ยุคนี้ถือเป็นยุคทองของคนชอบเสพความบันเทิงในบ้านจริงๆ ครับ เพราะปัจจุบันคอนเท้นต์จากบริการสตรีมมิ่งต่างๆ คุณภาพนับว่าไม่แพ้ในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว แต่จะให้ไปนั่งดูหนังหรือซีรีย์บนหน้าจอเล็กๆ อย่างสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตก็อาจจะไม่สบายตาจนเกินไป
ดังนั้นอุปกรณ์อย่างเช่น โปรเจคเตอร์จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันนี้พวกเรามีโอกาสได้โปรเจคเตอร์จากแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง Wanbo มารีวิว คือรุ่น Wanbo X5 และวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์จากการได้ทดลองใช้จริงโปรเจคเตอร์คุณภาพสูงไซส์พกพารุ่นนี้กันครับ
เกริ่นคร่าวๆ เกี่ยวกับไฮไลท์ของ Wanbo X5 สักนิดครับ โปรเจคเตอร์พกพารุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่มีขนาดตัวเครื่องกะทัดรัด มีดีไซน์การออกแบบที่สวยหรูดูดี น้ำหนักเบา มีความสว่างและให้คอนทราสต์สูงถึง 1100ANSI จะห้องที่มีแสงสว่าง หรือห้องมืดก็แสดงภาพสวยงามชัดเต็มตา ให้สีสันที่สดใสสวยสมจริง
ใช้เลนส์เคลือบแก้วให้ภาพที่คมชัดดูเป็นธรรมชาติ รองรับ HDR10 สามารถปรับโฟกัสภาพอัตโนมัติ รวมถึงแก้ไขภาพบิดเบี้ยวอัตโนมัติเช่นกัน มีลำโพงเสียงดีจัด
และที่สำคัญ Wanbo X5 ยังรันระบบปฏิบัติการ Android 9 ที่รวดเร็วและเสถียรสุดๆ เกริ่นกันประมาณนี้ก่อน แต่ใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันในรีวิวได้เลยครับ
แกะกล่อง Wanbo X5
- โปรเจคเตอร์ Wanbo X5
- สายไฟ
- รีโมท
- คู่มือและใบรับประกัน
สเปก Wanbo X5
- ขนาดตัวเครื่อง 265 x 235 x 119 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 3.02 กิโลกรัม
- ตัวเครื่องสีขาวมุก
- เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ LCD
- เทคโนโลยีแหล่งแสง LED
- ความสว่าง 1100 ANSI
- ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
- ขนาดแสดงผลแนะนำ 30 – 120 นิ้ว
- ระยะการถ่ายภาพที่แนะนำ 1 – 4 เมตร
- มีระบบแก้ไขภาพอัตโนมัติ
- อัตราส่วนการฉายภาพ 16:9 หรือ 4:3
- หน่วยความจำภายใน RAM 1GB + ROM 16GB
- รองรับ WiFi 6 Dualband
- ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 9.0
ดีไซน์กะทัดรัด สวยสะดุดตา
ก่อนอื่นมาชมด้านการออกแบบของ Wanbo X5 กันก่อนครับ โปรเจคเตอร์รุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยหรูทีเดียวครับ บอดี้ส่วนใหญ่จะเน้นสีขาวตัดกับเส้นสายแบบเมทัลลิคออกสีทองอ่อนๆ ดูแล้วสวยงาม สามารถตั้งโชว์เป็นเฟอร์ชิ้นเอกในห้องนั่งเล่นได้สบายเลยครับ
