หลังจากที่ Xiaomi Redmi Note 5 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้กระแสตอบรับอย่างถล่มทลาย โดยเปิดจำหน่ายแบบ Flash Sale ไปกี่รอบก็หมดทุกครั้ง ด้วยสเปกที่เรียกว่าจัดเต็มในราคาสุดคุ้มจริงๆ ทำให้คำว่าถูกและดีนั้นมีจริง แต่สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจหรือลังเลว่าจะซื้อดีไหม? มาอ่านรีวิวกันก่อนได้ครับ
อุปกรณ์ในกล่อง
กล่องใส่ Redmi Note 5 เป็นกล่องกระดาษแข็งสีส้มที่มีขนาดพอดีกับเครื่องตามสไตล์กล่องของสมาร์ทโฟนตระกูล Redmi ด้านหน้ามาพร้อมชื่อรุ่นขนาดใหญ่เห็นได้อย่างเด่นชัด โดยโลโก้ Mi อยู่มุมขวาด้านบน และด้านหลังมาพร้อมสเปกเด่นๆ เมื่อเปิดกล่องออกมาจะเห็นตัวเครื่อง Redmi Note 5, สายเชื่อมต่อ microUSB 2.0, อแดปเตอร์ชาร์จไฟ, เข็มจิ้มซิมการ์ด, เคส Ultra-Slim, คู่มือใช้งาน และใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์
Redmi Note 5 มีรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกที่เหมือนกับรุ่น Redmi 5 Plus ต่างกันตรง Redmi Note 5 มาพร้อมกล้องหลังคู่ ส่วน Redmi 5 Plus มาพร้อมกล้องหลังเดี่ยว
ตัวเครื่องใช้วัสดุที่ทำจากโลหะแบบ Full Metallic ขึ้นรูปชิ้นเดียวแบบ Unibody และด้านหลังออกแบบขอบด้านข้างทั้ง 2 ด้านโค้งมน ช่วยให้ถือจับใช้งานได้ง่ายขึ้น
ด้วยขนาด 158.6 × 75.4 × 8.05 มม. และน้ำหนัก 181 กรัม ถือว่าไม่หนักหรือเบาเกินไปเหมาะมือกำลังดี
รูปลักษณ์ทั่วไปเริ่มจากด้านหน้าไล่ตั้งแต่ด้านบนด้านซ้ายมีเลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ตรงกลางมีช่องลำโพงสนทนา ด้านขวามีไฟแฟลช LED แจ้งเตือนสถานะต่างๆ และไฟ LED แจ้งเตือนสถานะต่างๆ
ถัดลงมาเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2160 พิกเซล ขนาด 5.99 นิ้ว และใต้หน้าจอไม่มีปุ่มกดใด โดยปุ่มควบคุมการใช้งานนั้นจะอยู่บหน้าจอซึ่งจะแสดงขึ้นมาเมื่อเปิดเครื่องใช้งาน
พลิกมาด้านหลังเครื่อง มุมซ้ายด้านบนมีเลนส์กล้องดิจิทัลแบบคู่วางในแนวตั้งความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual Tone LED ถัดลงมามีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และตรงกลางด้านล่างมีโลโก้ Mi โดยมีแถบเส้นเสาอากาศอยู่ด้านบนและด้านล่าง
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดโดยรองรับ 2 SIM แบบไฮบริด โดยช่อง SIM 2 ต้องเลือกระหว่างซิมการ์ดหรือ microSD Card
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่อง
ด้านบนมีช่องหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster และช่องไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่าง ตรงกลางมีพอร์ต microUSB และด้านซ้ายมีช่องไมโครโฟน
สเปก Redmi Note 5
ขนาด | 158.6 × 75.4 × 8.05 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 181 กรัม |
หน้าจอ | IPS LCD 16 ล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2160 พิกเซล ขนาด 5.99 นิ้ว |
หน่วยประมวลผล | Quad-Core ความเร็ว 1.8GHz, ชิปเซ็ท Snapdragon 636, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 509 |
RAM | 3GB/4GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 32GB/64GB |
microSD Card | สูงสุด 128GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลังคู่ พร้อมไฟแฟลชคู่ LED กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 กล้องรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0,โหมด HDR และระบบ PDAF ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมโหมด Beautify 4.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 8.1.0 Oreo ครอบทับด้วย MIUI 9.5 |
เชื่อมต่อ | รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, พอร์ต IR Blaster |
รองรับระบบ | 4G LTE Band 1(2100), 3(1800), 5(850), 40(2300), 41(2500) และ 3G 850/900/1900/2100 MHz (4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4,000 mAh |
ราคา | 5,990 บาท (RAM 3GB, ROM 32GB), ุ6,990 บาท (RAM 4GB, ROM 64GB) |
คุณสมบัติการใช้งาน
Xiaomi Redmi Note 5 รันบนระบบปฏิบัติการ Andoid 8.1 Oreo ครอบทับด้วย MIUI 9.5 หน้าโฮมสกรีนออกแบบเรียบง่าย สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลัง และเพิ่ม Widget ได้ในเมนูตั้งค่า
ส่วนหน้า App drawer รุ่นนี้ไม่มีมาให้ โดยแสดงไอคอนแอปต่างๆ บนหน้าจอโฮมสกรีนเลย เมื่อปัดหน้าจอไปทาด้านขวาจะเป็นหน้าจอข่าวสารค่างๆ รวมถึงเมนูลัดที่ใช้ประจำ ในส่วนด้านบนเมื่อปัดเลื่อนลงมาจะพบกับหน้าต่างการแจ้งเตือน รวมทั้งการตั้งค่าปรับความสว่าง ปรับระดับเสียง และตั้งค่าการเชื่อมต่อต่างๆ
