ด้วยกระแสการผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน อุปกรณ์สำคัญอย่างเช่นสมาร์ตโฟนจึงถือเป็นของคู่กายคู่ใจที่ต้องมี ทำให้หลาย ๆ คนมองหามือถือที่เหมาะสำหรับการพกพาไปทำกิจกรรมทั้งในและนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัว โดยเน้นในเรื่องของการถ่ายวิดีโอหรือ Vlog ที่ได้ภาพคมชัด ภาพนิ่งสีสันสวยงาม
นอกจากนี้ยังต้องรองรับ 5G เพื่อให้การใช้งานไหลลื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด หลายแบรนด์จึงได้มีการพัฒนาในเรื่องกล้องบนมือถือไปไกลจนเกือบจะเทียบเท่ากล้องถ่ายรูปได้เลย ทำให้สมาร์ตโฟนกลุ่มนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในเรื่องของสเป็กที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในราคาจับต้องได้ การใช้งานที่อึดมากกว่าเดิม และความเสถียรในการใช้งานที่ดีขึ้นเป็นเท่าตัว
วันนี้เราเลยจะขอพาทุกคนไปส่องสมาร์ตโฟน 5 รุ่นที่กำลังมาแรง เพื่อเอาใจสายชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ รวมถึงสายเกมมิ่งก็ใช้งานได้ จะมีรุ่นไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
1.Infinix Zero 30 5G
มาเริ่มที่รุ่นแรก Infinix Zero 30 5G มือถือในตระกูล Zero ที่มาแรง สเป็กแน่น จัดเต็ม ต้องบอกเลยว่าเป็นซีรีส์ระดับเรือธงที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจสาย Vlog โดยเฉพาะ รุ่นนี้เป็นรุ่นล่าสุดในปี 2023 ที่อัปเกรดขึ้นมากกว่าเดิม โดดเด่นด้วยกล้องหน้าที่ให้มาถึง 50MP รองรับการถ่ายวิดีโอได้แบบ 4K พร้อมกับเฟรมเรท 60FPS ในส่วนของกล้องหลัง 108MP ผสานเทคโนโลยี OIS และ EIS เพื่อให้ภาพและวิดีโอไม่สั่น รองรับการซูมถึง 3 เท่า ได้ภาพความละเอียดสูงแม้ในระยะไกล
การใช้งานลื่นไหลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8020 Octa Core ความเร็วประมวลผลได้สูงสุด 2.6 GHz ให้ RAM มาที่ 12GB และ ROM อีก 256GB เก็บรูปและคลิปได้อย่างจุใจ หน้าจอปรับเปลี่ยนมาใช้แบบ 3D Curved AMOLED กว้าง 6.78 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ที่มีความแข็งแรงทนทานไม่เป็นรอยง่าย ๆ พร้อมความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz ทำให้การสัมผัสหน้าจอเป็นไปได้อย่างลื่นไหลอีกเป็นเท่าตัว
ในส่วนของแบตเตอรีให้มาถึง 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็วขึ้นถึง 68W อีกด้วย Infinix Zero 30 5G เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ราคา 11,999 บาท มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีเขียว (Rome Green) และสีทอง (Golden Hour) วางจำหน่ายแบบ Online ที่ร้าน Infinix Official Store บน Shopee, Lazada, TikTok Shop และสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน BaNANA สนใจจับจองเป็นเจ้าของ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://th.infinixmobility.com/
ภาพจาก https://th.infinixmobility.com
2.vivo V27 5G
รุ่นต่อมา vivo V27 5G สมาร์ตโฟนที่เหมาะกับสายเซลฟี่โดยเฉพาะ มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นและให้ความมินิมอลพรีเมียม ด้วยรูปทรงแบบ 3D Curved Screen ทำให้มีความโค้ง 60 องศา สามารถจับได้ถนัดมือ น้ำหนักเบาพกพาง่าย เคลือบด้วยสาร Diffused Surface ช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือบนตัวเครื่องได้อีกด้วย รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 7200 Octa Core ในส่วนกล้องเซลฟี่มีความละเอียด 50MP สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ด้วยความละเอียด 4K
มาต่อที่กล้องถ่ายภาพของรุ่นนี้มีทั้งหมด 3 ตัว กล้องหลักมาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX766V ความละเอียด 50MP มีระบบกันสั่น OIS พร้อมกับมีกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro 2MP ทั้งยังมาพร้อมกับ Capacitive multi touch ให้สัมผัสลื่นไหล ด้วยจอภาพแสดงผล AMOLED ที่โค้ง 3D มีขนาดความกว้าง 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ สามารถรองรับ HDR10+ พร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรู Infinity-O Display รีเฟรชเรทสูงสุดที่ 120Hz ความจุให้มาถึง 3 แบบ ได้แก่ 8GB+128GB / 8GB+256GB / 12GB+256GB แบตเตอรี่ 4,600 mAh ชาร์จไวถึง 66W
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดหนังสั้นที่มีไว้สำหรับสายชอบถ่าย Vlog ถ่ายวิดีโออีกด้วย vivo V27 5G มีจำหน่ายทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ Noble Black, สีทอง Flowing Gold, สีฟ้า Magic Blue และสีเขียว Emerald Green ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 14,999 บาท สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ BaNANA และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products
ภาพจาก https://www.vivo.com/th
3.Redmi NOTE 12 Pro
มาต่อกันด้วย Redmi NOTE 12 Pro สมาร์ตโฟนอีก 1 รุ่นที่น่าสนใจ ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1080 หน้าจอ AMOLED รูปแบบ Punch hole ที่มีขนาดอยู่ที่ 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ อัตรารีเฟรชที่ 120Hz ความสว่างสูงสุด 900 nits รองรับช่วงสี DCI-P3 รองรับ Dolby Vision พร้อมกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 และด้วยความที่เป็นจอแบบ Punch hole ทำให้ตัวเครื่องมีขอบจอบางสามารถจับได้อย่างถนัดมือ รุ่นนี้ให้ RAM มาที่ 6GB/8GB และ ROM 128GB/256GB