ดีไซน์ด้านหน้าจะมีเลนส์โปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ดูเด่นเป็นสง่าที่ด้านหน้าทางด้านขวา ถัดมาทางด้านซ้ายจะมีโลโก้ Wanbo พร้อมเลนส์กล้องสำหรับช่วยในการโฟกัสภาพอัตโนมัติ โดยเมื่อเราเปิดเครื่องใหม่ทุกครั้ง หากมีการขยับเครื่องหรือระยะการฉายภาพมีความแตกต่างไป ระบบจะฉายภาพ Focus ขึ้นมา calibrate ความคมชัดใหม่ทุกครั้ง ตรงนี้ถือว่าสะดวกมากทีเดียวครับ และบริเวณรอบเครื่องด้านหน้าจะมีกรอบสีทอง ช่วยยกระดับความหรูหราได้เป็นอย่างดี
ที่ด้านหลังจะมีตัวอักษร Designed By Wanbo พร้อมพอร์ตต่างๆ ประกอบด้วย USB-A x2 สำหรับเสียบเมาส์ คีย์บอร์ด หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ, พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเสียบลำโพงนอก, พอร์ต AV สำหรับรับแหล่งสัญญาณภาพแบบ AV, พอร์ต HDMI สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณภาพเช่นกัน ถัดลงมาจะมีช่องเสียบสายไฟ และสุดท้ายทางด้านขวาล่างจะเป็นลำโพงภายในครับ
มีไฟบอกสถานะการทำงาน โดยเมื่อเครื่องกำลังทำงานจะมีไฟเป็นสีฟ้า และเวลาสแตนบายจะมีไฟสีแดง
ทางด้านซ้ายจะมีช่องระบายอากาศ โดยฝั่งนี้จะเป็นช่องสำหรับดูดอากาศเข้า และจะมีฟิลเตอร์สำหรับกรองฝุ่นละออง ป้องกันไม่ให้เข้าไปภายในอุปกรณ์ด้วยครับ การถอดออกมาจะใช้การกดลงไปครับ จากนั้นถาดฟิลเตอร์จะเด้งออกมา ด้านข้างจะมีตัวอักษรให้ถอดออกมาเป่าทำความสะอาดเดือนละครั้งก็พอ
ทางด้านขวาจะมีช่องสำหรับระบายอากาศขาออก และทั้งสองฝั่งจะมีดีไซน์เป็นรูวงกลมเล็กๆ มากมาย ช่วยให้เวลายกเครื่องจะไม่ลื่นมือครับ ช่วยให้ถือได้มั่นใจยิ่งขึ้นว่าจะไม่ตกหล่น
ด้านบนมีปุ่มควบคุม 3 ปุ่มหลักๆ ครับ คือปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิด, ปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ และสุดท้ายเป็นปุ่มควบคุมทิศทางและตรงกลางจะใช้สำหรับ “ตกลง” ซึ่งแค่ 3 ปุ่มนี้จริงๆ ก็แทบไม่ต้องใช้รีโมทแล้วครับ เพราะสามารถเลือก ย้อนกลับ หรือเปิดปิดเมนูต่างๆ ได้แล้ว ถือว่าทำปุ่มมาใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากดีครับ
และด้านล่างจะมียางกันลื่นวางไว้ทั้ง 4 มุม ตรงกลางมีขาตั้งที่สามารถพับซ่อนได้ ช่วยให้เราปรับความสูงของการฉายภาพได้ 0-12 องศาเพื่อปรับการฉายภาพให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ได้ตามต้องการ และการใช้ขาตั้งจะไม่ส่งผลต่อการโฟกัสและแก้ไขภาพอัตโนมัติด้วยครับ และสุดท้ายบริเวณตรงกลางก็จะเป็นข้อมูลและการรับรองของอุปกรณ์นั่นเอง
