ดูรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นระดับสูงมาเยอะแล้ว ลองมาดูรีวิวรุ่นราคาประหยัด เข้าถึงได้ง่ายทุกเพศทุกวัยอย่าง ZTE Blade A54 บ้างครับ โดยรุ่นนี้มีราคาเพียงไม่ถึง 3 พันบาทเท่านั้น ดูแล้วน่าจะเหมาะกับผู้ใช้ระดับเริ่มต้น หรือซื้อให้เด็กๆ ใช้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหรือผู้ปกครอง หรือใช้เรียนออนไลน์ก็ยังไหวครับ
เกริ่นจุดเด่นที่น่าสนใจของรุ่นนี้กันก่อนครับ ซึ่ง ZTE Blade A54 มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้วความละเอียดระดับ HD+ มีแบตอึดมาก ใช้ได้นานตลอดวัน มีกล้องถ่ายภาพแบบคู่ 13MP สำหรับถ่ายภาพ มี RAM 4GB + 4GB แบบเสมือน รวมแล้วมีให้ใช้งานจุใจถึง 8GB ให้ความจำภายในขนาดใหญ่ 128GB เก็บเพลงเก็บหนังได้เพียบ และชิปเซ็ต Octa-Core สำหรับใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล แต่การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยครับ
สเปก ZTE Blade A54
- หน้าจอทรงหยดน้ำขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1612×720 พิกเซล แบบ IPS LCD สีสัน 16.7 ล้านสี
- ชิปประมวลผล Unisoc SC9863A แบบ Octa-Core 1.6GHz
- RAM 4GB + RAM เสมือน 4GB รวมเป็น 8GB
- หน่วยความจำภายใน 128GB
- รองรับ microSD Card เพิ่มได้สูงสุด 256GB
- ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 13
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C 2.0
- สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง + สแกนใบหน้า
- กล้องถ่ายภาพ 2 ตัวด้านหลัง
- กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล รองรับ Auto Focus
- กล้องเสริม AI
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล interpolate to 5MP
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- ราคาเปิดตัว 2,699 บาท
- รับประกันศูนย์ไทย 18 เดือน
แกะกล่อง ZTE Blade A54
- สมาร์ตโฟน ZTE Blade A54
- สายดาต้า USB-C
- หัวชาร์จ
- เคสใส
- เข็มถอดซิมการ์ด
- คู่มือและใบรับประกัน
ดีไซน์การออกแบบสวยทันสมัย
ZTE Blade A54 เป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมการออกแบบค่อนข้างสวยหรู ดูทันสมัยครับ มีกรอบเครื่องด้านข้างแบบแบนราบตามเทรน์ดสมัยนิยมในปัจจุบัน โดยในรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็นสีเทาดำดูคมเข้ม ด้านหน้าจอจะมีรอยบากทรงหยดน้ำด้าน มีขอบหน้าจอที่บางในทุกด้านยกเว้นด้านล่างที่จะหนากว่าเล็กน้อย เช่นเดียวกับหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบแบนราบครับ และดีไซน์กรอบด้านข้างจะมีความโค้งมนเล็กน้อยเพื่อให้หยิบใช้ได้ถนัดมือยิ่งขึ้น
ด้านหลังจะมีเกาะกล้องขนาดใหญ่สำหรับวางกล้องถ่ายภาพ 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล และกล้องเสริม AI มีไฟแฟลช LED สำหรับส่องสว่าง และมีโลโก้ ZTE พร้อมข้อความ Super AI Camera อยู่ใกล้กัน และด้านล่างมีข้อความบอกรุ่น ZTE Blade A54
ในส่วนของกล้องจะมีความยื่นออกมาจากกรอบเล็กน้อย ถ้ากลัวว่าวางบนโต๊ะแล้วจะทำให้เลนส์เป็นรอย ก็สามารถใส่เคสใสที่แถมมาให้ในกล่องเพื่อปกป้องก็ได้ครับ
