Xiaomi 14T Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงราคาสุดคุ้มรุ่นใหม่จากแบรนด์ Xiaomi ซึ่งประกอบด้วย Xiaomi 14T และ Xioami 14T Pro จัดเต็มด้วยประสิทธิภาพระดับไฮเอนด์ที่มาพร้อมสโลแกน Master light, capture night
ชูจุดเด่นกล้องที่มาพร้อมกับ Leica Summilux optical lens เหมือนรุ่นเรือธงอย่าง Xiaomi 14 Series ถ่ายภาพสวยคมชัดในทุกช็อต ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน
พร้อมจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ใหม่ Advanced AI ช่วยให้เดินทางได้ชาญฉลาดขึ้นและสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายดายยิ่งขึ้นจากประสบการณ์ AI ที่มีหลากหลายและเข้าใจง่ายที่มาพร้อมเครื่องมืออันทรงพลัง
นอกจากคุณสมบัติเด่นที่กล่าวไปข้างต้นไปแล้ว Xiaomi 14T Series ทั้ง 2 รุ่นยังมีดีไซน์เมทัลลิกเปล่งประกายแวววาวเป็นธรรมชาติ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปชมรีวิวของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro กันเลยครับ
สเปกเบื้องต้น Xiaomi 14T
ขนาด | 160.5 x 75.1 x 7.8 มม. (Glass)/ 7.95 มม. (PU) |
น้ำหนัก | 195 กรัม (Glass)/ 193 กรัม (PU) |
หน้าจอ | AMOLED ความละเอียด QHD+ 1220 x 2712 พิกเซล (446 ppi) 6,800 ล้านสี ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงสุด 480Hz, อัตราการหรี่แสง 3840 PWM dimming, ความสว่าง 1600 nits, ความสว่างสูงสุด 4000 nits, รองรับ HDR10, HDR10+, Dolby Vision® |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 8300-Ultra (4nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G615 MC6 |
RAM | 12GB แบบ LPDDR5x + 12GB Virtual RAM |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB/512GB แแบบ UFS 4.0 |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | HyperOS based on Android 14 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6E, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot Bluetooth 5.4, A2DP, LE, LHDC GPS with GPS (L1+L5), BDS (B1I+B1C+B2a+B2b), GALILEO (E1+E5a+E5b), QZSS (L1+L5), NavIC (L5), GLONASS NFC พอร์ตอินฟราเรด พอร์ต USB Type-C 2.0, USB On-The-Go |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.7-2.2 / 15-50 ASPH พร้อม Xiaomi AISP และไฟแฟลช LED – กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX906 รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.56″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 50mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 4x และระบบ PDAF – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 |
รองรับระบบ | Dual Slot แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม และรองรับ eSIM 5G: รองรับ NSA + SA 5G: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n66/n77/n78 4G: LTE FDD: B1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/26/28/32/66 4G: LTE TDD: B38/40/41 3G: WCDMA: B1/2/4/5/6/8/19 2G: GSM: 850 900 1800 1900 MHz รองรับ 4×4 MIMO *การเชื่อมต่อ 5G อาจแตกต่างกันไปตามความพร้อมให้บริการในภูมิภาคและการสนับสนุนของผู้ให้บริการในพื้นที่ |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 67W HyperCharge |
สี | Titanium Black, Titanium Grey, Titanium Blue, Lemon Green (PU) |
ราคา | RAM 12GB+256GB ราคา 15,990 บาท RAM 12GB+512GB ราคา 17,990 บาท |
สเปกเบื้องต้น Xiaomi 14T Pro
ขนาด | 160.4 x 75.1 x 8.39 มม. |
น้ำหนัก | 209 กรัม |
หน้าจอ | AMOLED ความละเอียด QHD+ 1220 x 2712 พิกเซล (446 ppi) 6,800 ล้านสี ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงสุด 480Hz, อัตราการหรี่แสง 3840 PWM dimming, ความสว่าง 1600 nits, ความสว่างสูงสุด 4000 nits, รองรับ HDR10, HDR10+, Dolby Vision® |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 9300+ (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Immortalis-G720 MC12 |
RAM | 12GB แบบ LPDDR5x + 6GB RAM เสมือน |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 512GB/1TB แบบ UFS 4.0 |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | HyperOS based on Android 14 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/7, dual-band, Wi-Fi Direct Bluetooth 5.4, A2DP, LE, LHDC GPS with GPS (L1+L5), BDS (B1I+B1C+B2a+B2b), GALILEO (E1+E5a+E5b), QZSS (L1+L5), NavIC (L5), GLONASS NFC พอร์ตอินฟราเรด พอร์ต USB Type-C 2.0, USB On-The-Go |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2 / 15-60 ASPH พร้อม Xiaomi AISP และไฟแฟลช LED – กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 รูรับแสง f/1.6, 23mm (wide), 1/1.31″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 60mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 5x และระบบ PDAF – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 |
