คลังเก็บ

รีวิว vivo Y200 5G ที่สุดของสมาร์ตโฟนสุดทน! ท้าชนทุกสเปก พร้อมใช้งานราบรื่นตลอด 4 ปี !!

vivo Y200 5G น้องใหม่ล่าสุดของตระกูล Y Series เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย พร้อมดึง ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร’ นักแสดงสาวสวยมากความสามารถขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ ที่จะมาเป็นตัวแทนส่งมอบความแข็งแกร่งและสเปกแบบจัดเต็มภายใต้แนวคิด ‘สุดทน! ท้าชนทุกสเปก’

ซึ่งรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นการยกระดับความคุ้มค่าในแบบรอบด้านของ Y Series เหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นจอ AMOLED 120Hz กล้อง 50MP แบตใหญ่ 5000mAh ชาร์จไว 80W ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับคุณภาพเสียง Hi-Res

พื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ 512GB ทนน้ำทนฝุ่น IP64 และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถือว่าเป็นการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของ Y Series ก็คือการที่ให้ฟีเจอร์ AI Aura Light มาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกของ Y Series อีกด้วย 

นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังมาพร้อมความโดดเด่นในด้านดีไซน์ และสีสันที่ให้ความพรีเมี่ยมตั้งแต่แรกสัมผัส ใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟน ดีไซน์สวย สเปคครบ ๆ ในราคาต่ำหมื่น ไม่ควรมองข้าม vivo Y200 5G ด้วยประการทั้งปวงครับ 

สเปคเบื้องต้น vivo Y200 5G

ขนาด163.23 × 75.93 × 7.79 มม. (Dynamic Black) 163.23 × 75.93 × 7.95 มม. (Titanium Silver, Dreamy Violet)
น้ำหนัก188 กรัม (Dynamic Black), 190 กรัม (Titanium Silver, Dreamy Violet)
หน้าจอแสดงผล หน้าจอ Ultra Vision AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว (2400×1080), รองรับ Refresh Rate 120Hz 
หน่วยประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon® 4 Gen 2
RAM8GB / 12GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง256GB / 512GB
microSD Cardสูงสุด 1TB
ระบบปฏิบัติการFuntouch 14 บนพื้นฐานของ Android 14
เชื่อมต่อWi-Fi 2.4GHz, 5GHz บลูทูธ 5.0 support A2DP, LE, , OTG, GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
กล้องถ่ายภาพ











โหมดการถ่าย
กล้องหลัง: 2 เลนส์ AI Dual Camera  
– กล้องหลัก 50MP รูรับแสงกว้าง f/1.8
– กล้องเลนส์ Ultra Wide-Angle 8MP Ultra Wide-Angle Camera กล้องมุมกว้างพิเศษ 120° รูรับแสงกว้าง f/2.2 แฟลชกล้องหลัง, แสงออร่าแบบสองโทน

กล้องหน้าความละเอียด 32MP รูรับแสงกว้าง f/2.45

กล้องหน้า Night, Portrait, Photo, Video, Live Photo กล้องหลัง Night, Portrait, Photo, Video, 50 MP, Pano, Documents, Slo-mo, Time-lapse, Pro, Dual View, Live Photo
รองรับระบบรองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด 5G + 5G Dual SIM Dual Standby 2G GSM : 850/900/1800/1900 MHz

3G WCDMA : B1/B2/B4/B5/B8 4G FDD-LTE : B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B18/B19/B20/B26/B28 4G TDD-LTE : B38/B39/B40/B41 5G : n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28F/n38/n40/n41/n77/n78
แบตเตอรี่ ทนน้ำทนฝุ่น5000mAh รองรับชาร์จไว vivo FlashCharge 80W IP64
สีDynamic Black, Titanium Silver, Dreamy Violet
ราคา 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
12GB + 512GB ราคา 12,999 บาท

