เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Vivo X50 Series ซึ่งประกอบด้วย Vivo X50, X50 Pro และ X50 Pro+ โดย 2 รุ่นหลังมาพร้อมความสามารถในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่รุ่นแรกคือสมาร์ตโฟน 5G ที่บางที่สุดในตอนนี้
สเปก Vivo X50
ตัวเครื่องมีขนาด 159.54 × 75.39 ×7.55 มม. และน้ำหนัก 174.5 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2376 × 1080 พิกซล ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.8:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.8%, รองรับ HDR10+, มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ที่มุมซ้ายด้านบนแบบ Punch Hole Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 765G (7nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620, RAM 8GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB แบบ UFS2.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5
ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX598 โครงสร้าง 7 ชิ้นเลนส์ รูรับแสงขนาด f/1.6 เทคโนโลยี 4-in-1 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.48 ทางยาวโฟกัส 50 มม.
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Super Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.48 สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 1.5 เซนติเมตร
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.48
รวมทั้งรองรับ 5G แบบ Dual Mode ทั้งสแตนอนโลน (SA) และนอนสแตนอโลน (์NSA), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, NFC, ผู้ช่วยส่วนตัว Jovi, รองรับไฟล์เสียง Hi-Res และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,200mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
ทั้งนี้ Vivo X50 มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ สีฟ้า และสีชมพู โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 6 มิถุนายนเป็นต้นไป ส่วนราคามีดังนี้
- รุ่น RAM 8GB+128GB ราคา 3,498 หยวน หรือประมาณ 15,500 บาท
- รุ่น RAM 8GB+256GB ราคา 3,898 หยวน หรือประมาณ 17,300 บาท
สเปก Vivo X50 Pro
ตัวเครื่องมีขนาด 158.46 × 72.80 × 8.04 มม. และน้ำหนัก 181.5 กรัม หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2376 × 1080 พิกซล ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.8:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.6%, รองรับ HDR10+, มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ที่มุมซ้ายด้านบนแบบ Punch Hole Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 765G (7nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620, RAM 8GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB แบบ UFS2.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5
ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก Gimbal Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX598 โครงสร้าง 7 ชิ้นเลนส์ รูรับแสงขนาด f/1.6 เทคโนโลยี 4-in-1
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.46 ทางยาวโฟกัส 50 มม.
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Super Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา และถ่ายภาพแบบ Macro ระยะใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/3.4 รองรับการซูมภาพสูงสุดที่ 60 เท่า
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.45
รวมทั้งรองรับ 5G แบบ Dual Mode ทั้งสแตนอนโลน (SA) และนอนสแตนอโลน (์NSA), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, NFC, ผู้ช่วยส่วนตัว Jovi, ใช้ชิปเสียง Hi-Res AK4377A และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,315mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0
ทั้งนี้ Vivo X50 Pro มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ สีเทา และสีขาว โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 12 มิถุนายนเป็นต้นไป ส่วนราคามีดังนี้
- รุ่น RAM 8GB+128GB ราคา 4,298 หยวน หรือประมาณ 19,100 บาท
- รุ่น RAM 8GB+256GB ราคา 4,698 หยวน หรือประมาณ 20,900 บาท
สเปก Vivo X50 Pro+
ตัวเครื่องมีขนาด 158.5 x 72.8 x 8 มม. และน้ำหนัก 181.5 กรัม หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2376 × 1080 พิกซล ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.8:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.6%, รองรับ HDR10+, มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ที่มุมซ้ายด้านบนแบบ Punch Hole Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 865, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650, RAM 8GB/12GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5
ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก Gimbal Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ ISOCELL GN1 ขนาด 1/1.3 นิ้ว รองรับระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Portrait ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัส 50 มม.
- กล้องตัวที่ 3 แบบ Super Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา และถ่ายภาพแบบ Macro ระยะใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร
- กล้องตัวที่สี่แบบ Periscope Telephoto ความละเอียด13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/3.4 รองรับการซูมภาพสูงสุดที่ 60 เท่า (Hybrid Zoom)
กล้องหน้าฝังบนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.45
รวมทั้งรองรับ 5G แบบ Dual Mode ทั้งสแตนอนโลน (SA) และนอนสแตนอโลน (์NSA), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, NFC, ผู้ช่วยส่วนตัว Jovi, ใช้ชิปเสียง Hi-Res CS43131 และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,350mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W Vivo FlashCharge 2.0
ทั้งนี้ Vivo X50 Pro+ มีตัวเลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีเทา และแบบหนังสังเคราะห์สีน้ำตาล (Vegetal Leather) โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 ส่วนราคามีดังนี้
- รุ่น RAM 8GB+128GB ราคา 4,998 หยวน หรือประมาณ 22,200 บาท
- รุ่น RAM 8GB+256GB ราคา 5,498 หยวน หรือประมาณ 24,400 บาท
- รุ่น RAM 12GB+256GB ราคา 5,998 หยวน หรือประมาณ 26,600 บาท
ที่มา : Vivo