หลังจากรอคอยกันมาสักพักใหญ่สำหรับ Vivo NEX ที่พัฒนาจากรุ่นคอนเซปต์ Vivo APEX ซึ่งนำไปจัดแสดงที่งาน MWC 2018 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และได้รับรางวัลมากมาย
ล่าสุดได้เปิดตัวที่ประเทศจีนอย่างเป้นทางการแล้วโดยใช้ชื่อร่น Vivo NEX Ultimate สำหรับรุ่นท๊อปมาพร้อมชิปเซ็ท Snapdragon 845 และ Vivo NEX สำหรับรุ่นรองใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 710
สเปก Vivo NEX และ NEX Ultimate
Vivo NEX และ NEX Ultimate มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Ultra FullView ความละเอียด FHD+ 1080 x 2316 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:3:9 และมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 91.24%
ส่วนที่ต่างกันคือ NEX Ultimate ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นที่ 3 ซึ่ง Vivo อ้างว่ามีความแม่นยำสูงกว่า 50% และเร็วกว่า 10% ส่วนรุ่น NEX ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง
Vivo NEX Ultimate ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ที่สถาปัตยกรรม 10nm โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 845, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 630, RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB
ขณะที่ Vivo NEX รุ่นรองใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 710, RAM 6GB และหน่วยความจำภายใน 128GB
Vivo NEX และ NEX Ultimate ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล โดยกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 363, ขนาดพิกเซล 1.4um และรูรับแสง f/1.8 รวมทั้งรองรับโหมดถ่ายภาพด่วยเทคโนโลยี AI, โหมด HDR แบบ AI, การสนับสนุนช่วงสี DCI-P3 และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 4 แกน (รุ่น NEX ไม่มี)
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่เป็นแบบ Pop Up ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.0 และโหมด AI Beauty Face Beauty
ในส่วนการเชื่อมต่อต่างๆ รองรับ 4G LTE With VoLTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac dual-band, Bluetooth 5.0 Low Energy, GPS พร้อม A-GPS, GLONASS, NFC และแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh อย่างไรก็ตามแม้จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่แต่ตัวเครื่อง Vivo NEX และ NEX Ultimate บางเพียง 6.59 มม.เท่านั้น และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด่้วย UX Energy UI แบบใหม่ของ Vivo
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังมาพร้อม Game Engine โดยพัฒนาร่วมกับ Tencent, NetEase และ Unreal เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบ immersive ที่เพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์และปรับให้เหมาะกับการใช้งาน
รวมถึงใช้ระบบเสียงแบบ 3D 7.1 แชนแนล ที่ร่วมกับ dtsX โดยรุ่น NEX ใช้ชิปเสียง AK4376A DAC for Hi-Fi audio ส่วนรุ่น NEX Ultimate ใช้ชิปเสียง CS43199 + SSM6322 Amplifier
รวมทั้งมาพร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi โดยจะมีปุ่มกดเรียกใช้งานเฉพาะเหมือนกับสมาร์ทโฟนของซัมซุง ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่น, ใช้คำสั่งเสียงเพื่อควบคุม รวมถึงวิเคราะห์พฤติกรรมของเรา และคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ
ทั้งนี้ Vivo NEX และ NEX Ultimate มีให้เลือกสองสีคือ Ruby Red และ Diamond Black โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 23 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ส่วนราคามีดังนี้
- Vivo NEX ราคา 3,898 หยวนหรือประมาณ 19,539 บาท
- Vivo NEX Ultimate รุ่นความจุ 128GB ราคา 4,498 หยวนหรือประมาณ 22,547 บาท
- Vivo NEX Ultimate รุ่นความจุ 256GB ราคา 4,998 หยวนหรือประมาณ 25,053 บาท
ที่มา : Mysmartprice
คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Vivo ได้ที่นี่ >>>