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

vivo Y200 5G ยังคงมาพร้อมกล่องในโทนสีขาวสะอาดตาเหมือนเช่นเคย สำหรับด้านหน้ากล่องจะมีชื่อรุ่นและแบรนด์ขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Y Series พร้อมกำกับขนาดความจุ ROM/RAM ไว้ที่มุมขวาด้านบน และที่ด้านข้างกล่องจะโชว์ทุกสีที่มีวางจำหน่ายในรุ่น Y200 5G ส่วนสีที่อยู่ภายในจะระบุไว้ที่ด้านหลังของตัวกล่อง

ส่วนด้านหลังจะขับเน้นด้วยไฮไลท์ที่เป็นจุดเด่นของ vivo Y200 5G ซึ่งประกอบไปด้วยฟีเจอร์ชาร์จไว 80W FlashCharge รับประกันความทนทาน และสุขภาพแบตเตอรี่ถึง 4ปี, ระบบ AI Aura Light, จอแสดงผล Ultra Vision AMOLED รองรับ Refresh Rate 120Hz, และพร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานด้วยความสมูทลื่นไหลได้ยาวนานกว่า 4 ปี 

ถัดลงมาจะเป็นรายละเอียดทั้งในส่วนของชื่อรุ่น สี หมายเลขอีมี่และรายละเอียดของผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย 

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีดังนี้

  • ตัวเครื่อง vivo Y200 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่โรงงาน 
  • อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5.0V– 3.0A 15.0W / 9.0V– 2.0A 18.0W / 11.0V – 7.3A Max 8.0.0W Max รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo FlashCharge 80W
  • สายดาต้าลิงค์แบบ Type-C
  • Soft Case TPU แบบใส
  • อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
  • ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ

รูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ

vivo Y200 5G มีจุดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ตัวเครื่องบาง น้ำหนักเบา พร้อมขอบ Metallic High-Gloss และโมดูลกล้องทรงเพชร โดยตัวเครื่องออกแบบในสไตล์สุดมินิมอลที่ตัดขอบเรียบตามสมัยนิยม และยังมีมุมโค้งมนแบบสมมาตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่งผลให้การจับถือได้ถนัดกระชับมือ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งโดดเด่นด้วยการออกแบบที่บางเฉียบ และน้ำหนักเบา โดยมีน้ำหนักหนักเพียง 188 กรัม เท่านั้น ส่งผลให้ vivo Y200 5G เป็นโทรศัพท์มือถือที่สามารถพกพาได้สะดวก จับถือถนัดมือ 

นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังรองรับฟีเจอร์ทนน้ำทนฝุ่นในมาตรฐาน IP64 ซึ่งจะช่วยปกป้องโทรศัพท์จากน้ำกระเซ็นหรือหกใส่ รวมถึงฝุ่นในทุก ๆ วันที่ต้องเผชิญ ในภาพรวมจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน vivo Y200 5G กับทุก ๆ กิจกรรมได้ดียิ่งขึ้น

vivo Y200 5G มาด้วยกัน 3 สี ประกอบด้วย

สีเงิน Titanium Silver

สี Titanium เป็นสีที่มาแรงของปี 2567 โดยสีเงิน Titanium Silver จะสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ เรียบง่าย และหรูหรา โดยมาพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัย สะท้อนถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคต

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความหรูหราและทันสมัยด้วย Diamond Starry Texture แบบพิเศษ ช่วยเพิ่มประกายระยิบระยับบนตัวเครื่องหลังสะท้อนกับแสงไฟ

สีม่วง Dreamy Violet

สีม่วงที่มีความสว่างและนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเสมือนกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน มา พร้อมกับบรรยากาศสุดโรแมนติกและมีเสน่อห์ เติมเต็มการออกแบบด้วยบุคลิกที่มีเอกลักษณ์และมีชีวิตชีวา เสริมลูกเล่นด้วย 3D Petal Texture ซึ้งได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของดอกไม้ เพิ่มการสะท้อนแสงเงาบนพื้นผิวของตัวเครื่อง