รองรับระบบ | Dual Slot แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม 5G: รองรับ NSA + SA 5G: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n66/n77/n78/n75 4G: LTE FDD: B1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/25/26/28/32/66 4G: LTE TDD: B38/39/40/41/42/483G: WCDMA: B1/2/4/5/6/8/19 2G: GSM: 850 900 1800 1900 MHz รองรับ 4×4 MIMO *การเชื่อมต่อ 5G อาจแตกต่างกันไปตามความพร้อมให้บริการในภูมิภาคและการสนับสนุนของผู้ให้บริการในพื้นที่ |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W HyperCharge และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W HyperCharge |
สี | Titanium Black, Titanium Grey และ Titanium Blue |
ราคา | RAM 12GB+512GB ราคา 21,990 บาท RAM 12GB+1TB ราคา 24,990 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ากล่อ’จรงกลางมาพร้อมชื่อรุ่น และข้อความ CO-ENGINEERED WITH Leica โดยมุมซ้ายด้านล่างมีข้อความ Powered by Xiaomi HyperOS และมุมขวาด้านบนมีโลโก้ MI
ขณะที่ด้านข้างกล่องทั้ง 2 ด้านมีชื่อรุ่น พร้อมข้อความ With your favorite Google apps และ Google is a trademark og Google LLC. บ่งบอกว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้รองบริการจาก Google อย่างเต็มรูปแบบ
ด้านท้ายกล่องของทั้ง 2 กล่องแสดงข้อมูลชื่อรุ่น, หน่วยความจำ, เลข Serial Number, เลข EMEI และ;ันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi 14T, Xiaomi 14T Pro พร้อมติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- สายดาต้าลิงค์แบบ USC Type-C
- เคสป้องกัน
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, ข้อมูลด้านความปลอดภัย และบัตรรับประกัน
*ส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วไม่ได้แถมมาให้ต้องซื้อแยกต่างหาก
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มีดีไซน์เมทัลลิกเปล่งประกายแวววาวเป็นธรรมชาติ พร้อมสีสัน Titan ที่ให้สัมผัสคุณภาพระดับพรีเมียมในความงดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีขนาดและน้ำหนักที่ต่างกันเล็กน้อย
โดย Xiaomi 14T มีขนาด 160.5 x 75.1 x 7.8 มม. (Glass)/ 7.95 มม. (PU) และน้ำหนัก 195 กรัม (Glass)/ 193 กรัม (PU)
ส่วน Xiaomi 14T Pro มีขนาด 160.4 x 75.1 x 8.39 มม. และน้ำหนัก 209 กรัม
Xiaomi 14T มีให้เลือก 4 สีคือ Titan Black, Titan Blue, Titan Gray และ Lemon Green
Xiaomi 14T Pro มีให้เลือก 3 สีคือ Titan Black, Titan Blue และ Titan Gray
สำหรับจุดที่แตกต่างกันจนเห็นได้ชัดเจนอยู่ที่ด้านหลังเครื่อง โดย Xiaomi 14T จะมีดีไซน์ขอบเหลี่ยม ขณะที่ Xiaomi 14T Pro จะมีดีไซน์ขอบโค้งมน และด้านบนตำแหน่งช่องไมโครโฟนตัดเสียงของ Xiaomi 14T จะอยู่ห่างกัน ส่วนของ Xiaomi 14T Pro จะอยู่ติดกัน
ด้านหน้าของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผล CrystalRes AI Display แบบ AMOLED ความละเอียด QHD+ 1220 x 2712 พิกเซล (446 ppi) ซึ่ง CrystalRes หมายถึงความคมชัดซึ่งให้สีสันมากกว่า 68 พันล้านสี ขนาด 6.67 นิ้ว
พร้อมรวมเอาเทคโนโลยี FIAA ขั้นสูง เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการออกแบบขอบจอแคบเป็นพิเศษที่สมมาตรทางสายตา โดยมีขอบเพียง 1.7 มม. ที่ด้านบน ด้านซ้าย และด้านขวา และขอบด้านล่าง 1.9 มม. การออกแบบนี้ส่งผลให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่น่าประทับใจถึง 93.6%
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลยังใช้วัสดุเรืองแสงเจเนอเรชันใหม่ ซึ่งให้ความสว่างสูงสุด 4000nits และความสว่างเต็มหน้าจอ 1600nits ทำให้มั่นใจได้ถึงการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมแม้อยู่กลางแจ้งที่สว่างจ้า ด้วยความละเอียด 1.5K และความลึกของสี 12 บิต ประกอบกับการปรับเทียบหน้าจอ Original Color Pro มอบคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม
และหน้าจอแสดงผลนี้ยังโดดเด่นด้วยคุณสมบัติ AI อัจฉริยะ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับเปลี่ยนได้และเป็นมิตรกับดวงตา
ซึ่งจะปรับเอฟเฟ็กต์จอแสดงผลให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามสถานการณ์การใช้งานและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้พร้อมทั้งปกป้องสุขภาพดวงตา
- AI Auto Brightness:
ปรับความสว่างโดยการเรียนรู้พฤติกรรมและสถานการณ์ของผู้ใช้ผ่าน AI
- AI Video with Local Mapping:
AI ระบุวัตถุและพื้นหลังในเนื้อหาวิดีโอ โดยใช้อัลกอริธึมเพื่อให้การรับรู้เชิงลึกและสีที่สมจริง
- AI Adaptive Colors:
AI ปรับอุณหภูมิสีอย่างแม่นยำตามแสงโดยรอบและเนื้อหาการรับชมที่แตกต่างกัน ทำให้ฉากจริงดูสมจริงยิ่งขึ้นและยังสบายตา
- AI Touch Control:
เพิ่มความไวต่อการสัมผัสเมื่อสวมถุงมือ ใช้ฟิล์มกันรอย หรือมือเปียก ในสถานการณ์การเล่นเกม จะได้รับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสทันทีที่สูงถึง 2160Hz
- AI Eye-Care:
รองรับการหรี่แสงแบบ PWM 3840Hz ในสภาพแสงน้อยและการหรี่แสง DC ในสภาพแสงปกติ สามารถปกป้องดวงตาได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยอัลกอริธึมการตรวจจับอุณหภูมิสีโดยรอบที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ตรงกลางด้านบนเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
