ด้านการถ่ายภาพ
User Interface หรือหน้าตาเมนูกล้อง มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยด้านบนได้เพิ่มโหมด AI และ Super macro ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อกล้องอยู่ในระยะมาโคร ส่วนมุมขวาบนของเมนูกล้อง จากเดิมเป็นการเข้าถึงเลนส์ในในระยะต่าง ๆ ได้เปลี่ยนเป็นโหมดฟิลเตอร์แทน
มาพร้อมโหมดการถ่ายที่หลากหลายขึ้น ทั้งการถ่ายดวงจันทร์, ถ่ายดาวเต็มท้องฟ้า, ชัตเตอร์ช้า, โหมดจับภาพเคลื่อนไหว รวมไปถึงการตั้งค่าระบบกันสั่นของตัวกิมบอล ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับเทียบไมโครกิมบอลและเปิดใช้งานได้ที่เมนูการตั้งค่า
นอกจากนี้ระบบโฟกัสบน vivo X60 Pro 5G ยังมาพร้อมความชาญฉลาด โดยสามารถโฟกัสทั้งดวงตา, ใบหน้า, ร่างกาย, ติดตามวัตถุ เรียกว่าใช้งานได้ไม่ต่างจากกล้องมือโปรเลยทีเดียว
ทดสอบกล้องหน้า
ตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องหน้า
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
โหมด Portrait พร้อมเปิดใช้งานบิวตี้
ทดสอบโหมด Portrait + Bokeh effect ซึ่งการละลายฉากหลังทำได้ดีมาก โดยให้ความละมุนดูมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดของเส้นขอบได้ค่อนข้างเนียนตาอีกด้วย
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/1.0 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ
สำหรับโหมด Portrait จะมีสไตล์ที่เลือกใช้งานได้ 9 รูปแบบ ประกอบไปด้วย Fresh / Texture / Holiday / Rococo / Gray /1980s / Kyoto cherry / Film / Tokyo Style ซึ่งให้ฟิลลิ่งคล้ายกับโปรไฟล์สี ที่มีให้ใช้งานบนกล้องระดับมืออาชีพของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง
และในโหมด Beauty จะมี Make Up แบบสำเร็จรูปมาให้ใช้งาน 9 รูปแบบ โดยสามารถตั้งค่าเพิ่มเติม เช่นเปลี่ยนสีลิปสติก, คิ้ว, แกมหรือดวงตาได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย
Portrait light effect
ฟีเจอร์ Portrait light effect จะช่วยเสริมให้การถ่ายภาพบุคคลมีความน่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม ตัวอัลกอริทึม AI ของ vivo X60 Pro 5G จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ 5 รูปแบบประกอบด้วย Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, และ Monochrome background
Default, Studio light, Stereo light
Loop light, Rainbow light, Monochrome background
และยังมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งานอย่างจุใจถึง 19 รูปแบบ
โหมด Super HDR สามารถถ่ายภาพย้อนแสงได้อย่างยอดเยี่ยม ปรับสมดุลสีสันของภาพอย่างแม่นยำ และเป็นธรรมชาติ
โดย Super HDR จะช่วยปรับสีสันแบบอัตโนมัติในส่วนของภาพที่สว่างจ้า และปรับรายละเอียดให้คมชัดในส่วนเงามืด เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบทุกรายละเอียด
ประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือ เมื่อเราถ่ายเซลฟี่ในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างมาก ๆ หรือเมื่อย้อนแสง รวมถึงในที่แสงน้อย ถ้าเปิด HDR จะช่วยในเรื่องการเกลี่ยสภาพแสงโดยรวมและดึงดีเทลของภาพให้กลับมามีความสมดุล
AR Stickers การใส่อีโมจิหรือสติ๊กเกอร์ 3D น่ารัก ๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งลงไปในรูปถ่ายของเรา โดยรองรับการทำงานทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถบันทึกเป็นไฟล์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้โหมด AR Selfie สามารถที่จะดีเทคตรวจจับภาพใบหน้าได้มากกว่า 1 ใบหน้าพร้อมกัน ทำให้เมื่อเราถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน ๆ ตัวกล้องก็จะใส่ AR Stickers ให้เพื่อนที่อยู่ในเฟรมของเราด้วย
Super Night Selfie
โหมดปกติ
โหมด Super Night Selfie จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางได้อย่างคมชัด โดย AI Night Selfie และ Face Beauty สามารถวิเคราะห์วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้ภาพมีความสว่าง คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี และมีสัญญาณรบกวนหรือ Noise ที่น้อยมาก ๆ
ทดสอบโหมด Portrait ในที่แสงน้อย
Portrait Flash On
โหมด Super Night Selfie
พร้อมเปิดใช้งาน Selfie Softlight Band ซึ่งจะให้แสงที่นุ่มนวล ภาพดูมีมิติ และไม่สว่างจ้าจนเกินไป โดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอแสดงผลทำหน้าที่เป็นแฟลช เพื่อช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในที่ไม่มีแสงได้อย่างสวยงามเสมือนถ่ายในสตูดิโอเลยทีเดียว