สีดำ Dynamic Black

สีดำ Dynamic Black ดีไซน์ทรงพลังเหนือระดับ เมื่อกระทบแสง UV ตัวฝาหลังจะปรากฏเป็นสีม่วงประกายวาว ซึ่งเป็นการผสมผสานความสงบของเฉดสีดำที่สะท้อนความเงางามของโลหะ เข้ากับเฉดสีม่วง ที่มอบทั้งความรู้สึกหรูหราและลึกลับในเวลาเดียวกัน

หน้าจอ punch hole

vivo Y200 5G มาพร้อมหน้าจอ 120 Hz Ultra Vision AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว กับการออกแบบกล้องหน้าแบบเจาะรู (punch hole) ที่ลดการรบกวนประสบการณ์การใช้งานหน้าจอ ทำให้ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีสิ่งกวนใจมาพร้อมอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 91.9% ให้สีสันสว่าง และสดใสเป็นพิเศษ สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีกรองแสงสีฟ้าเพื่อช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งานอีกด้ว

vivo Y200 5G มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ โดยลำโพงสนทนาจะทำหน้าที่เป็นลำโพงสเตอริโอตัวที่หนึ่ง สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้อยู่ตรงกลางของจอแสดงผล ซึ่งจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยมพร้อมตอบโจทย์การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์

vivo Y200 5G มาพร้อมกล้องหลัง 2 เลนส์ AI Dual Camera  จัดเรียงในแนวตั้ง บนโมดูลกล้องทรงเพชร โดยกล้องตัวบนจะเป็นเลนส์ Ultra Wide-Angle Camera ที่ให้มุมกว้างพิเศษ 120° บนความละเอียด 8MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.2 ถัดลงมาจะเป็นกล้องหลักความละเอียด 50MP รูรับแสงกว้าง f/1.8 และตามด้วยไฟ AURA LIGHT ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีให้ใช้งานบน Y Series 

AI Aura Light

ครั้งแรกของ Y Series กับประสบการณ์การถ่ายภาพ Portrait ด้วย AI Aura Light ซึ่งจะให้ภาพบุคคลที่นุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม และช่วยให้ใบหน้าสว่าง มีความละมุนเป็นธรรมชาติในทุกสภาพแสง 

ในด้านฟีเจอร์นั้นให้มาครบถ้วน ไม่แพ้รุ่นพี่ V Series อย่างแน่นอน โดยประกอบไปด้วย

• AI Powered Photography
ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนาการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ
• Far / Near Lighting
ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสาหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล
• Smart Color Temperature Adjustment
ปรับโทนแสงออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็นช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตดูสว่างและคมชัดอย่างธรรมชาติ

การจัดวางเลย์เอาท์ในภาพรวมของ vivo Y200 5G มีรายละเอียดดังนี้

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนพร้อมทำหน้าที่ในการบันทึกเสียง ส่วนด้านล่างจะมีลำโพงสเตอริโอตัวที่สอง / พอร์ต USB Type-C ตามด้วยไมค์สนทนาและช่องถาดซิมการ์ด ฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ สำหรับฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ 

สำหรับตัวถาดซิมของ vivo Y200 5G จะเป็นแบบ Hybrid Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม หรือเลือกใช้งาน 1 ซิมการ์ดร่วมกับ MicroSD Card โดยรองรับหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB

ไฮท์ไลท์เด่น vivo Y200 5G สุดทน! ท้าชนทุกสเปก มอบสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นได้ยาวนานทั้งในระดับ Hardware และ Software

vivo Y200 5G พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนาน ทั้งในด้าน Software และความทนทานของตัว Hardware โดย vivo Y200 5G ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความทนทานหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
o Micro Drop Test
o ทดสอบการถอดและเสียบ USB
o Extreme Environment Testing
o ทดสอบการกดปุ่มเพิ่มและลดเสียง
o ทดสอบการกดปุ่มเปิดและปิดเครื่อง 