พลิกมาด้านหลังเครื่องของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกับฝาหลังผิวสัมผัสแบบด้าน และผิวมัน โดยตัวเครื่อง Xiaomi 14T ที่ทางทีมงานได้มารีวิวเป็นสี Titan Black มีพื้นผิวด้าน และมีขอบเหลี่ยม ส่วน Xiaomi 14T Pro เป็นสี Titan Gray มีพื้นผิวมัน และมีขอบโค้งมน
มุมซ้ายด้านบนเป็นส่วนของโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ยื่นออกมาภายในติดตั้งกล้อง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED โดยตรงกลางของ Xiaomi 14T มีโลโก้ LEICA พร้อมข้อความ VARIO-SUMMILUX 1:1.7-2.2 / 15-50 ASPH ส่วน Xiaomi 14T Pro มีโลโก้ LEICA พร้อมข้อความ VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2 / 15-60 ASPH
สำหรับกล้อง 3 ตัวของ Xiaomi 14T ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX906 รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.56″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 50mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 4x และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
ส่วนกล้อง 3 ตัวของ Xiaomi 14T Pro ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 รูรับแสง f/1.6, 23mm (wide), 1/1.31″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 60mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 5x และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
ส่วนด้านข้างเครื่องของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro จะมีปุ่มกดที่วางอยู่ตำแหน่งเหมือนกัน เริ่มจากด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมมีลายเส้นบนปุ่มด้วย
ขณะที่ด้านซ้ายข้างเครื่องของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ออกแบบเรียบ ๆ ไม่มีช่อง หรือปุ่มกดใด ๆ
ด้านบนเครื่องของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มีเซ็นเซอร์ IR Blaster หรือพอร์ตอินฟราเรด และช่องไมโครโฟนตัดเสียง โดยรุ่น Xiaomi 14T ช่องไมโครโฟนตัดเสียงจะห่างกัน ส่วนรุ่น Xiaomi 14T Pro ช่องไมโครโฟนตัดเสียงจะอยู่ใกล้กัน
ด้านท้ายเครื่องของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มีช่องใส่ SIM Card, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
สำหรับช่องใส่ SIM Card ของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro จะเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง ไม่มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD Card และ Xiaomi 14T Series ทั้ง 2 รุ่นรองรับ eSIM ด้วย
คุณสมบัติการใช้งาน
Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro รันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS ที่มีอินเทอร์เฟซที่สวยงาม พร้อมนาฬิกา และการออกแบบหน้าจอล็อคใหม่ รวมทั้งใช้งานได้อย่างไหลลื่น และมาพร้อมฟ้อนต์ใหม่อย่าง MiSans
Xiaomi 14T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต 5G รุ่นล่าสุด MediaTek Dimensity 8300-Ultra ที่มีกระบวนการผลิต 4nm โดยต่อยอดจากจุดแข็งของ Dimensity 8000 Series นำสถาปัตยกรรม CPU Armv9 ที่ล้ำสมัยมาใช้ มอบประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ที่เร็วขึ้นและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
นอกจากนี้ GPU ยังมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานที่ดีขึ้นอีกด้วย และด้วยการรวมประสิทธิภาพ CPU และ GPU ที่ยอดเยี่ยมนี้เข้ากับความเร็วของหน่วยความจำและที่เก็บข้อมูลระดับเรือธง Dimensity 8300-Ultra จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่น่าทึ่งในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม, การใช้งานแอป, การถ่ายภาพ, การเชื่อมต่อ และความบันเทิง
โดยใช้หน่วยประมวลซีพียูแบบ Octa Core ประกอบด้วย 4 x Arm Cortex-A715 และ 4 x Cortex-A510, หหน่วยประมวลผลกราฟิก Arm Mali-G615 GPU, ชิป AI รุ่นใหม่ MediaTek NPU 780 จับคู่กับ RAM 12GB แบบ LPDDR5x + 12GB Virtual RAM และหน่วยความจำภายใน 256GB/512GB แบบ UFS 4.0
ส่วน Xiaomi 14T Pro ขับเคลื่อนด้วย MediaTek Dimensity 9300+ ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือ 5G เรือธงตัวแรกของวงการที่ใช้เทคโนโลยีแกนขนาดใหญ่ทั้งหมดที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบได้รับประสิทธิภาพสูงสุด บนกระบวนการผลิต 4nm รุ่นที่ 3 ขั้นสูงของ TSMC พร้อมนวัตกรรมการออกแบบบรรจุภัณฑ์ปรับอุณหภูมิรุ่นที่ 2 ของ MediaTek
โดยใช้หน่วยประมวลซีพียูแบบ Octa Core แบบ Arm Cortex X-4 รุ่นล่าสุดประกอบด้วย 1 x Cortex-X4 up to 3.4GHz, 3 x Cortex-X4 up to 2.85GHz และ 4 x Cortex-A720 up to 2.0GHz,
หน่วยประมวลผลกราฟิก Arm Immortalis-G720 MC12 GPU 12-croe รุ่นเรือธงพร้อมกลไก Raytracing ฮาร์ดแวร์รุ่นที่ 2, ชิป AI รุ่นใหม่ MediaTek NPU 790 ช่วยให้การประมวลผล AI บนอุปกรณ์รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น จับคู่กับ RAM 12GB แบบ LPDDR5x + 12GB Virtual RAM และหน่วยความจำภายใน 512GB/1TB แบบ UFS 4.0
หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro รองรับอัตราการรีเฟรชเรทแบบไดนามิกสูงถึง 144Hz และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 480Hz ให้ประสบการณ์การรับชมราบรื่นขึ้น แต่ก็ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีโหมดแสงแดด ที่ขยายความสว่างช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดขึ้เมื่ออยู่กลางแจ้งที่มีแสงแดดจ้า รวมทั้งเลือกปรับโทนสีได้ทั้งแบบสีดั้งเดิมโปร, สดใส, อิ่มสี และการตั้งค่าขั้นสูง และโหมดการอ่าน ช่วยลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมา เพื่อความสบายตาระหว่างการใช้งานเป็นเวลานาน
หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision ที่ให้คุณภาพ สี รายละเอียด ส่วนมืด ส่วนสว่างให้ตรงตามต้นฉบับที่ผู้ผลิต, HDR10+ และ HDR10
นอกจากจะให้ภาพที่สมบูรณ์แบบแล้ว Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ยังมีระบบเสียงที่น่าประทับใจ ด้วยลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงคมชัด ดังกระหึ่ง และมีมิติเสียงดี รวมทั้งมีตัวปรับแต่งเสียงกราฟิก และเลือกโหมดเสียงสมจริง เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์
Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย (รองรับ NSA + SA) และสามารถสแตนด์บายได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM) และรองรับ eSIM
ด้านความปลอดภัย Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) ซึ่งสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ
รวมทั้งรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock โดยสามารถลงทะเบียนได้ทั้งหมด 2 ใบหน้า จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
Xiaomi 14T ยังคงรักษาชื่อเสียงของแบรนด์ในเรื่องการชาร์จเร็ว และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และปรับปรุงให้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นด้วยโปรเซสเซอร์ MediaTek Dimensity 8300-Ultra ขนาด 4nm ที่มีประสิทธิภาพและระบบ Xiaomi HyperOS
นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว 67W HyperCharge ผ่านสาย ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ในเวลาเพียง 44 นาที 21 วินาที เพื่อความทนทานและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น Xiaomi 14T มาพร้อมกับชิปจัดการแบตเตอรี่ Surge G1 ที่ช่วยให้สามารถชาร์จได้ถึง 1600 รอบ และมีฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยในการชาร์จถึง 64 ฟีเจอร์ด้วย
ส่วน Xiaomi 14T Pro นั้นมีชื่อเสียงในด้านการชาร์จที่รวดเร็วและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน แบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh เมื่อจับคู่กับโปรเซสเซอร์ MediaTek Dimensity 9300+ ขนาด 4 นาโนเมตรที่มีประสิทธิภาพ และ Xiaomi HyperOS ช่วยให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 14% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
รวมทั้งยังคงรักษา HyperCharge แบบมีสาย 120W อันเป็นเอกลักษณ์ และเพิ่ม Wireless HyperCharge 50W เป็นครั้งแรกสำหรับซีรีส T การผสมผสานระหว่างการชาร์จเร็วและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้ผู้ใช้หมดความกังวลในเรื่องแบตเตอรี่
โดยการทดสอบ HyperCharge แบบมีสาย 120W สามารถชาร์จได้ถึง 100% ในเวลาเพียง 18 นาที 35 วินาที ในขณะที่การชาร์จแบบไร้สายชาร์จได้ถึง 50% ใน 20 นาที ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานระดับปานกลางทั้งวัน
นอกเหนือจากความเร็วแล้ว อุปกรณ์ยังรวมชิปชาร์จเร็ว Surge P2 ที่เป็นเอกสิทธิ์ของเสียวหมี่ และชิปจัดการแบตเตอรี่ Surge G1 ซึ่งรอบรับการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ และใช้ฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยในการชาร์จ 64 รายการ
การผสมผสานระหว่างการชาร์จอย่างรวดเร็ว ความจุสูง และมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงนี้ แสดงให้เห็นถึงการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการจัดการพลังงานของอุปกรณ์พกพาและความสะดวกสบายของผู้ใช้
แต่น่าเสียดายที่อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วไม่ได้แถมมาให้ในกล่องแล้ว ต้องซื้อแยกต่างหาก
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
Xiaomi 14T ใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 8300-Ultra ที่มอบประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น ราบรื่นขึ้น และประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ได้รับการปรับปรุงที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ทำให้การเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด สามารถเล่นต่อเนื่องติดต่อกันหลายชั่วโมงได้โดยที่เครื่องไม่ร้อน
