บริษัท โซนี่ไทย จำกัด ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการถ่ายภาพ เดินหน้ารุกตลาดกล้องระดับมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดสอบประสิทธิภาพกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ดิจิทัลระดับมืออาชีพ ในงาน CineAlta – HOUSE OF CINEPHILE เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร
โดยยกขบวนกล้องในตระกูล Cinema Line ประกอบด้วยกล้อง FX Series รวมถึงกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลในกลุ่มกล้อง CineAlta อย่างกล้อง BURANO และ VENICE 2 มาจัดแสดงภายในงานอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานในวงการผลิตคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ ผู้ผลิตภาพยนตร์
รวมถึงผู้กำกับภาพ กลุ่มโปรดักชั่นเฮาส์ และผู้แทนจำหน่ายได้เข้าร่วมงานเพื่อรับฟังการเสวนาแบ่งปันประสบการณ์การ ใช้งานจากผู้ที่ได้ใช้งานจริง รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี พร้อมร่วมทดสอบประสิทธิภาพของกล้องในตระกูล Cinema Line อย่างใกล้ชิด โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในวงการภาพยนตร์ และแขกผู้มีเกียรติที่ให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก
มร. โยจิโระ อาซาอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ทิศทางการทำการตลาดของธุรกิจกล้องในปีนี้ โซนี่มีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายตลาดกล้องในแต่ละกลุ่มให้กว้างมากขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลระดับมืออาชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมถ่ายภาพของไทยให้เติบโตขึ้น
ในขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปยังตลาดกล้องภาพยนตร์มืออาชีพให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนากล้องและอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการมาตรฐานคุณภาพระดับสูง รวมไปถึงระดับการถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อตอบรับเทรนด์การสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ครอบคลุมทั้งในระดับผู้บริโภคและมืออาชีพ”
นอกจากนี้ โซนี่ยังได้จับมือกับผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย สนับสนุนการยกระดับคุณภาพในการสร้างสรรค์และการผลิตภาพยนตร์ในอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งการเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมในระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะสาขาวิชาภาพยนตร์ เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมความรู้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์อย่างมีคุณภาพของนิสิตนักศึกษา ด้วยกล้องและอุปกรณ์ของโซนี่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพล่าสุดผ่านกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ
ล่าสุด โซนี่ไทยยังได้ร่วมสนับสนุน “เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ” ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโปรดักชั่นเฮาส์ของไทย ในการสร้างภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย “ยูเรนัส 2324” ซึ่งได้ถ่ายทำด้วยกล้อง CineAlta รุ่น VENICE 2 และ BURANO ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งจะมอบประสบการณ์พร้อมสร้างมิติใหม่ให้แก่วงการภาพยนตร์ โดยมีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 4 กรกฎาคม ศกนี้
ผลิตภัณฑ์กล้องในกลุ่ม Cinema Line ที่จัดแสดงในงาน CineAlta – HOUSE OF CINEPHILE ประกอบด้วย
· กล้อง BURANO – เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพฟูลเฟรม 8K ที่ยืดหยุ่นได้ น้ำหนักเบา และประหยัดพลังงาน ด้วยเซ็นเซอร์ขนาด 36×24 มม. ที่ให้ความละเอียดสูงสุด 8632 x 4856 และช่วงไดนามิกกว้างถึง 16 สต็อป
ผสานการทำงานร่วมกับ Dual Base ISO 800/3200 ที่ให้ภาพคมชัดในทุกสภาพแสง พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวสำหรับเลนส์ PL และ E-mount
อีกทั้งยังรองรับการบันทึกภายในแบบ X-OCN LT, XAVC H, และ XAVC-I ที่ปรับเปลี่ยนง่ายสำหรับการถ่ายทำหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งบนไหล่ การถือด้วยมือ Gimbal หรือโดรน มีโหมดการสแกนภาพหลากหลาย รวมถึงฟูลเฟรมและ Super 35
พร้อมลุคใหม่ 4 แบบ ได้แก่ Warm, Cool, Vintage และ Teal and Orange รวมถึงลุค s709 และ 709 (800) เพื่อเพิ่มความสร้างสรรค์ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ
ทำให้ BURANO เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับการผลิตทั้งโครงการใหญ่และเล็ก ใช้งานได้ทั้งการถ่ายทำคนเดียวหรือกับทีมงาน พร้อมมอบคุณภาพของภาพได้อย่างดีเยี่ยม
· กล้อง VENICE 2 – เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อผู้กำกับภาพโดยเฉพาะ มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพฟูลเฟรมสองตัวที่ให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม ด้วยเซ็นเซอร์ 8K และ 6K ที่มีช่วงความกว้างและช่วงสีที่กว้างมาก ตัวกล้องมีโครงสร้างที่ทนทานและกะทัดรัด
ทั้งยังรองรับเลนส์ Anamorphic และการถ่ายภาพในอัตราส่วน 4:3 และ 6:5 ที่ความละเอียดสูง ด้วยช่วงแสงกว้างถึง 16 สต็อปสำหรับเซ็นเซอร์ 8K และ 15+ สต็อปสำหรับเซ็นเซอร์ 6K
ในขณะเดียวกันยังรองรับการบันทึกภายในแบบ 16-bit X-OCN และ 4K ProRes ทำให้ VENICE 2 เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์