ในส่วนของกล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ที่ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก 50MP, เลนส์ Ultrawide 8MP และเลนส์ Macro 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16MP สายถ่ายรูปถ่ายคลิปต้องถูกใจกับสีสันและความคมชัดของภาพแน่นอน และเพื่อให้ใช้งานได้อย่างจุใจมากยิ่งขึ้น ให้แบตเตอรีมาที่ขนาด 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วได้ถึง 67W
สำหรับ Redmi NOTE 12 Pro มีสีมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือสีขาว Polar White, สีดำ Midnight Black และสีฟ้า Sky Blue ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 9,999 บาท วางจำหน่ายที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ทั่วไป ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mi.com/th/phone#redmi
ภาพจาก https://www.mi.com
4.realme 11 Pro 5G
ตามมาด้วย realme 11 Pro 5G สมาร์ตโฟนดีไซน์สุดพรีเมียมไม่ซ้ำใคร รุ่นนี้ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz (HDR10+) พร้อมทั้งให้ชิปประมวลผล Dimensity 7050 รวมถึง RAM 8GB/12GB และ ROM 256GB/512GB
ในส่วนของกล้องหลังให้มาทั้งหมด 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 100MP มีระบบกันสั่น OIS ที่จะช่วยเสริมให้ประสิทธิภาพของกล้องทำงานได้ดียิ่งขึ้น และกล้อง Portrait 2MP ซูมได้ถึง 20x ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP สามารถเก็บภาพได้อย่างคมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดีเลยทีเดียว พร้อมด้วยโหมด Beauty และ Night Modeให้ได้ลองใช้อีกด้วย
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอก็ไม่แพ้กัน สามารถถ่ายได้ในความละเอียดสูงถึง 4K เก็บเสียงรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยมด้วยลำโพงคู่ระบบ Dolby Atmos รุ่นนี้เป็นระบบ Android 13 ที่ครอบทับด้วย Realme UI 4.0 ให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh และสามารถรองรับการชาร์จไวได้ถึง 67W ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
realme 11 Pro 5G มีให้เลือกซื้อด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ Black และสีเบจ Beige เปิดตัวที่ราคา 12,999 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์หรือซื้อได้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.realme.com/th
ภาพจาก https://www.realme.com/th
5.OPPO Reno10 5G
รุ่นสุดท้าย OPPO Reno10 5G จุดเด่นแรกที่น่าสนใจคือการเซลฟี่ซึ่งมาพร้อมกับกล้องหน้าเซ็นเซอร์ Sony IMX709 ความละเอียด 32MP รับแสงได้ดีขึ้น 60% ลดนอยซ์ภายในภาพได้ถึง 35% ให้ภาพถ่ายเซลฟี่ที่คมชัด กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลชเพิ่มมิติของภาพ กล้องหลักความละเอียด 64MP กล้อง Telephoto ความละเอียด 32MP และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP
ออกแบบหน้าจอมีความโค้งสวยแบบ 3D AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10+ อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz รุ่นนี้ให้ RAM 8GB และ ROM 256GB ในส่วนของชิปเซ็ตใช้เป็น MediaTek Dimensity 7050 เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมด้วยเทคโนโลยี System-Level ที่เป็นตัวช่วยลดอาการหน่วงของสมาร์ตโฟนได้
มาพร้อมลำโพงเสียงคู่ Stereo ให้เสียงที่มีมิติมากยิ่งขึ้น และยังให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh สามารถรองรับการชาร์จเร็ว 67W อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกที่สามารถสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอหรือสแกนใบหน้าได้
สมาร์ตโฟน OPPO Reno10 5G มีให้เลือกซื้อทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Blue และ สีเทา Gray โดยราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 13,990 บาท สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านค้าพาร์ทเนอร์, OPPO Brand Shop หรือแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.oppo.com/th
ภาพจาก https://www.oppo.com/th
จบไปแล้วสำหรับมือถือ 5 รุ่นที่คัดมาแล้วว่าเหมาะกับสายชอบถ่ายรูปและวิดีโอ พร้อมสามารถใช้งานด้านอื่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในเรทราคา 10,000 บาท สเป็กจัดเต็มไม่กั๊ก แถมยังได้ความทนทานของแบตเตอรี่และดีไซน์ที่สวยโดดเด่นในทุกรุ่น กล้องหน้าและกล้องหลังมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ แบบไม่ยอมแพ้ให้กัน ไม่ว่าจะถ่ายรูปหรือวิดีโอก็ออกมาปังแน่นอน
มาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าสนใจรุ่นไหนก็สามารถไปทดลองสัมผัสเครื่องจริงได้ที่ร้านค้าวางจำหน่ายของแต่ละรุ่นเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อได้เลย ต้องขอบอกว่า คุ้มค่ากับราคาทุกรุ่นจริง ๆ