เลือกการแสดงผลได้ 2 แบบ คือโหมดปกติ กับโหมด Full screen โดยโหมดปกติจะมีปุ่มพื้นฐานทั้ง 3 ปุ่มคือ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App แสดงบนหน้าจอ ส่วนโหมด Full Screen จะไม่มีปุ่มพื้นฐาน แต่จะใช้การควบคุมด้วยระบบ Gesture ต่างๆ แทน
แอป Theme สามารถเลือกดาวน์โหลดธีมและภาพพื้นหลังมาเปลี่ยนได้เองตามใจชอบ ซึ่งมีให้เลือกมากมาย
รองรับการใช้งาน 2 SIM สามารถตั้งค่าเลือกใช้งานเครือข่าย 3G/4G ได้ทั้ง 2 SIM (รองรับ Full Netcom 3.0)
มาพร้อมฟีเจอร์แอปโคลน สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นขึ้นมาอีกอันหนึ่งได้ เมื่อมีการใช้ แอพโคลนจะสามารถใช้งาน 2 บัญชีได้ โดยไม่ต้องล็อกอินล็อกเอาท์จากแอป เพียงแอปเดียว
ฟีเจอร์พื้นที่ทับซ้อน เป็นการสร้างพื้นที่จำลอง เหมือนเป็นมือถืออีกเครื่องขึ้นมา โดยจะมีการใช้งานแยกกันกับพื้นที่ปกติ ทั้งข้อมูลบัญชี หรือแอพพลิเคชันต่างๆ และสามารถตั้งรหัสในการเข้าใช้งานแยกกับพื้นที่หลักได้ แต่จะยังใช้งานพื้นที่หน่วยความจำร่วมกันอยู่
ด้านการถ่ายภาพ
Redmi Note 5 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, รูรับแสง f/2.0 , ขนาดพิกเซล 1.12μm, ฟีเจอร์ Beautify 4.0 หรือโหมดหน้าสวย พร้อมรองรับการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ โดยมี AI เป็นตัวช่วยเสริมความเนียนเป็นธรรมชาติ, โหมด HDR, ปรับเลือกเอฟเฟกต์, ตั้งเวลานับถอยหลัง และแสดงอายุกับเพศได้
ส่วนกล้องหลังคู่ มาพร้อมไฟแฟลชคู่ Dual Tone LED โดยกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4um และรูรับแสง f/1.9 กล้องรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.12um และรูรับแสง f/2.0 รวมทั้งมีเทคโนโลยี Dual Pixel ช่วยจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว
โดยมาพร้อมเทคโนโลยีโฟกัสภาพแบบ PDAF, โหมด Panorama, Beauty, HDR, ถ่ายต่อเนื่อง, เบลอหลัง, โฟกัสใบหน้า, ฟิลเตอร์แบบเรียลไทม์ และวิดีโอ สำหรับภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4000 x 3000 พิกเซล และวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD ที่ 30fps
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
ประสิทธิภาพ
Redmi Note 5 ใข้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 1.8GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 636, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 506, RAM 3GB/4GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 32GB/64GB
หลังจากที่ได้ลองทดสอบงานทั่วไปผลปรากฏว่า สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และเกม PUBG Mobile ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด แถมยังเล่นในโหมด High FPS ในระดับความคมชัดปานกลาง-สูงได้อีกด้วย โดยรวมถือว่าสอบผ่าน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 5 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 5 ผ่านแอป Geekbench 4
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่มีขนาดความจุ 4,000 mAh ทดสอบโดยลองใช้งานทั่วไป ใช้งานอินเทอร์เน็ต และเล่นเกม ปรากฏว่าสามารถใช้งานได้เกิน 1 วันสบายๆ ถือว่าการจัดการพลังงานทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ถ้าใช้งานหนักๆ เล่นเกมหรือดูหนังแบตก็จะอยู่ได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง และมีโหมดประหยัดพลังงาน Battery Saver ที่ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นเมื่อแบตใกล้หมด แถมยังใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มไม่นานอีกด้วย
บทสรุป
Redmi Note 5 ถือเป็นสมาร์ทโฟนในตระกูลซีรี่ส์สุดคุ้มของ Xiaomi ที่มาพร้อมสเปกแบบจัดเต็ม ทั้งหน้าจอแสดงผลแบบ Full Screen ขนาดใหญ่ 5.99 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 เหมาะกับการเล่นเกม และดูหนังได้สบายๆ
นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของกล้องไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าเซลฟี่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยถ่ายภาพได้สวยเนียน และถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ หรือกล้องหลังที่ถ่ายได้สวยไม่แพ้กัน รวมถึงชิปเซ็ทสุดแรง และราคาสุดคุ้ม พูดได้เต็มปากเลยว่าของถูกและดีนั้นมีจริง
ทั้งนี้ ตัวเครื่อง Redmi Note 5 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ, สีทอง และสีฟ้า โดยรุ่น RAM 3GB, ROM 32GB ราคา 5,990 บาท และรุ่น RAM 4GB, ROM 64GB ราคา 6,990 บาท
คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Xiaomi ได้ที่นี่ >>>