คลังเก็บ

รีวิว vivo V40 5G ดีไซน์สุดล้ำ มาพร้อมกล้อง ZEISS ทุกเลนส์ แบตใหญ่ 5500mAh ลำโพงคู่สเตอริโอ ทนน้ำทนฝุ่น IP68 !!!

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G สมาร์ตโฟน Series V รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตขึ้นไปสู่ระดับโปรและเหนือกว่าทุกคู่แข่งในตลาด โดยมาพร้อมสโลแกน “พอร์ตเทรตเปิดเกิดทุกคน” นอกจากนี้ vivo V40 5G ยังสืบทอดการถ่าย Portrait แบบขั้นเทพด้วยความร่วมมือระหว่าง vivo กับ ZEISS เป็นรุ่นที่สองต่อจากรุ่นพี่ vivo V30 Pro 5G  โดยมีการอัปเกรดตัวเซนเซอร์แบบเดียวกับที่ใช้ใน X Series อีกด้วย

ในภาพรวม vivo V40 5G ยังคงมาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม บางเบา จับได้ถนัดมือ โดดเด่นด้วยสีใหม่ ให้ความรู้สึกที่หรูหราและไม่เหมือนใคร ด้วยเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัย ในด้านสเปคก็ถือว่าจัดเต็มน้อง ๆ เรือธง ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 7 Gen 3 บนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร ผสานด้วย Extended RAM ในแบบ 12GB+12GB และยังให้ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่องขนาดใหญ่ถึง 512GB รวมถึงสามารถใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุสูง 5500mAh พร้อมรองรับชาร์จไว FlashCharge 80W 

สเปคเบื้องต้น vivo V40 5G

ขนาด
164.16 × 74.93 × 7.58 มม.
น้ำหนัก190 กรัม 
หน้าจอแสดงผล หน้าจอ  AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว (2800 × 1260), รองรับ Refresh Rate 120Hz ความสว่างสูงสุด 4500nits  
หน่วยประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3
RAM12GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง256GB / 512GB
ทนน้ำทนฝุ่นIP68
ระบบปฏิบัติการFuntouch 14 บนพื้นฐานของ Android 14
เชื่อมต่อWi-Fi 6, WLAN 2.4 GHz/5 GHz บลูทูธ 5.4 support A2DP, LE, OTG, GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
กล้องถ่ายภาพกล้องหลัง: 2 เลนส์ AI Dual Camera  
– กล้องหลักเลนส์ ZEISS ความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ GNJ ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56″ รูรับแสง f/1.88 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization)
– เลนส์ ZEISS Ultra Wide มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 ใช้เซนเซอร์ JN1 แฟลช กล้องหลังแสงออร่า Aura Light  ——————————————————-

กล้องหน้าเลนส์ ZEISS มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 50MP
——————————————————-
รองรับระบบรองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby 2G GSM : 850/900/1800/1900MHz

3G WCDMA : B1/B2/B4/B5/B8 4G FDD-LTE : B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B12/B17/B18/B19/B20/B26/B28/B66 4G TDD-LTE : B38/B39/B40/B41 5G : n1/n2/n3/n5/n7/n8/n20/n26/n28/n66/n38/n40/n41/n77/n78
แบตเตอรี่5500mAh (BlueVolt) รองรับชาร์จไว vivo FlashCharge 80W
สีสีที่วางจำหน่ายในไทย Stellar Silver, Sunglow Peach, Nebula Purple
ราคา 12GB + 256GB 15,999 บาท
12GB + 512GB 17,999 บาท

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่อง Packaging ของ vivo V40 5G เลือกใช้โทนสีดำเทาในสไตล์ของรุ่นพี่ vivo V30 Series 5G พร้อมขับเน้นจุดขายด้วยรูปวงแหวน Aura Light Portrait ขนาดใหญ่ล้อมรอบชื่อรุ่นและโลโก้ ZEISS ที่มีข้อความกำกับในการร่วมมือระหว่าง vivo กับ ZEISS แบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลกในการพัฒนาทางวิศวกรรม (Co-Engineer) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพสู่มือผู้บริโภคทั่วโลก 