Xiaomi 14T ยังมาพร้อมระบบ Xiaomi IceLoop ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรับปรุงระบบระบายความร้อนแบบเดิม โดยเทคโนโลยี Loop LiquidCool นี้ใช้ระบบท่อความร้อนแบบวงแหวนที่ประกอบด้วยเครื่องระเหย, คอนเดนเซอร์, ห้องเติมของเหลว และท่อส่งก๊าซและของเหลว
เมื่อสมาร์ตโฟนทำงานหนัก เครื่องระเหยที่แหล่งความร้อนจะเปลี่ยนสารทำความเย็นให้กลายเป็นก๊าซ จากนั้นก๊าซจะถูกส่งไปยังคอนเดนเซอร์เพื่อเปลี่ยนกลับเป็นของเหลวอีกครั้ง ของเหลวจะถูกดูดซึมและรวบรวมผ่านเส้นใยขนาดเล็กในห้องเติมของเหลว ซึ่งสร้างระบบที่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้
การตั้งค่านี้ให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่สูงกว่าห้องไอน้ำทั่วไปถึงสองเท่า ทำให้เป็นหนึ่งในโซลูชันระบายความร้อนสำหรับสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน
ส่วน Xiaomi 14T Pro ใช้ชิปเซ็ทเรือธง MediaTek Dimensity 9300+ มาพร้อมความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้น และออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผล generative AI บนอุปกรณ์ พร้อมทั้งรองรับ LLM ที่หลากหลายยิ่งขึ้นและชุดเพิ่มประสิทธิภาพอื่น ๆ มากกว่ารุ่น Dimensity 9300
รวมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และทำให้อุปกรณ์ไม่ร้อน สามารถลดการใช้พลังงานเมื่อเล่นเกมฮิตที่ 90FPS ในโหมดภาพแบบ HDR ได้ดีกว่าชิปเซ็ทเรือธงคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดถึง 20%
Xiaomi 14T Pro รวมเอาการทำซ้ำขั้นสูงของระบบระบายความร้อน Xiaomi IceLoop ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่สำคัญจากเครื่องกระจายความร้อน Vapor Chamber (VC) แบบดั้งเดิม
โซลูชั่นระบายความร้อนที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้มีพื้นที่กระจายความร้อนที่กว้างขวางถึง 5,000 ตร.ม. และโครงสร้างเว้า-นูน 3 มิติที่ออกแบบใหม่ สถาปัตยกรรมของระบบได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มการสัมผัสกับโปรเซสเซอร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการกระจายความร้อนโดยรวม
และเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านประสิทธิภาพสูงของ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro อย่างเต็มที่เสียวหมี่ได้ดำเนินการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเกมยอดนิยมหลายเกม การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมระดับพรีเมียมในเกมที่มีประสิทธิภาพสูงที่มีให้เลือกมากมาย
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ทั้ง 2 รุ่นใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ทดสอบการเล่นเกมได้ลองกับ ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา
โดย Xiaomi 14T ตั้งค่า FPS ที่ระดับสูง ด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 8300-Ultra สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว
ส่วน Xiaomi 14T Pro ตั้งค่า FPS ที่ระดับสูง ด้วยขุมพลังชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 9300+ ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก
ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล
โดย Xiaomi 14T สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูงสุด ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ และเครื่องไม่ร้อนอีกด้วย
ส่วน Xiaomi 14T Pro สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูงสุด ด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 9300+ บวกกับ RAM 12GB และจอรีเฟรชเรท 144Hz ทำให้สามารถเล่นได้ไม่หน่วง และไหลลื่น
ทดสอบประสิทธิภาพ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ผ่านแอป AnTuTu
ทดสอบประสิทธิภาพ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ผ่านแอป GeekBench 6
ด้านการถ่ายภาพ
กล้องเลนส์ Leica Summilux
Xiaomi 14T Series มาพร้อมกับกล้องเลนส์ Leica Summilux ซึ่งผสานงานฝีมือของ Leica เข้ากับนวัตกรรมการถ่ายภาพบนมือถือ การผสมผสานนี้ทำให้เกิดความสมดุลที่ยอดเยี่ยมระหว่างความแม่นยำทางกลไกและความเป็นเลิศด้านการมองเห็น
โดย Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกล้องหลักที่มีรูรับแสง f/1.62 ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มการรับแสงถึง 36% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้แต่ละเฟรมสามารถจับภาพแสงและเงาระดับมืออาชีพ
กล้องหลัง 3 เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2 / 15-60 ASPH พร้อม Xiaomi AISP และไฟแฟลช LED ของ Xiaomi 14T Pro ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 รูรับแสง f/1.6, 23mm (wide), 1/1.31″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 60mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 5x และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
โดยเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งปรับให้เหมาะกับการมองเห็นของมือถือ ด้วยพื้นที่เซนเซอร์ Type 1/1.31 นิ้วขนาดใหญ่ และเทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้มีความไวแสงที่ยอดเยี่ยม โดยมีช่วงไดนามิกดั้งเดิมสูงถึง 13.5 EV ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดแสงและเงาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ เลนส์ทั้งสามยังมีรูรับแสงขนาดใหญ่และคุณภาพการมองเห็นที่ยอดเยี่ยม ครอบคลุมทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. 23 มม. และ 60 มม. นอกจากนี้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี In-Sensor-Zoom กล้องหลัก 23 มม. และเลนส์เทเลโฟโต้ 60 มม. จึงสามารถขยายขีดความสามารถผ่านการครอบตัดภาพ โดยให้ทางยาวโฟกัสเพิ่มเติม 46 มม. และ 120 มม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งค่านี้ช่วยให้ครอบคลุมตั้งแต่ช่วงกว้างพิเศษไปจนถึงช่วงเทเลโฟโต้
ส่วน Xiaomi 14T มาพร้อมกล้องหลักที่มีรูรับแสง f/1.7 ที่ใหญ่กว่า ช่วยให้แต่ละเฟรมสามารถจับภาพแสงและเงาในระดับมืออาชีพได้
โดยกล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.7-2.2 / 15-50 ASPH พร้อม Xiaomi AISP และไฟแฟลช LED ของ Xiaomi 14T ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX906 รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.56″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 50mm, ซูมแบบออปติคอล 2.6x, ซูมแบบไม่เสียรายละเอียด 4x และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/3.06″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
Xiaomi 14T มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ภาพ Sony IMX906 รุ่นใหม่ ขนาด 50MP ซึ่งมีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.56 นิ้ว และซุปเปอร์พิกเซลขนาด 2.0μm มอบช่วงไดนามิกที่ยอดเยี่ยมเพื่อคุณภาพของภาพที่น่าทึ่ง เมื่อรวมกับรูรับแสง f/1.7 และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) เซ็นเซอร์นี้มีความโดดเด่นในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยและการถ่ายภาพกลางคืน ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด รายละเอียดสูง และมีสีสันสดใส แม้ในสภาพแสงที่ท้าทาย
นอกจากนี้ กล้องทั้งหมดสามตัวยังมีรูรับแสงขนาดใหญ่และคุณภาพทางการมองเห็นที่ยอดเยี่ยม ครอบคลุมระยะทางโฟกัสเทียบเท่าที่ 15mm, 23mm, และ 50mm นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี In-Sensor-Zoom เลนส์เทเลโฟโต 50mm ที่ขยายความสามารถในการครอปภาพ ซึ่งให้ระยะทางโฟกัสเพิ่มเติมที่ 100mm ระบบนี้ช่วยให้ครอบคลุมการถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ช่วงกว้างพิเศษไปจนถึงระยะเทเลโฟโต้
Xiaomi 14T Series ได้รวมเอาสไตล์การถ่ายภาพ Leica สองสไตล์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างสีที่แท้จริงและความแตกต่างของแสงอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็สร้างศาสตร์แห่งสีสุดคลาสสิกขึ้นมาใหม่ตามแบบฉบับของ Leica สไตล์เหล่านี้จะประมวลผลภาพตามไฟล์ RAW ในช่วงสี P3 เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการรักษารายละเอียดที่เหมาะสมที่สุด ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพถ่ายเพิ่มเติมได้โดยใช้ฟิลเตอร์สีต่างๆ กับสไตล์พื้นฐานเหล่านี้
- Leica Authentic Mode
โหมด Leica Authentic รวบรวมแก่นแท้ของสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica โดยมีคอนทราสต์สูงระหว่างแสงและเงา ความสว่างโดยรวมลดลง การไล่โทนสีที่สมบูรณ์ อุณหภูมิสีที่เย็นลง ความคมชัดลดลงเล็กน้อย และขอบมืดที่เห็นได้ชัดเจน โหมดนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์คลาสสิกเหมือนฟิล์มที่เน้นอารมณ์และบรรยากาศในภาพถ่าย
- Leica Vibrant Mode
โหมด Leica Vibrant ผสมผสานสไตล์ Leica ดั้งเดิมเข้ากับสุนทรียศาสตร์ดิจิทัลสมัยใหม่ ให้ภาพโดยรวมที่สว่างยิ่งขึ้น ความอิ่มตัวของสีที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เอฟเฟกต์ HDR ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วงไดนามิกที่ดีขึ้น และไม่มีขอบภาพมืด โหมดนี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์ร่วมสมัยมากขึ้นด้วยสีสันที่สดใสและค่าแสงที่สมดุล ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสำหรับวัตถุและสภาพแสงต่าง ๆ
Xiaomi 14T series มาพร้อมฟิลเตอร์กล้อง Leica 6 แบบ ที่ช่วยเพิ่มการแสดงออกที่สร้างสรรค์ในขณะที่ยังคงรักษาความเหมือนจริงของภาพ ฟิลเตอร์นี้ปรับแต่งสีและเส้นโค้งอย่างละเอียด โดยคงไว้ซึ่งการเปลี่ยนสีที่นุ่มนวล ทำให้ได้ภาพที่ประณีตซึ่งรวบรวมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica โดยไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ขององค์ประกอบดั้งเดิม
- Leica Vivid: เพิ่มสีสันให้กับงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์และภาพนิ่งซึ่งสีเป็นสิ่งสำคัญ
- Leica Natural: ปรับให้เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้ดูเป็นธรรมชาติ รักษาโทนสีผิวและความแตกต่างของสีได้อย่างละเอียดอ่อน
- Leica Black & White Natural: สร้างภาพบุคคลขาวดำที่ดูเป็นธรรมชาติ รักษาพื้นผิวและการไล่โทนสี
- Leica Black & White High Contrast: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแนวสตรีทที่น่าทึ่ง โดยเน้นองค์ประกอบภาพที่ชัดเจนผ่านคอนทราสต์ที่สูงขึ้น