นอกจากนี้ทางด้านรีโมทคอนโทรลก็ทำมาค่อนข้างดีเลยครับ เพราะมีปุ่มต่างๆ ไม่เยอะมากจนอาจทำให้ผู้ใช้บางท่านงงได้ โดยจะให้ปุ่มการควบคุมพื้นฐานทั่วไป เช่นการเปิดปิด ปุ่มเมนูตั้งค่า ปุ่มควบคุมทิศทาง ปรับเสียง หรือปุ่มโฮมเพื่อกลับสู่เมนูหลัก อะไรประมาณนี้ โดยรวมถือว่าให้มาสวยงามน่าใช้ดีครับ
ส่วนแบตเตอรี่ของรีโมทจะใช้เป็นแบบถ่านก้อน AAA เหมือนกับรีโมทส่วนใหญ่ทั่วไปครับ แต่ในกล่องไม่ได้แถมถ่านมาให้นะครับ ต้องซื้อแยกเองจ้า
Wanbo X5 มีขนาดตัวเครื่อง 265 x 235 x 119 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 3 โลนิดๆ โดยรวมผู้รีวิวคิดว่าน่าจะมีขนาดกำลังดีครับ สามารถพกใส่เป้หรือกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวที่ไหน หรือไปพรีเซ็นต์งานก็สามารถหยิบติดรถไปได้ง่ายๆ เหมือนกับมีจอภาพดีๆ พร้อมกับลำโพงติดตัวไปได้ตลอดเวลาเลยครับ
จอใหญ่ ความสว่างสูง
ถ้าหากเพื่อนๆ กังวลว่าการใช้งานโปรเจคเตอร์จะต้องใช้เฉพาะในห้องมืดๆ หรือรับชมในเวลากลางคืนเท่านั้น สำหรับ Wanbo X5 ถือว่าคิดผิดครับ เพราะเจ้าเครื่องนี้ให้ความสว่างสูงมากถึงในระดับ 1100ANSI เหมือนกับมีโรงหนังในบ้านเลย พร้อมกับให้คุณภาพของภาพที่ชัดเจน มีคอนทราสต์และคมชัดสูง ดังนั้นแค่เพียงเราอยู่ในห้องและปิดม่านให้มืดลงนิดหน่อยก็สามารถดูหนังดูซีรีย์ได้สบายแล้วครับ
และด้วยเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับโปรเจคเตอร์เครื่องนี้ ซึ่งสามารถรองรับไฟล์ภาพความละเอียดสูงระดับ 4K ได้ พร้อมกับรองรับ HDR10 ที่ช่วยเก็บรายละเอียดของภาพทั้งในส่วนที่มืดและสว่างได้ค่อนข้างดี รวมถึงยังอัปเกรดความสว่าง สีสัน และคอนทราสต์อย่างครอบคลุม ช่วยให้สีสันมีความสมใส ละมุนตาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยครับ
Wanbo X5 ยังสามารถปรับขนาดของหน้าจอขณะฉายภาพได้อิสระด้วยครับ โดยแนะนำว่าควรวางระยะการฉายอยู่ระหว่าง 1-4 เมตร โดยจะได้ขนาดภาพที่ 30 – 120 นิ้วเลยทีเดียว หรือจะตั้งอุปกรณ์ให้ฉายขึ้นเพดานห้องก็ง่ายและสะดวกมาก
หน้าตา UI ต่างๆ สามารถเข้าใจได้ง่ายครับ รองรับภาษาไทยสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดภาษาต่างประเทศ
มีโหมดภาพให้เลือกตามชอบครับ ชอบสีจัดๆ ก็เลือกสีสดใสไป หรือจะเอาแบบนุ่มนวลสบายตาก็มีให้เลือก และสามารถปรับเป็นโหมดผู้ใช้ ปรับแต่งเองก็ยังได้
คอบอลพลาดไม่ได้ครับ ดูใหญ่เบิ้มๆ สบายตาสุดๆ
จะการ์ตูนหรือซีรีย์ ก็สนุกได้ทั้งครอบครัวเลยครับ
ปรับโฟกัสภาพอัตโนมัติด้วย AI