ปุ่มควบคุมต่างๆ จะวางอยู่บริเวณขวามือของตัวเครื่องทั้งหมดครับ โดยจะมีปุ่มควบคุมเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้สำหรับสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ รวมถึงรุ่นนี้ยังสามารถสแกนใบหน้าได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนด้านซ้ายจะไม่มีอะไรนอกจากถาดใส่ซิม ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับ 2 ซิมพร้อมช่องสำหรับใส่ MicroSD Card เฉพาะให้อีก 1 ช่อง โดยรุ่นนี้จะรองรับความจำเสริมได้สูงสุดอีก 256GB ครับ
บริเวณด้านบนจะไม่มีอะไรเลย
และด้านล่างจะมีลำโพงนอก พอร์ต USB-C ไมค์สนทนาตัวหลัก และพอร์ต 3.5 มม. สำหรับเสียบหูฟังภายนอก
โดยสรุปด้านดีไซน์ของ ZTE Blade A54 มาพร้อมการออกแบบที่ดูแข็งแรงแน่นหนา มีงานประกอบค่อนข้างดีมากครับ โดยเฉพาะในสีที่เราได้มารีวิวนี้จะให้ฟิลลิ่งแบบเมทัลลิคดูสวยหรูเกินราคาค่าตัวไปมากครับ
หน้าจอใหญ่เต็มตา 6.6 นิ้ว
จุดขายหลักของ ZTE Blade A54 รุ่นประหยัดตัวนี้ ดูเหมือนจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่เต็มตา พร้อมความละเอียดระดับ HD+ ที่เหมาะสำหรับการรับชมคอนเท้นต์ต่างๆ เช่น YouTube, Netflix หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง TikTok ก็มอบประสบการณ์รับชมที่กว้างและดื่มด่ำได้สะใจดีครับ
ด้านการแสดงสีสันของหน้าจอถือว่าทำได้ดีสมกับราคาครับ โดยสามารถแสดงสีสันได้ 16.7 ล้านสี ความสว่างถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเช่นกัน ถือว่าสว่างพอใช้งานได้ในกลางแจ้งครับ
RAM ก็เยอะ ความจำก็แยะเกินตัว
ZTE Blade A54 จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นรุ่นประหยัดที่ให้ RAM มาเยอะมากๆ ครับ รวมแล้วเยอะถึง 8GB ประกอบไปด้วย RAM แท้ 4GB และ RAM เสมือนอีก 4GB หรือที่ ZTE เรียกว่า Memory Fusion โดยการที่มี RAM เยอะแบบนี้ จะช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลสำหรับการใช้งาน Multi-Tasking หลายแอปพร้อมกัน ช่วยให้เครื่องทำงานค่อนข้างราบรื่นไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำภายในที่ให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ในราคาระดับเดียวกันครับ โดยความจำเครื่องใหม่มาเยอะถึง 128GB ทำให้เพียงพอกับการเก็บแอปพลิเคชัน รูปภาพ คลิปวีดีโอ ซีรีย์ต่างๆ ได้เยอะจุใจ พร้อมกันนี้ยังรองรับ microSD Card โดยมีช่องแยกให้อีกด้วยครับ ทำให้ไม่ต้องไปเบียดเบียนกับช่องใส่ซิมสองแบบ Hybrid SIM เหมือนรุ่นอื่นๆ อีกด้วย
สำหรับระบบประมวลผลของรุ่นนี้จะใช้พลังงานจาก CPU Unisoc SC9863A ซึ่งเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core 8 คอร์ที่ความเร็วสูงสุด 1.6GHz โดยมี 4 คอร์แรกเป็น Cortex A55 ที่ความเร็ว 1.6GHz และ Cortex A55 ที่ความเร็ว 1.2GHz อีก 4 คอร์ และมี GPU PowerVR GE8322
ด้านประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ครับ การทำงานทั่วไปของ UI ทำได้ค่อนข้างดี ตอบสนองเร็วใช้ได้ตามงบ ใช้งานได้ดีสำหรับโซเชียลมีเดียทั่วไป เล่น Line เล่น Facebook TikTok ลื่นไหลดี ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนการเล่นเกมถือว่าพอทำได้ดีสำหรับสมาร์ตโฟนราคาไม่ถึง 3 พันครับ จากที่เราทดสอบเล่นเกมอย่าง PUBG Mobile และ RoV ก็ถือว่าเล่นได้ในระดับกราฟฟิกเริ่มต้นได้ลื่นไหลดี ไม่มีปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับ RoV ผมทดสอบเล่นที่ 44-45fps ก็ถือว่าเล่นได้สบาย สรุปแล้วก็น่าจะรันเกมแบบทั่วไปได้ดีครับ ส่วนเกมกราฟฟิกแรงๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสมาร์ตโฟนราคาระดับนี้