- Leica Sepia: ให้ลุควินเทจคลาสสิก เหมาะสำหรับการสร้างภาพที่ชวนให้นึกถึงอดีตเหนือกาลเวลา
- Leica Blue: สร้างบรรยากาศที่มีสไตล์และอารมณ์แปรปรวน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพร่วมสมัยและสื่ออารมณ์
ตัวอย่างภาพถ่าย Xiaomi 14T
ตัวอย่างภาพถ่าย Xiaomi 14T Pro
กล้องหน้าเซลฟี่ 32MP
Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังใต้หน้าจอ In-Display Selfie ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
โดยมีหน้าตา User Interface ที่คุ้นเคยใช้งานง่าย ด้านบนมีไอคอนเปิด/ปิดไฟแฟลช, เมนูตั้งค่าไฟเสริม, อัตราส่วนภาพ, เส้นตาราง, ตัวจับเวลา, ประเภทชัตเตอร์, ตั้งเวลาถ่ายต่อเนื่อง, กล้องช่วย และเพิ่มเวลาบนรูปภาพ และเปิดปิดโหมด HDR ส่วนด้านล่างเป็นโหมดการถ่ายภาพซึ่งการถ่ายเซลฟี่รองรับโหมดรูปถ่าย, วิดีโอ และภาพบุคคล
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียด 4928 x 6560 พิกเซล ส่วนวิดีโอรองรับการถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด 4K@30fps พร้อมโหมดฟรุ้งฟริ้ง และใส่โบเก้ให้กับฉากหลังได้ และเลือกฟิลเตอร์ได้ 12 แบบ
ทดสอบกล้องหน้า
ล้ำไปอีกขั้นกับ Advnaced AI
Xiaomi 14T Series ถือเป็นก้าวสำคัญของเสียวหมี่ในการก้าวเข้าสู่ยุค AI โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ได้ร่วมมือกับทั้ง Google และ Microsoft Auzre เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI บนคลาวด์และบนอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหา เสียง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ
ทั้งนี้ Xiaomi 14T Series นั้นรองรับฟีเจอร์อันล้ำสมัยอย่าง Google Gemini Assistant และ Circle to Search นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดแอปพลิเคชัน AI ของเสียวหมี่เองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น AI Notes, AI Recorder, AI Interpreter, AI Image Edit, AI Portrait และ AI Film
1. Gemini Assistant
ผู้ช่วยอัจฉริยะที่พัฒนาโดย Google สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้คล้ายคลึงกับ Google Assistant เช่น การตั้งคำถาม การสั่งงานด้วยเสียง การควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม
2. Circle to Search
ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถวาดวงกลมบนทุกสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ และค้นหาข้อมูลผ่านเอนจิน Google Search และ Google Lens ได้อย่างสะดวกสบาย
3. AI Interpreter
Xiaomi 14T Series รวมเอาคุณสมบัติการแปลแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง ซึ่งปรับปรุงการสื่อสารข้ามภาษาอย่างมีนัยสำคัญ
ฟังก์ชันนี้ทำงานในสองโหมดหลัก: การแปลแบบเห็นหน้า (face-to-face) และการแปลทางโทรศัพท์/การประชุม (phone/conference call) โหมด face-to-face นำเสนอการตรวจจับภาษาอัตโนมัติ การแสดงคำแปลแบบแยกหน้าจอ การเล่นเสียง และการประมวลผลแบบเรียลไทม์
สำหรับโหมดโทรศัพท์และการประชุมทางโทรศัพท์ จะมีการแปลบทสนทนาเต็มรูปแบบ การสนับสนุนผู้เข้าร่วมหลายราย และการลดเสียงรบกวนในพื้นหลัง
ปัจจุบันระบบรองรับ 12 ภาษา ได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฮินดี อินโดนีเซีย โดยมีแผนจะเพิ่มไทย มาเลย์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ผ่านการอัพเดต OTA ในอนาคตอันใกล้นี้
4. AI Photo Edit
Xiaomi 14T Series ยกระดับการถ่ายภาพบนมือถือด้วยฟีเจอร์ AI Image Edit ขั้นสูง ซึ่งรวมถึง AI Image Expansion และ AI Magic Removal Pro เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่เหล่านี้ ซึ่งขับเคลื่อนโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเสียวหมี่ทำงานบนอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อรับรองความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
- AI Image Expansion ขยายพื้นที่โดยรอบของภาพถ่ายต้นฉบับอย่างชาญฉลาด ให้ผู้ใช้มีอิสระในการจัดองค์ประกอบภาพมากขึ้น
ดังนั้นด้วย AI Image Expansion คุณสามารถปรับองค์ประกอบภาพหลังการถ่ายภาพได้อย่างง่ายดาย โดยบันทึกภาพซึ่งถูกจัดเฟรมไว้อย่างไม่สมบูรณ์ในตอนแรก คุณสมบัตินี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์และสถาปัตยกรรม ช่วยให้สามารถจัดเฟรมใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์โดยไม่ต้องใช้เลนส์ที่กว้างขึ้น
- AI Magic Removal Pro ระบุและลบวัตถุที่เลือก เติมเต็มช่องว่างตามภาพต้นฉบับอย่างเป็นธรรมชาติ เหนือกว่าเครื่องมือลบวัตถุมาตรฐานในด้านคุณภาพและความเป็นธรรมชาติ
ดังนั้น AI Magic Removal Pro จะให้การควบคุมเนื้อหาภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้สามารถลบวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างแม่นยำและน่าทึ่ง สามารถลบฉากหลังที่ดูยุ่งเหยิง ลบโฟโต้บอมเบอร์ หรือสร้างภาพที่สะอาดตาและน่าประทับใจยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานส่วนตัวหรือในระดับมืออาชีพ
5. Other AI features
