โดยด้านหน้าทนทานกว่า 11 เท่า ด้านหลัง 15 เท่า (เทียบกับ X Fold2) แม้แต่จอแสดงผลแบบพับได้ก็มีฟิล์มกันกระแทกนอกเหนือจาก UTG
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.3GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8650-AB Snapdragon 8 Gen 3 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 750, RAM 16GB และหน่วยความจำภายใน 512GB/1TB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Origin OS 4
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera เลนส์ Vario-Tessar พร้อมโคตติง T* จาก Zeiss พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX920, รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.3″, ระบบ PDAF, ระบบ Laser AF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX816, รูรับแสง f/2.6, 70mm, 1/2.0″, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมออปติคอล 3 เท่า
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung JN1 รูรับแสง f/2.0, 1/2.76″, PDAF และถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ทั้งด้านใน และด้านนอกความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 (Wide)
vivo X Fold3 Pro ใช้ตัวควบคุมแบบสัมผัสสำหรับทั้งจอแสดงผลและแอมป์เสียงมาจาก Goodix ตัวควบคุมสามารถสัมผัสได้แม้กระทั่งนิ้วมือที่เปียก (สะดวกด้วยระดับการกันน้ำแบบใหม่) และแอมป์ SpeakerBoost 5.0 ได้รับการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพเสียงที่แรงดันไฟฟ้าต่ำ (จึงใช้พลังงานน้อยลง)
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ 3D Sonic จาก Qualcomm ที่มีพื้นกว้างขึ้น สแกนได้ 2 นิ้วพร้อมกัน, ลำโพงสเตอริโอและเสียง Hi-Fi ไร้สาย Lossless, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IPX8, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, ฺBluetooth 5.3, NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,700mAh รองรับชาร์จเร็ว 100W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W
ทั้งนี้ vivo X Fold3 Pro มีให้เลือก 2 สีคือ Eclipse Black และ Solar White โดยวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศจีนส่วนราคามีดังนี้
- RAM 16GB + 512GB ราคา 10,000 หยวนหรือประมาณ 50,430 บาท
- RAM 16GB + 1TB ราคา 11,000 หยวนหรือประมาณ 55,470 บาท
ที่มา : Gsmarena