ในด้าน Drop Test ทางทีมงานทดสอบในแบบคลาสสิค โดยจำลองการใช้งานที่สามารถพบเจอได้จริงในชีวิตประจำวัน อย่างเช่นการล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง หรือวางอุปกรณ์ไว้ริมโต๊ะหรือโซฟา และเผลอทำตกโดยไม่ทันระวัง (ที่ระดับความสูงไม่เกิน 1 เมตร ไม่ได้ใส่เคส) หรือแม้กระทั่งเผลอนั่งทับอุปกรณ์โดยไม่ได้เอาออกจากกระเป๋ากางเกงเป็นต้น จากการทดสอบพบว่าตัวเครื่องไม่บิดงอหรือแตกหัก และเมื่อ Drop Test ที่ระดับความสูงไม่เกิน 1 เมตร เมื่อตกบนพื้นกระเบื้องยาง ก็ไม่พบการบุบหรือแตกหักแต่อย่างใด 

มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP64

เมื่อมีเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการเผลอทำน้ำหกจนกระเด็นใส่อุปกรณ์โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะ vivo Y200 5G รองรับฟีเจอร์ทนน้ำทนฝุ่นในมาตรฐาน IP64 และในช่วงหน้าฝนแบบนี้ vivo Y200 5G ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีมาก ๆ เพราะสามารถปกป้องโทรศัพท์จากฝนตก หรือน้ำกระเซ็นหกใส่ รวมถึงฝุ่นในทุก ๆ วันที่ต้องเผชิญ ในภาพรวมจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน vivo Y200 5G กับทุก ๆ กิจกรรมได้ดียิ่งขึ้น

ประสิทธิภาพ

vivo Y200 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon® 4 Gen 2 บนสถาปัตยกรรม 4 nm มอบสัมผัสประสบการณ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่ให้ความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยมีประสิทธิภาพ CPU ที่แรงขึ้นกว่าเดิมถึง 10% 

เมื่อมองในภาพรวม vivo Y200 5G ถือว่าตอบโจทย์ได้ครบครัน ทั้งการรองรับ 5G แบบ SA ผสานด้วย RAM ชนิด LPDDR4X และ ROM UFS 2.2 จึงพร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้ดีเยี่ยม เรียกว่ายังคงสืบทอด DNA ความเป็น Y Series ที่เด่นแบบรอบด้านได้เหมือนเช่นเคย

ด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ทำให้ vivo Y200 5G สามารถอัปเกรดหน่วยความจำเป็น 8GB+8GB (อัปเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุด) โดยเป็นการนำพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง (ROM) ส่วนหนึ่งมาจัดสรรเพื่อใช้ร่วมกับ RAM หลัก หรือที่เรารู้จักในชื่อ Virtual Memory

ซึ่ง vivo Y200 5G สามารถขยาย RAM 8GB เพิ่มขึ้นได้อีก 8GB จึงพร้อมมอบประสบการณ์ที่เสมือนใช้งาน RAM 16GB ส่งผลให้สามารถใช้แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเปิดใช้งานแอปพื้นหลังกว่า 25 แอป รวมถึงสลับไปมาระหว่างแอปได้อย่างราบรื่น

พร้อมเสริมด้วยระบบ RAM Saver เพิ่มความลื่นไหล ประหยัดพื้นที่การใช้ Background Application ได้ถึง 600MB นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังให้หน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 256 GB และหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB จึงพร้อมเก็บทุกความทรงจำที่มีค่าของผู้ใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด

จอแสดง Ultra Vision AMOLED 120 Hz ใหญ่เต็มตา พลังเสียง Audio Booster ตอบทุกโจทย์ด้านความบันเทิงในหนึ่งเดียว

vivo Y200 5G มาพร้อมหน้าจอ Vision AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว กับการออกแบบกล้องหน้าแบบเจาะรู (punch hole) ที่ลดการรบกวนประสบการณ์การใช้งานหน้าจอด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 91.9% พร้อม Refresh Rate 120Hz ทำให้ใช้งานได้ลื่นไหล