Xiaomi 14T Series ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ AI ด้วยชุดคุณสมบัติขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการสร้างเนื้อหา:
- AI Message Assistant: เขียนข้อความของคุณใหม่ในสไตล์ที่หลากหลายโดยใช้ Gemini Nano รุ่นที่ติดตั้งมากับอุปกรณ์
- AI Recorder: รวมถึงการถอดเสียงเป็นข้อความ การสร้างสรุปอัตโนมัติ การระบุผู้พูด และการแปลโดย AI
- AI Notes: รวมถึงสรุป AI, องค์ประกอบ AI, การแก้ไข AI และการแปล AI
- AI Video Subtitles: การสร้างคำบรรยายวิดีโอแบบเรียลไทม์และการแปล
- AI Portrait: สร้างอวตารดิจิทัลส่วนบุคคลจากภาพถ่ายของคุณ จากนั้นใช้เพื่อสร้างภาพถ่าย AI ID หรือภาพบุคคลที่กำหนดเอง
- AI Film: สร้างคลิปวิดีโอสั้นที่ตัดต่อแล้วจากฟุตเทจในแกลเลอรีของคุณโดยป้อนคำอธิบายข้อความ โดยที่ AI จะจดจำวัตถุต่างๆ ใช้การเคลื่อนไหวของกล้องแบบพิเศษ และซิงค์กับจังหวะเพลง
หมายเหตุ* เกี่ยวกับ Advanced AI
ฟีเจอร์ AI บางส่วนของซีรีส์ Xiaomi 14T ได้แก่ Circle to Search, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Image Editing และ AI Portrait จะถูกส่งผ่านการอัปเดต OTA ในช่วงแรก ภายหลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI Interpreter สามารถรองรับได้ 12 ภาษา ได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฮินดี และอินโดนีเซีย โดยจะรองรับภาษาไทย มาเลย์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในการอัปเดต OTA ครั้งต่อไป
บทสรุป
Xiaomi 14T Series ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดของ Xiaomi ที่มาพร้อมสเปกจัดเต็มประสิทธิภาพระดับเรือธง และสานต่อตระกูล T Series ที่ได้กล้อง Leica ต่อจากรุ่นก่อนหน้า อีกทั้งเสริมฟีเจอร์ AI แบบแน่น ๆ โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบเน้นความเรียบหรูดูพรีเมียมที่เรียกว่า “Titan Design” โดย Xiaomi 14T Pro จะมี 3 สีให้เลือก คือ Titan Black, Titan Blue และ Titan Gray ขณะที่ Xiaomi 14T จะมี 4 สีให้เลือก ซึ่งนอกจาก 3 สีที่มีเหมือนกันกับ Xiaomi 14T Pro แล้ว ก็ยังมีสี Lemon Green เพิ่มเข้ามาด้วย
Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Next-generation 144Hz AI display ที่ปรับเปลี่ยนได้และเป็นมิตรกับดวงตา โดยจะปรับเอฟเฟ็กต์จอแสดงผลให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามสถานการณ์การใช้งานและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้พร้อมทั้งปกป้องสุขภาพดวงตา พร้อมรองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
ด้านประสิทธิภาพ Xiaomi 14T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300-Ultra จับคู่กับหน่วยความจำ RAM 12GB แบบ LPDDR5X และหน่วยความจำภายใน 256GB/512GB แบบ UFS 4.0 ขณะที่ iaomi 14T Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ จับคู่กับหน่วยความจำ RAM 12GB แบบ LPDDR5X และหน่วยความจำภายใน 512GB/1TB แบบ UFS 4.0 ที่เร็ว แรง ลื่นไหล ไม่มีสะดุด
ส่วนการถ่ายภาพถือเป็นไฮไลต์ของ Xiaomi 14T Series ที่มาพร้อมกับกล้อง Leica Summilux optical lens เหมือนรุ่นเรือธงอย่าง Xiaomi 14 Series ถ่ายภาพสวยคมชัดในทุกช็อต ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน และจุดเด่นสำคัญเรื่องกล้องของ Xiaomi 14T Series ก็คือการมีอัลกอริทึมการประมวลผลภาพ AI อย่าง Xiaomi AISP เหมือนกับในรุ่นเรือธงอย่าง Xiaomi 14 Ultra อีกด้วย
และอีกไฮไลต์เด่นของ Xiaomi 14T Series คือ Advanced AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ โดยได้ร่วมมือกับทั้ง Google และ Microsoft Auzre เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI บนคลาวด์และบนอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหา เสียง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ โดยทั้ง 2 รุ่นจะรองรับฟีเจอร์ AI อย่าง Google Gemini Assistant และ Circle to Search นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดแอปพลิเคชัน AI ของ Xiaomi เองอีกด้วย
Xiaomi 14T Series พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T
Xiaomi 14T Pro | Xiaomi 14T | |||
สี | 3 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black | 4 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black, Lemon Green | ||
ความจุ | 12GB+1TB | 12GB+512GB | 12GB+512GB | 12GB+256GB |
ราคา | 24,990 บาท | 21,990 บาท | 17,990 บาท | 15,990 บาท |
ช่องทางการจำหน่าย | เฉพาะที่ Xiaomi Store และ mi.com | Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม | ||
Pre-order Promotion1 | สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567รับฟรี! Xiaomi Watch S3 และ 120W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ รวมมูลค่าของสมนาคุณ 22,074 บาท1 | สำหรับลูกค้าที่สั่งจองในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567รับฟรี! Xiaomi OpenWear Stereo และ 67W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ รวมมูลค่าของสมนาคุณ 18,674 บาท1 |
หมายเหตุ
1 เงื่อนไขโปรโมชั่นเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด