ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
Vivo Y20 มี User Interface หรือหน้าตาเมนูกล้อง ที่เหมือนรุ่นพี่ในซีรีส์ Y โดยมุมขวาบนของเมนูกล้องจะแสดงไอคอนรูปม่านชัตเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเมนูทางลัดเพื่อเข้าถึงโหมด Bokeh, และ Super macro
ส่วนด้านบนของเมนูจะเป็นไอคอนที่เข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ของกล้อง อาทิเช่น เปิด/ปิดการใช้งานแฟลช, โหมด HDR, Filter, อัตราส่วนของภาพ และการตั้งค่าโดยรวมของกล้อง
กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมค่ารูรับแสง f/1.8 ที่ให้ความคมชัดและขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด โดยจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถวิเคราะห์เพศและใบหน้า พร้อมปรับแต่งให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามตรงใจผู้ใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลามาปรับแต่งในภายหลัง และยังมีโหมด 3D Face Shaping ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto เมื่อดูไฟล์ภาพที่ถ่ายทอดออกมาก็คงต้องบอกว่าไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ยังคงทำผลงานได้ดีตามมาตรฐานของทางค่าย Vivo เหมือนเช่นเคย
มีฟิลเตอร์ให้ใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความน่าตื่นตาตื่นใจ และยังสามารถแชร์ไปยังโซเชี่ยลต่าง ๆ ไดทันที โดยไม่ต้องเสียเวลามาตกแต่งผ่านแอปในภายหลังอีกด้วย
เปิดใช้งานโหมด AI Face Beauty
สำหรับโหมด AI Face Beauty ตัวระบบ AI จะคำนวนความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ โดยภาพที่ถ่ายด้วยโหมด AI จะให้โทนภาพที่ดูลงตัวเป็นธรรมชาติและใช้งานง่าย เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในทุกสถานการณ์
ทั้งนี้โหมด Beauty สามารถตั้งค่าระดับความสวยงามได้แบบอัตโนมัติ และตั้งค่าแบบกำหนดเองได้ตั้งแต่ 0-100 ระดับ
Super Quadruple Beauty Mode ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง
สำหรับรูปนี้ได้ทำการปรับให้ดวงตานางแบบดูกลมโตขึ้น เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างจากภาพทางด้านบนนั่นเอง
Portrait Mode
โหมด Portrait พร้อมเปิดใช้งาน AI Face Beauty และ Bokeh effect
สำหรับโหมด Bokeh effect หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอบน Vivo Y20 สามารถทำการละลายฉากหลังได้อย่างละมุนดูมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดของเส้นขอบได้ค่อนข้างดีอีกด้วย
Portrait light effect
ฟีเจอร์ Portrait light effect จะช่วยเสริมให้การถ่ายภาพบุคคลมีความน่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม ตัวอัลกอริทึม AI ของ Y20 จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ Natural light, Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, และ Monochrome background
Natural light, Studio light, Stereo light
Loop light, Rainbow light, Monochrome background
สำหรับโหมด Portrait ก็มีฟิลเตอร์ให้ใช้งานเช่นกัน
ทดสอบกล้องหลัง
กล้องหลัง AI Triple Camera ถ่ายสวยในทุกระยะ และมีฟีเจอร์เหมือนกล้องหน้าเกือบทุกประการ
กล้องหลังโดดเด่นไม่แพ้กล้องหน้า ทั้งในเรื่องความคมชัด ความแม่นยำของไวท์ บาลานซ์ และสกินโทนที่ให้ความเป็นธรรมชาติ
เมื่อเปิดใช้ Bokeh effect การละลายฉากหลังทำได้ดีมาก โดยให้ความละมุนดูมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดของเส้นขอบได้ค่อนข้างดีอีกด้วย
โหมด Bokeh effect
โหมด Portrait พร้อมเปิดใช้ Bokeh effect และ AI Face Beauty
โหมด Portrait พร้อมเปิดใช้ Bokeh effect และปรับ 3D Face Shaping อีกเล็กน้อย ก็จะให้ภาพที่ดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น
Portrait light effect
มี Portrait light effect ให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า โดยประกอบไปด้วย Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, Monochrome background
Normal mode
Studio light
Stereo light
Loop light
Rainbow light
Monochrome background
สำหรับโหมดกล้องหลังก็มีฟิลเตอร์ให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าทุกประการ
Normal Mode
Zoom 2x
Super macro
Super macro
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง ดอกไม้ หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน
จากนี้ไปรับชมรูปจากกล้องหลังในสภาพแสงต่าง ๆ กันต่อครับ
สรุป Vivo Y20
ถือว่าเป็นครั้งแรกของซีรีส์ Y ที่เปิดตัวมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือแบบด้านข้าง Side-Mounted Fingerprint Scanner ซึ่งในการใช้งานจริงนั้นรวดเร็วน่าประทับใจมาก ๆ ในภาพรวมยังคงความโดดเด่นของซีรีส์ Y ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องการออกแบบดีไซน์ มีความสวยล้ำทันสมัย ในส่วนของสเปคที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานอย่างแน่นอน ทั้งตัวชิปเซ็ตและพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 64GB ทำให้รองรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมโดยปรับกราฟิกให้สมดุลก็สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นโดยไม่รู้สึดอึดอัดแต่อย่างใด
สำหรับคุณภาพกล้องหน้า/หลัง ของ Vivo Y20 สามารถสอบผ่านได้แบบสบาย ๆ เพราะทำผลงานได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐานของทางค่าย เมื่อรวมกับแบตสุดอึดความจุมหาศาลถึง 5,000mAh พร้อมฟีเจอร์ Reverse Charging ในราคาครึ่งหมื่น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ Vivo Y20 เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์ Y ที่มาพร้อมความครบเครื่องครบครัน ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความสวยงามและความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
Vivo Y20 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในราคา 5,299 บาท โดยมีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Nebula Blue ( สีน้ำเงิน ) , Dawn White ( สีขาว ) ท่านใดที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ ได้ที่ตัวแทน จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วประเทศ