อีกทั้งรองรับการใช้งานกลางแสงแดดได้ดีด้วยความสว่างสูงถึง 1800 nits (ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วน) และยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ทั้งรองรับขอบเขตสี 100% DCI-P3 ความอิ่มตัวของสี 107% ความหนาแน่นของพิกเซล 394 PPI ใช้วัสดุเปล่งแสง E4 พร้อมเทคโนโลยีกรองแสงสีฟ้าเพื่อช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งานอีกด้วย 

นอกจากจะเด่นในด้านจอแสดงผลแล้ว vivo Y200 5G ยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ ที่มอบประสบการณ์ด้านเสียงได้เต็มอิ่มในทุก ๆ ด้าน อีกทั้งยังรองรับคุณภาพเสียง Hi-Res ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ดื่มด่ำกับเสียงคมชัดแบบรอบทิศทาง

ด้านความปลอดภัย 

ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบถ้วน โดย vivo Y200 5G รองรับฟีเจอร์ความปลอดภัยในระดับ Hardware ด้วย Biometric อันล้ำสมัยจาก “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซนเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น 

สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน vivo Y200 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 7 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ส่วนระบบ Face Unlock บน vivo Y200 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

แบตเตอรี่ความจุสูง 5000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว FlashCharge 80W

vivo Y200 5G แม้จะมีดีไซน์ที่เพรียวบาง แต่ก็ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh และยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว FlashCharge 80W สามารถชาร์จถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที และ 100% ภายใน 43 นาที ซึ่งชาร์จได้รวดเร็วและใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างมั่นใจ ด้วยการันตีสุขภาพแบตเตอรี่ไม่น้อยกว่า 80% เมื่อใช้งาน 4 ปี หรือชาร์จ 1,600 ครั้ง

ในด้านฟีเจอร์และความปลอดภัยในการชาร์จก็ให้มาแบบอัดแน่นด้วย Super Charge Pump ที่แปลงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นโทรศัพท์จึงชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่ต่ำ พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยแบบ 24 ชั้น ด้วยการชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นจากทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น ตัวโทรศัพท์ แบตเตอรี่ ชิปชาร์จ พอร์ต สายเคเบิล และกำลังไฟฟ้าเข้าจากแรงดันไฟ อุณหภูมิ และการป้องกันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเมทริกซ์การป้องกันการชาร์จที่ครอบคลุมที่สร้างความอุ่นใจในการใช้งานได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังมีเทคโนโลยี Smart Charging Engine 2.0 ซึ่งช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น โดยคำนึงถึงแบตเตอรี่และสถานการณ์ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าหน้าจอจะปิดอยู่หรือขณะเสียบปลั๊ก ก็จะปรับการชาร์จแบตให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ และช่วยลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่รวมถึงความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างชาร์จ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยิ่งขึ้นอีกด้วย

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน

vivo Y200 5G ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 รุ่นใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตใหม่ที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยที่ไม่ต้องกดเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไป ๆ รวมถึงด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังการันตีด้วย Firmware ที่มอบประสบการณ์การใช้งานด้วยความสมูทลื่นไหลได้ยาวนานกว่า 4 ปี 

Mini Window ใหม่สำหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถสลับระหว่าง โหมดหน้าต่างเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

ฟีเจอร์ Smart Mirroring ใหม่ของ vivo Y200 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าจอได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าแถบการแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ตั้งใจ

ด้านการเล่นเกม

Multi-Turbo 

vivo Y200 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน ได้อีกทางหนึ่งด้วย 

Ultra-Game Mode 

Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด  ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ยังสามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ

รวมถึงยังอัปเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น 4D Game Vibration ระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS , เอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture,  Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น 

vivo Y200 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงได้ในหลาย ๆ เกม  แต่ที่ทางทีมงานแนะนำจริง ๆ ควรเลือกค่าเริ่มต้นที่ตัว vivo Y200 5G กำหนดให้อย่างเหมาะสม ซึ่งในภาพรวมการเล่นเกมบน vivo Y200 5G ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างน่าประทับใจ

