คลังเก็บ

รีวิว Vivo Y20 น้องเล็กซีรีส์ Y สุดคุ้ม สเปคครบ จบในเครื่องเดียว!!!

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

Vivo Y20 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ในภาพรวมมีการปรับเปลี่ยน UI เล็กน้อย โดยตัวไอคอนมีความโมเดิร์นขึ้นแบบสัมผัสได้ ส่วนเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความกระชับใช้งานง่ายยิ่งขึ้น

สิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือการเข้าสู่ Notification Toggle จะเปลี่ยนมาใช้วิธีปัดจากด้านบนลงมาด้านล่างของหน้าจอเหมือนสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ

อีกทั้งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ

Funtouch OS 10 มีไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย Jovi Smart Scene และ Screen Time 

Jovi Smart Scene
Your Pocket Health Coach & Hydration Reminder & Sports Planning ตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพและการออกกำลังกาย ด้วยการแจ้งเตือน และคำแนะนำสำหรับการดื่มน้ำ โดยแนะนำตามข้อมูลอายุ และน้ำหนักของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังเป็นคู่มือในการวางแผนออกกำลังกาย โดยจะพิจารณาจากส่วนสูง และน้ำหนักของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถบันทึกการเดิน และการวิ่งของผู้ใช้งานได้อีกด้วย

Screen Time
ผู้ช่วยจัดการเรื่องเวลา ไม่ว่าจะบันทึกเวลาการใช้งานสมาร์ตโฟน หรือดูค่าเฉลี่ยในการใช้งาน ทำให้สามารถตรวจสอบ และจัดการเวลาการใช้งานได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันยังสามารถตั้งค่าหน้าจอเพื่อจำกัดเวลาการใช้งานได้อีกด้วย จึงช่วยในด้านจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น

 Jovi Event
Jovi Event ฟังก์ชันแจ้งเตือนรายการการแข่งขันกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอล สามารถเช็คผลการแข่งขันทีมที่ชื่นชอบได้ทุกเวลา ไม่พลาดทุกแมทช์ในการแข่งขัน

Dynamic Effects จะช่วยเสริมการใช้งานสมาร์ตโฟนของเราให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์สำหรับการตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ, ปลดล็อกหน้าจอ,เอฟเฟกต์จดจำใบหน้า และอื่น ๆ อีกมากมาย

ฟีเจอร์ EasyShare ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

โดย EasyShare ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ หมดปัญหาข้อมูลหายหลังจากเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่อีกต่อไป

Dark Mode ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ Dark Mode จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย

(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)

Vivo Y20 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด

สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%

โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง

โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล

รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว

สำหรับโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ

ฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีมาให้ใช้งานอย่างยาวนาน ก็คือโหมดการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน

ซึ่งบน Vivo Y20 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนของจอแสดงผล ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที

ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ถือว่าจัดเต็ม โดย Vivo Y20 มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด

ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i-Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน

Vivo Y20 มาพร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI ประหยัดพลังงาน การชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้งสามารถชมภาพยนตร์ในรูปแบบ HD ได้นาน 16 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้นานถึง 11 ชั่วโมง อีกทั้งยังมาพร้อม Reverse charging อีกด้วย

ในภาพรวม Vivo Y20 มีการจัดสรรพลังงานได้อย่างน่าประทับใจมาก โดยถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งคือการที่ให้แบตเตอรี่ความจุมาถึง 5,000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

ประสิทธิภาพ

Vivo Y20 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SM4250 Snapdragon 460 บนสถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core (4×1.8 GHz Kryo 240 & 4×1.6 GHz Kryo 240) ซึ่งแรงกระทบไหล่รุ่นพี่ Y30 ได้แบบสบาย ๆ แถมยังสามารถตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมและใช้งานทั่วไปได้อย่างเหลือเฟือ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้ว ต้องบอกเลยว่า นี่คืออีกหนึ่งรุ่นสุดคุ้มในงบครึ่งหมื่น

ส่วนในแง่ผลคะแนน Benchmarks ถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ  ที่ใช้งานจริงได้อย่างลื่นไหล ส่วนเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน สำหรับ GPS ในภาครับสัญญาณดาวเทียมนั้นมีความรวดเร็วแม่นยำในระดับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

มัลติมีเดียและความบันเทิง

Video Player บน Vivo Y20 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้ค่อนข้างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น

Music Player นอกจากจะมีหน้าตาสวยงามแล้ว ยังมาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

ยุคนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ทางค่าย Vivo ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน Vivo Y20 เป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลยครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลังเป็นต้น

ทดสอบการเล่นเกม

เริ่มกันที่ PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับดี และเฟรมเรทระดับกลาง ซึ่งอาจจะต้องรอการอัพเดตจากทางค่ายเกมในภายหลัง เพราะด้วยสเปคแล้วสามารถเล่นในระดับ HD ได้สบาย ๆ ส่วนในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความลื่นไหลที่ดี เรียกว่าเล่นได้สมูท ๆ ไม่หงุดหงิดให้หัวร้อนอย่างแน่นอน

ต่อกันด้วย ROV อีกหนึ่งเกมฮิตของบ้านเรา โดยค่าเริ่มต้น ตั้งค่าภาพ HD ในระดับมาตรฐาน การแสดงผลระดับกลาง พร้อมเลือกเฟรมเรทสูงโดยรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 59-60fps แบบต่อเนื่อง  ในภาพรวม Vivo Y20 ถือว่าแรงพอที่จะตีป้อมได้อย่างสมูทไหลลื่น 

ปิดท้ายกันด้วย เกม Call of Duty  ที่สามารถปรับตั้งค่า คุณภาพกราฟิก HIGH และ เฟรมเรท HIGH พบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ  ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Vivo Y20 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้

อ่านต่อ… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3