vivo ประกาศเปิดตัว vivo X Fold+ สมาร์ตโฟนเรือธงจอพับรุ่นที่ 2 อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดของ vivo X Fold ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมาพร้อมชิปเซ็ทใหม่ แบตเตอรี่ที่มีขนาดเพิ่มขึ้น และรองรับชาร์จไว 80W
สเปก vivo X Fold+
ตัวเครื่องมีขนาด 162 x 144.9 x 6.3 มม. (เมื่อพับหน้าจอ) 162 x 74.5 x 14.6 มม. (เมื่อกางหน้าจอ) และน้ำหนัก 311 กรัม หน้าจอแสดงผลหลักด้านในเป็นจอแบบ LTPO3 AMOLED E5 ความละเอียด 2K 1916 x 2160 พิกเซล ขนาด 8.03 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรทปรับได้ 120Hz และรองรับการแสดงผล HDR10+
ส่วนหน้าจอแสดงผลด้านนอกเป็นจอแบบ AMOLED E5 ความละเอียด 1080 x 2520 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ในอัตราส่วน 21:9
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.19GHz โดยใช้ชิปเซ็ทQualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730, RAM 12GB และหน่วยความจำภายใน 256GB/512GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Origin OS Ocean
ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว Quad Camera เลนส์ Vario-Tessar พร้อมโคตติง T* จาก Zeiss พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL GN1, รูรับแสง f/1.6, ระบบ Dual Pixel PDAF, ระบบ Laser AF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมออปติคอล 5 เท่า
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0, ระบบ PDAF และซูมออปติคอล 2 เท่า
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 114 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ 3D Sonic จาก Qualcomm ที่มีพื้นกว้างขึ้น สแกนได้ 2 นิ้วพร้อมกัน, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, ฺBluetooth 5.2, NFC, พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,730mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W ชาร์จ 100% ภายในเวลา 35 นาที นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไร้สาย 50W และชาร์จย้อนกลับไร้สายให้อุปกรณ์อื่น 10W ด้วย
ทั้งนี้ vivo X Fold+ มีให้เลือก 3 สีคือ Sunny Mountain Blue, Sycamore Ash และ Huaxia Red โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 29 กันยายน 2565
ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 12GB + 256GB ราคา 9,999 หยวนหรือประมาณ 53,880 บาท
- RAM 12GB + 512GB ราคา 10,999 หยวนหรือประมาณ 591,270 บาท
ที่มา : Gsmarena