ด้านล่างนี้จะเป็นคะแนนการทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรมต่างๆ จะเห็นว่าคะแนนก็จะอยู่ในระดับเริ่มต้นครับ
ด้านบนนี้เป็นเมนูสำหรับการเปลี่ยน Theme และ Wallpaper ครับ ก็ถือว่าให้มาพอใช้ได้
ในส่วนของ UI หน้าตาเมนูการใช้งานของรุ่นนี้ก็มาในสไตล์เรียบง่าย คล้ายกับสมาร์ตโฟน Android ทั่วไปครับ
ถ่ายภาพสวยใช้ได้
ZTE Blade A54 มาพร้อมกล้องหลังคู่ ประกอบด้วยกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับระบบการโฟกัสภาพอัตโนมัติ Autofocus ทำงานร่วมกับกล้องเสริม AI โดยรวมถือว่าเป็นกล้องถ่ายภาพที่สวยใช้ได้ในสภาพแสงดีครับ มีโหมดการถ่ายภาพเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นโหมดอัตโนมัติ พาโนรามา แนวตั้ง (หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait) วีดีโอ และเวลาที่ล่วงเลย (ระบบเครื่องมันแปลมาแบบนี้ จริงๆ แล้วโหมดนี้คือ Time-Lapse ครับ)
สำหรับกล้องหน้าจะมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลที่คุณภาพก็อยู่ในระดับพอใช้ได้ครับ สำหรับสาวๆ จะมีโหมด Beauty หน้าสวยให้ด้วยครับ รวมถึงโหมด HDR ก็มีให้ใช้เช่นกัน
คุณภาพของการถ่ายวีดีโอจะถ่ายได้สูงสุดที่ Full HD 1080p @30fps ครับ โดยรวมคุณภาพก็ถือว่าอยู่ระดับเริ่มต้น พอถ่ายเล่นสวยๆ ลงโซเชียลมีเดียให้เพื่อนกดไลค์เล่นๆ ได้สบายครับ ลองชมภาพถ่ายตัวอย่างด้านล่างนี้เลยครับ
แบตเตอรี่ 5000mAh เยอะจุใจ
และจุดขายที่น่าสนใจอีกอย่างของ ZTE Blade A54 ก็คือแบตเตอรี่ที่เยอะสะใจ 5000mAh ครับ ซึ่งบางท่านอาจบอกว่ามือถือรุ่นปี 2023 ส่วนใหญ่ก็ให้แบตเท่านี้ทั้งนั้น ก็ไม่ผิดครับ แต่ด้วยการทำงานร่วมกับชิปเซ็ตประหยัดพลังงานอย่าง Unisoc ทำให้การใช้พลังงานของรุ่นนี้ประหยัดไปอีกต่อครับ จากที่เราทดสอบการใช้งานทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมมากจนเกินไป เปิดโซเชียล ดูหนังฟังเพลงระหว่างวันทำงานทั่วไปพบว่า สามารถสแตนบายได้ 2 วันสบายๆ ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วการชาร์จของรุ่นนี้จะไม่ใช่การชาร์จเร็วครับ แต่ก็ให้ที่ชาร์จและสายชาร์จมาพร้อมใช้ ดังนั้นแม้จะชาร์จช้าไปบ้าง แต่ก็ให้อภัยได้ครับ ดีกว่ารุ่นแพงๆ หลายรุ่นที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยให้หัวชาร์จมาในกล่องนะ
บทสรุป
ZTE Blade A54 เป็นสมาร์ตโฟนที่น่าใช้สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มากครับ หรือตั้งงบไว้ที่ระดับไม่เกิน 3 พันบาท แต่เน้นความคุ้มค่า อยากได้หน้าจอขนาดใหญ่ที่สวยคมชัดระดับ HD โดยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.6 นิ้ว แถมยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh ที่สแตนบายข้ามวันสบายๆ แบตเหลือเพียบ มีกล้องถ่ายภาพ 13MP คุณภาพสวยงามใช้ได้ และที่สำคัญให้ความจำมาเยอะเกินตัวครับ ไม่ว่าจะเป็นความจำภายใน ROM ที่เยอะถึง 128GB เพิ่มเมมได้ และ RAM 8GB จัดการการใช้งาน Multi-Tasking ได้ดีมากครับ
และที่สำคัญกว่าสเปกก็คือ ZTE Blade A54 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,699 บาทเท่านั้น นี้เป็นราคาเครื่องเปล่าเลยนะครับ ไม่รวมโปรค่ายมือถือใดๆ ทั้งสิ้น ถือว่าถูกมากๆ แถมยังมีโปรช่วงเปิดตัวที่แถม Gift Box ได้ลำโพงบลูทูธและกระติกน้ำร้อนมูลค่ารวม 599 บาท และยังได้ประกันศูนย์ไทย 18 เดือนยาวๆ คุ้มๆ ใครหามือถือราคาประหยัดไว้ใช้ยาวๆ ถือเป็นอีกรุ่นที่ดีใช้ได้ครับ