ด้วยจอแสดงผลคุณภาพสูง และฟีเจอร์การเพิ่มระดับเสียงที่เร่งได้ถึง 300% ขับเคลื่อนโดย Audio Booster ผสานระบบ Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด และ Extended RAM 8+8GB รวมถึงชิปเซ็ตที่สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างสมูท แต่ทั้งนี้ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น ควรตั้งค่าให้เหมาะสมตามที่ตัวเกมแนะนำ ซึ่งจะสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่เสียอรรถรสอย่างแน่นอน

ด้านการถ่ายภาพ

กล้องหน้าของ vivo Y200 5G ให้ความละเอียดที่สูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า โดยมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 32MP มีค่ารูรับแสง f/2.0 ที่ให้ความคมชัดและขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด โดยจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถวิเคราะห์เพศและใบหน้า พร้อมปรับแต่งให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามตรงใจผู้ใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลามาปรับแต่งในภายหลัง นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ อย่าง Multi-Style Portrait , Portrait Light Effec, Pose Master ที่ช่วยให้การถ่ายภาพ Portrait เป็นเรื่องที่ง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดีในทุก ๆ สภาพแสง

Portrait Mode

Portrait mode

ในโหมด Portrait ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับค่ารูรับแสงในภายหลังผ่านทางแอปแกลเลอรี่ได้อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับโหมด AI Face Beauty ใน Portrait Mode จะมี 2 โหมดสำเร็จรูปหลัก ได้แก่โหมดธรรมชาติและคลาสสิก โดยโหมดธรรมชาติจะให้สกินโทนที่เน้นความสมจริงดูเป็นธรรมชาติ ส่วนโหมดคลาสสิกตัวระบบ AI จะคำนวณความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ ซึ่งทั้งสองโหมดสามารถตอบโจทย์สำหรับสีผิวและความชื่นชอบที่แตกต่างกันไปของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง

Multi-Style Portrait

สำหรับโหมด Multi-Style Portrait ของกล้องหน้าจะมีสไตล์ที่เลือกใช้งานได้ 8 รูปแบบ ซึ่งให้ฟิลลิ่งคล้ายกับโปรไฟล์สี ที่มีให้ใช้งานบนกล้องระดับมืออาชีพของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง

และมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งานอย่าจุใจถึง 10 รูปแบบ 

Portrait light effect

ฟีเจอร์ Portrait light effect จะช่วยเสริมให้การถ่ายภาพบุคคลมีความน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริม โดยตัวอัลกอริทึม AI ของ vivo Y200 5G จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ 6 รูปแบบประกอบด้วย Natural light, Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, และ Monochrome background

สำหรับในที่แสงน้อยก็ไม่มีปัญหา เพราะ vivo Y200 5G ฟีเจอร์ Selfie Softlight Band ซึงจำลองแสงไฟแบบออร่อ โดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอแสดงผลทำหน้าที่เป็นแฟลช ซึ่งจะให้แสงที่นุ่มนวล ภาพดูมีมิติ และไม่สว่างจ้าจนเกินไป ส่งผลให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในที่ไม่มีแสงได้อย่างสวยงามเสมือนถ่ายในสตูดิโอเลยทีเดียว     

ทดสอบกล้องหลัง

vivo Y200 5G มาพร้อมกล้องหลัง 2 เลนส์ AI Dual Camera  จัดเรียงในแนวตั้ง บนโมดูลกล้องทรงเพชร โดยกล้องตัวบนจะเป็นเลนส์ Ultra Wide-Angle Camera ที่ให้มุมกว้างพิเศษ 120° บนความละเอียด 8MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.2 ถัดลงมาจะเป็นกล้องหลักความละเอียด 50MP รูรับแสงกว้าง f/1.8 และตามด้วยไฟ AURA LIGHT ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีให้ใช้งานบน Y Series 

เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่ความละเอียด 8160 x 6120 พิกเซล จะขยายหรือนำไป Crop ก็ให้คุณภาพที่สามารถต่อยอดการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น 