นอกจากนี้ยังมาพร้อม Dual Base ISO ที่ปรับให้เหมาะกับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยและ High Dynamic Range รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นระบบขยาย CBK-3620XS VENICE Extension System 2 ยังมอบความยืดหยุ่นในการถ่ายทำโดยไม่ลดทอนคุณภาพของภาพ
ในขณะที่ตัวบอดี้สามารถแยกออกจากเลนส์ได้ ทำให้กล้อง VENICE 2 มีขนาดเล็กลง สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้หลากหลายมากขึ้น และทำให้ช่างภาพทำงานได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
· กล้อง Cinema Line – FX Series
o กล้องรุ่น FX3 – เป็นกล้องวิดีโอฟูลเฟรมในตระกูล Cinema Line ที่รวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีจากโรงภาพยนตร์ชั้นนำและคุณสมบัติการถ่ายภาพขั้นสูงจากกล้อง Alpha™ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ความสามารถในการโฟกัสขั้นสูงที่มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล
ด้วยการออกแบบตัวกล้องที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้กล้อง FX3 สามารถตอบโจทย์ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลายให้มีความโดดเด่นได้อย่างครอบคลุม ด้วยเซ็นเซอร์ Full Frame Black-illuminated Exmor R™ CMOS ความละเอียด 10.2 ล้านพิกเซล
และระบบประมวลผล BIONZ XR™ ที่ทรงพลัง มอบความไวแสงสูงสุดถึง ISO 409,600 พร้อมช่วงไดนามิกกว้างถึง 15+ สต็อป โปรไฟล์สี S-Cinetone ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้องภาพยนตร์ VENICE และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/120fps
ตัวเครื่องถูกออกแบบให้กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้ Gimbal หรือโดรน มาพร้อม Multi-thread (1/4-20 UNC) สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม ชุดด้ามจับ XLR แบบถอดได้
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว Active Mode ระบบ Fast Hybrid Auto Focus และ Touch Tracking รองรับการบันทึก 4K/60P ต่อเนื่อง พร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูงในตัวกล้องเพื่อรองรับการบันทึกที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ
o กล้องรุ่น FX6 – เป็นกล้องวิดีโอฟูลเฟรมในตระกูล Cinema Line โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Digital Cinema ชั้นนำของโซนี่และคุณสมบัติการถ่ายภาพขั้นสูงจากกล้อง Alpha™ Mirrorless เซ็นเซอร์ Full Frame Black-illuminated Exmor R™ CMOS ความละเอียด 12.9 ล้านพิกเซล
ระบบประมวลผลภาพ BIONZ XR™ ความไวแสง ISO ด้วยระบบ Cine EI ที่ 800/12800 ช่วงไดนามิกกว้างถึง 15+ สต็อป พร้อมโปรไฟล์สี S-Cinetone และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/120p, HD/240p ที่ความลึกของสี 10-bit 4:2:2
ตัวกล้องมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย และสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ E-mount ได้หลากหลายรุ่น FX6 เหมาะสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์และผู้ผลิตคอนเทนต์ที่ต้องการความยืดหยุ่นและคุณภาพสูงในการสร้างสรรค์งานได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานคุณภาพสูงทุกรูปแบบได้อย่างครอบคลุม โดยผสานจุดแข็งด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ มามอบให้แก่ผู้สร้างภาพยนตร์และผู้ผลิตคอนเทนต์ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบาแต่ให้ความแข็งแรงทนทานและใช้งานง่าย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการผนวกรวมเทคโนโลยีหลักของโซนี่ในด้านต่าง ๆ เข้ามาไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เซ็นเซอร์รับภาพ, ระบบประมวลผล และระบบออโต้โฟกัส (AF) อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ E-mount ได้หลากหลายรุ่น เพิ่มความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพได้อย่างลงตัว
ผนวกกับความสามารถนำเสนอศาสตร์แห่งสีในโรงภาพยนตร์ขั้นสูง ทำให้กล้อง Sony FX6 สามารถสร้างสรรค์งานที่หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมการสร้างคอนเทนต์ทั่วไป จนถึงระดับงานภาพยนตร์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานคุณภาพสูงทุกรูปแบบได้อย่างครอบคลุม
o กล้องรุ่น FX30 – เป็นกล้องวิดีโอระดับเริ่มต้นรูปแบบ Super 35 บนเซ็นเซอร์ขนาด APS-C ในตระกูล Cinema Line ที่ผสานเทคโนโลยีระดับมืออาชีพจากกล้องไฮเอนด์
ด้วยเซ็นเซอร์ Back-illuminated APS-C Exmor R™ CMOS ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผล BIONZ XR™ ที่ให้ภาพสีสันสมจริงและสัญญาณรบกวนต่ำ
มาพร้อมความไวแสง ISO 80/2500 และ Dynamic Range กว้างถึง 14+ สต็อป รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K Super 35 ที่ 60p และสโลว์โมชั่น 4K ที่ 120fps รวมถึง Full HD ที่ 240fps
นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 16:9 ที่ 10-bit 4:2:2 และสามารถ Output วิดีโอ 16-bit 4K RAW ผ่านพอร์ต HDMI Type-A
ตัวกล้องมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา โครงสร้างแข็งแรงจากแมกนีเซียม อัลลอยด์ พร้อมรูเกลียวมาตรฐานสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม ระบบ Real-Time Eye AF, Real-Time Tracking, และ AF Assist เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ FX30 เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกระดับที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพสูงได้อย่างหลากหลาย
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ไทย 02-715-6100 หรือเยี่ยมชมได้ที่ https://www.sony.co.th/th/electronics/cinema-line