อย่างที่เรามีเกริ่นไปบ้างแล้วครับว่า Wanbo X5 จะสามารถปรับโฟกัสความคมชัดของภาพได้อัตโนมัติ ข้อดีส่วนนี้ต้องยกให้ระบบอัลกอริธึม AI ที่พัฒนาขึ้นเองของ Wanbo ที่จะปรับโฟกัสภาพอัตโนมัติด้วยเลนส์ที่มีความไวสูง ทำให้สามารถโฟกัสภาพอัตโนมัติทันทีที่มีการย้ายตำแหน่ง และจะทำงานตลอดเวลาเพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ที่หลากหลาย ทำให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุดอยู่เสมอ
พร้อมกันนี้ยังมีระบบแก้ไขภาพบิดเบี้ยวอัตโนมัติมาให้ด้วย ทำให้สามารถวางโปรเจคเตอร์ในมุมต่างๆ ได้ในระดับนึง เพราะระบบจะแก้ไขมุมฉายให้เป็นภาพสี่เหลี่ยมที่ดีที่สุดอยู่เสมอด้วยครับ
จัดการความร้อนได้ดี และเสียงเงียบมาก
ถ้าคุณเคยใช้งานโปรเจคเตอร์มาบ้าง น่าจะรู้ดีว่าอีกหนึ่งปัญหาของอุปกรณ์ประเภทนี้ก็คือความร้อนและเสียงการทำงานของพัดลมครับ ซึ่งส่วนนี้ Wanbo X5 ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจมากครับ เพราะอุปกรณ์ถูกออกแบบมาอย่างประณีตด้วยช่องระบายความร้อนมวนคู่ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง แถมยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ช่วยลดอุณหภูมิระหว่างการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม
แถมพัดลมเองก็ทำงานเงียบมากจนแทบไม่ได้ยินเลยครับหากไม่ตั้งใจฟังจริงๆ น่ะนะ และยังมีระบบป้องกันฝุ่นใหม่ที่สามารถป้องกันฝุ่นเข้าสูงเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
สตรีมหนัง 4K ก็ไหว เพราะได้ Wi-Fi 6
Wanbo X5 รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ที่เมื่อเทียบกับ Wi-Fi 5 จะทำความเร็วได้มากกว่าถึง 3.9 เท่า พร้อมกับลดความล่าช้าลง 70% และการเชื่อมต่อมีความเสถียรมากขึ้น และรวดเร็วทันใจมากครับ จะสตรีมหนังความละเอียดสูงแค่ไหนก็สบาย ภาพไม่ดีเลย์ ไม่กระตุกให้เสียอารมณ์การรับชมภาพยนตร์อีกด้วยครับ
ใช้ Android 9.0 ที่เสถียรและไม่อืด
Wanbo X5 เป็นโปรเจคเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการในตัวเองครับ คือ Android 9.0 ทำให้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดภาพภายนอก เพียงเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็สามารถเพลิดเพลินกับคอนเท้นต์มากมายได้ทันทีครับ
ซึ่งในตัวโปรเจคเตอร์เองจะมีโหลดแอปดูหนังฟังเพลงเบื้องต้นมาให้แล้วบ้างนะครับ อย่างเช่น YouTube หรือ Netflix เป็นต้น แต่ถ้าอยากโหลดเองก็เพียงแค่ลงทะเบียนแอคเคาท์ Google ของคุณแล้วเข้าไปเลือกโหลดแอปที่ชอบได้ใน PlayStore ได้เองเลยครับ เหมือนกับการใช้งานมือถือเลยฮะ โดยตัวเครื่องจะมีความจำภายในให้มาที่ 16GB ซึ่งถือว่าก็พอสมควร สามารถเลือกโหลดแอปได้ประมาณนึงครับ
เสียงกระหึ่ม แบบไม่ต้องพึ่งลำโพงเสริม