ตัวอย่างภาพถ่ายในระยะต่าง ๆ 

ระยะปกติ

Ultra wide angle มุมกว้างพิเศษถึง 120°

เปรียบเทียบระยะปกติกับมุมกว้างพิเศษ Ultra wide angle 

ระยะปกติ 

Ultra wide angle 

Zoom 2x

vivo Y200 5G รองรับการซูมแบบ Optical zoom 2x และ Digital zoom ได้สูงสุดที่ 10x

ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาพแสงภายในอาคาร 

Super Night Mode

โหมด Auto 

เปิดใช้งาน Super Night Mode

vivo Y200 5G ติดตั้งอัลกอริธึมการถ่ายภาพกลางคืนของกล้องด้านหลังโดยใช้วิธีการลดสัญญาณรบกวนโดเมน RAW ที่อัปเกรดแล้ว ซึ่งสามารถรวบรวมรูปหลายเฟรมเป็นรูปเดียวเพื่อให้ได้ภาพที่มีความคมชัดสูง สัมผัสถึงความทรงจำภาพถ่ายกลางคืนอันแสนยอดเยี่ยม

ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกสรรโหมด Stylish Night Filters ซึ่งออกแบบโดยช่างภาพมืออาชีพโดยเฉพาะสำหรับ vivo ถ่ายภาพกลางคืนได้แบบฉบับมืออาชีพ

ใน Super Night Mode ยังมี Style มาให้ใช้งานอีก 9 รูปแบบ ประกอบด้วย Black & gold, Cyberpunk, Dreamy spotlight, Textured black & white, Blue ice, Green orange, Dark red, Blue orange, Silver orange

ทดสอบถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลัง

สำหรับกล้องหลังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่อัดแน่นไม่แพ้กล้องหน้า ทั้ง Super HDR, Portrait Bokeh, Face Beauty, Multi-Style Portrait และยังมีระบบโฟกัสดวงตาให้ใช้งานอีกด้วย 

Portrait mode

ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ

Bokeh Flare Portrait

Default

Hearts, Stars

Butterfly, Cherry Blossom

ในโหมด Portrait บน vivo Y200 5G ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์โบเก้แบบแฟลร์ที่สวยงามด้วยอัลกอริทึมพอร์ตเทรตได้ถึง 5 รูปแบบ ซึ่งจะช่วยไฮไลต์วัตถุในภาพอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมสร้างความโดดเด่นของตัวโบเก้ที่มีกิมมิคในหลากหลายสไตล์

Face Beauty

กล้องหลัง vivo Y200 5G มาพร้อมโหมด Face Beauty ที่ให้คุณภาพดีไม่แพ้กล้องหน้า อีกทั้งยังสามารถค่าต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดและยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น 

โหมด Portrait ของกล้องหลัง มี Style มาให้ใช้งาน 9  รูปแบบ 

และมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งาน 10 รูปแบบเหนือนกับกล้องหน้า

Portrait light effect

สำหรับกล้องหลังมี Portrait light effect มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าเช่นกัน โดยประกอบไปด้วย Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, Monochrome background

AI Aura Light 

vivo Y200 5G มาพร้อมไฟออร่าที่ให้แสงที่นุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม จึงช่วยให้ใบหน้าสว่าง ละมุนเป็นธรรมชาติ

ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ ส่งผลให้การถ่าย Portrait ในที่แสงน้อยเป็นเรื่องที่ง่าย แม้จะไม่มีความรู้ทางด้านการถ่ายภาพมาก่อนก็ตาม

AI Aura Light Portrait มาพร้อมฟีเจอร์ Smart Color Temperature Adjustment ระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่ทำงานในโหมดอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแสงออร่าให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแสงในขณะนั้น

สำหรับวิธีเปิดใช้งาน Aura Light Portrait แบบกำหนดค่าเอง ให้แตะที่สัญลักษณ์รูปแฟลชที่ด้านบนมุมซ้ายของจอแสดงผล หลังจากนั้นจะมีแถบเมนูในการเปิด/ปิดใช้งาน Aura Light Portrait แสดงผลขึ้นมา ถัดลงมาด้านล่าง จะมีบาร์ที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของแสง โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ ถ้าต้องการตั้งค่าเองให้แตะที่สัญลักษณ์รูปตัว A จากนั้นจะสามารถเลื่อนแถบบาร์ไปทางขวาเพื่อปรับเป็นอุณหภูมิเย็น และปรับมาซ้ายจะเป็นการเลือกอุณหภูมิอุ่น

Far / Near Lighting

ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล ซึ่งให้ความสมจริงไม่หลอกตาเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ ไป

นอกจากปัญหา White Balance ที่ส่งผลให้สีสันดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ambient light รวมถึงการสะท้อนของแสงจากวัตถุไปยังตัวแบบ โดยรูปทางซ้ายมือสีม่วงของวัตถุจะสะท้อนลงมายังตัวแบบทำให้เกิดสีเพี้ยน

แต่จากรูปทางขวาที่ถ่ายด้วย vivo Y200 5G พร้อมเปิดใช้งาน Aura Light จะให้สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติและสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน

บทสรุป 

สำหรับ vivo Y200 5G ยังคงสืบทอด DNA ของรุ่นพี่ Y100 5G มาแบบครบถ้วนและได้มีการอัปเกรดสเปคบางส่วนเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความจุ ROM/RAM ที่เพิ่มขึ้น ความละเอียดกล้องหน้าที่สูงขึ้น และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถือว่าเป็นการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของ Y Series ก็คือการที่ให้ฟีเจอร์ AI Aura Light มาใช้งานเป็นครั้งแรกของ Y Series  อีกด้วย

นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังรองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอด 4 ปี ทั้งในระดับ Hardware และ Software จึงตอบโจทย์การใช้งานได้แบบจัดเต็มสมสโลแกน “สุดทน! ชนทุกสเปก” ไม่ว่าจะเป็นจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว รองรับ Refresh Rate 120Hz แรม 8+8GB / 12+12GB พื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาดใหญ่ 512GB สามารถเพิ่มได้สูงสุดอีก 1TB ผ่าน microSD Card

รองรับฟีเจอร์ทนน้ำทนฝุ่น IP64 มาพร้อมแบตใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จไว vivo FlashCharge 80W ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับคุณภาพเสียง Hi-Res

เมื่อมองในภาพรวมต้องบอกเลยว่า vivo Y200 5G เป็นสมาร์ตโฟนตัวเลือกลำดับต้น ๆ สำหรับคนที่มองหาสมาร์ตโฟน ดีไซน์สวย สเปคครบ ๆ รองรับการใช้งานได้รอบด้านในราคาต่ำหมื่นอย่างแท้จริง 

ราคาและช่องทางวางจำหน่าย

vivo Y200 5G  มาด้วยกัน 3 สีได้แก่ สีเงิน Titanium Silver, สีม่วง Dreamy Violet, สีดำ Dynamic Black 

✅ หน้าจอลื่นไหล 120Hz AMOLED

✅ ลำโพงสเตอริโอคู่

✅ สุขภาพแบตทนนาน 4 ปี พร้อมชาร์จไว 80W

✅ ใช้งานราบรื่นตลอด 4 ปี 

วางจำหน่ายแล้ววันนี้ เริ่มเพียง 9,999.- 🌟ใหม่! vivo Y200 5G สุดทน! ท้าชนทุกสเปก 

🌟8GB + 256GB ราคา 9,999.-

🌟12GB + 512GB ราคา 12,999.-

ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/4hjGMkH

🎁รับฟรี E-VIP รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยสามารถเปลี่ยนแบตเตอรีได้ฟรี 1 ครั้ง (มูลค่า 999 บาท) หากสุขภาพลดลงต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลา 4 ปีแรก

*เฉพาะลูกค้าที่ซื้อวันที่ 25 ต.ค. 67 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 67 เท่านั้น

เป็นเจ้าของได้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

#vivoY2005G#สุดทนท้าชนทุกสเปก#สุขภาพแบตทนนาน4ปี

#vivoY2005G #สุดทนท้าชนทุกสเปก