อีกหนึ่งจุดที่ผู้รีวิวค่อนข้างชอบสำหรับ Wanbo X5 ก็คือระบบเสียงนี่ล่ะครับ ทีแรกคิดว่าการให้ลำโพงมาในตัว ก็คงให้มาแค่พอได้ยิน ถ้าอยากให้ดีก็ใช้การเชื่อมต่อลำโพงนอกเอา แต่ที่ไหนได้พอได้ทดสอบบอกเลยว่า “เอาเรื่อง” เลยครับ ลำโพงที่ให้มาเป็นลำโพง 5W จำนวน 2 ตัว รวมเป็น 10W ให้เสียงที่ดังเหลือเฟือสำหรับการรับฟังในครัวเรือนสบายครับ
แถมคุณภาพเสียงยังถือว่าดีมากสำหรับอุปกรณ์โปรเจคเตอร์อีกด้วย พูดให้เห็นภาพง่ายๆ เสียงทีวีที่บ้านเพื่อนระดับไหน เสียงของ Wanbo X5 จะดีขึ้นไปอีกระดับนึงครับ คือให้เบสมาด้วย ให้เสียงที่มีมิติมากๆ ดังนั้นไม่ใช่ดีแค่ดูหนัง แต่การฟังเพลงดู MV หรือร้องคาราโอเกะในห้อง บอกเลยว่าเหลือๆ ครับ
แต่ถ้าอยากให้เสียงดีขึ้นกว่านี้ หรือการใช้งาน Outdoor ตัวโปรเจคเตอร์ยังให้ช่องหูฟัง 3.5 มม. เอาไปต่อลำโพงเพิ่มได้ หรือจะเอาให้ล้ำไปอีกก็ต่อแบบไร้สายได้เลยครับ เพราะอุปกรณ์รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้อีก ทีนี้จะต่อลำโพงดีขนาดไหนก็จัดไปตามงบเลยครับ หรือจะแอบดูหนังเงียบๆ เวลาคนข้างๆ หลับไปแล้วก็สามารถหาหูฟัง Bluetooth รับชมรับฟังคอนเท้นต์ต่างๆ ส่วนตัวได้ตามสะดวกเลยจ้า ชิลมากจริงๆ
บทสรุป
บอกราคากันก่อนว่า Wanbo X5 มีราคาสบายกระเป๋าเพียง 8990 บาทเท่านั้นครับ และเชื่อว่าบางคนอาจจะแอบเถียงว่า “ราคานี้ทำไมไม่ซื้อสมาร์ททีวี 50 นิ้ว +/- ไปเลยดีกว่ามั้ย?” ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยครับ งั้นขอถามกลับคำนึงว่า หากต้องการพกพาหน้าจอออกไปใช้งานนอกบ้าน คุณจะเอาทีวีติดตัวไปด้วย มันสะดวกไหมครับ? จะดีกว่ามั้ยล่ะหากพกโปรเจคเตอร์เครื่องเดียวใส่เป้แล้วสะพายหลังพกพาไปได้ง่ายๆ แถมยังได้ลำโพงเสียงดีไปด้วยในเครื่องเดียวกัน เพราะด้วยความสว่างของ Wanbo X5 ทำให้หากการใช้งานในที่ Indoor เวลากลางวัน ยังไงก็สู้แสงได้สบายครับ แถมยังขยายภาพได้สูงถึงระดับทีวี 120 นิ้ว มีระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติด้วย AI รัน Android จะโหลดแอปอะไรก็เข้าสโตร์โหลดได้เองง่ายๆ มีพอร์ตเชื่อมต่อสำคัญๆ ครบ จะใช้เล่นเกมหรือต่ออะไรก็ง่าย จอใหญ่สบายตา ถ้าคุณชอบความสะดวกสบายแบบนี้ เชื่อว่า Wanbo X5 จะเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงที่น่าสนใจที่สุดอีกรุ่นแน่นอนครับ
สำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อก็สามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ Shopee, Lazada, TikTok และ Nocnoc ได้เลยครับ สั่งไม่นานของส่งตรงถึงหน้าบ้านเพื่อนๆ แน่นอน สำหรับการรีวิวก็ต้องขอจบเพียงเท่านี้ จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ ^^