ด้านข้างกล่องจะมีการระบุชื่อรุ่น และความจุของ ROM/RAM ส่วนด้านหลังกล่องจะพิมพ์บอกรายละเอียดทั้งในส่วนของชื่อรุ่น สี หมายเลขอีมี่และรายละเอียดของผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย 

ฟิล์มกันรอยจะมีการติดมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีดังนี้

  • อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5.0V : 3.0A 15.0W, 9.0V : 2.0A 18.0W, 11.0V : 7.3A Max (80.0W Max) รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo FlashCharge 80W
  • สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C 
  • Soft Case TPU แบบใส (เฉพาะสี Sunglow Peach)
  • อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
  • ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ

สำหรับสี Nebula Purple ตัวเคสจะเป็น TPU ที่ให้โทนสีเดียวกันกับตัวเครื่อง 

ส่วนสี Stellar Silver ตัวเคสจะเป็น TPU สีดำด้าน

รูปลักษณ์ดีไซน์การออกแบบ  

หน้าจอโค้ง 3D Curved Screen ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ขนาดใหญ่เต็มตาบนพาเนล AMOLED ที่ให้สีสัน สดใส คมชัดสมจริง รองรับอัตรารีเฟรช 120Hz อีกทั้งยังมีจุดเด่นด้วย Flexible Screen COP ที่มีขอบดำที่เล็กและมีความบางกว่าสมาร์ตโฟนจอโค้งทั่ว ๆ ไป

• ตัวเครื่องบาง 7.58 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา จับถือถนัดมือ
• กล้องหลังมาพร้อมดีไซน์ใหม่ Gemini Ring ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน

vivo V40 5G มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว เพรียวบาง ด้วยการออกแบบขึ้นรูปชิ้นเดียว โดยตัวบอดี้มีความบางเพียง 7.58 มม. และน้ำหนักเพียง 190 กรัม มาพร้อมหน้าจอโค้งดีไซน์สวยงามให้สัมผัสที่บางและเบา ในภาพรวม vivo V40 5G มีความหรูหราด้วยดีไซน์โค้งมน บนโครงสร้างที่บางเบาสวยงามแบบมีระดับ ผสานด้วยวัสดุพรีเมียมและขอบเฟรมแบบชิ้นเดียว พร้อมตกแต่งด้านบนของตัวเครื่องด้วยสไตล์ Choker ที่มอบความรู้สึกหรูหราพรีเมียมให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่แรกสัมผัส

นอกจากจะมาพร้อมดีไซน์ โฉบเฉี่ยวเพรียวบางแล้ว vivo V40 5G ยังรองรับฟีเจอร์ทนน้ำทนฝุ่นในมาตรฐาน IP68 โดยสามารถแช่อยู่ในน้ำสะอาดที่ระดับความลึก 1.5 เมตร ได้เป็นเวลานานถึง 30 นาที ช่วยให้สมาร์ตโฟนของคุณปลอดภัยไร้กังวลจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน

vivo V40 5G มาด้วยกัน 3 สี ประกอบไปด้วย สี Stellar Silver, Sunglow Peach, Nebula Purple

สี Sunglow Peach

สี Sunglow Peach (พีชซันโกลว์) เป็นสีใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในยามเช้า ให้ความรู้สึกถึงพลังและผสานด้วยความสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ วัน 

การจัดวางเลย์เอาท์ในภาพรวม

ด้านบนออกแบบในสไตล์ Choker หรือสร้อยคอ โดยมีการเว้าเป็นร่องเพื่อเพิ่มมิติให้ตัวเครื่องพร้อมสลักตัวอักษรเรืองแสง PROFESSIONAL PORTRAIT ซึ่งสื่อถึงความเป็นสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นในด้านการถ่ายภาพบุคคล และถัดไปจะเป็นไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่ในการบันทึกเสียงอีกด้วย 

ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องถาดซิมการ์ด, ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง

ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ส่วนฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ 

ตัวถาดซิมของ vivo V40 5G เป็นแบบ Dual Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม แต่จะไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก

สี Nebula Purple

สี Nebula Purple (สีม่วงเนบิวลา)  เป็นอีกหนึ่งสีที่มีความโดดเด่น และน่าจะถูกใจผู้ใช้งานที่มองหาสีในโทนพาสเทล โดยตัวสี Nebula Purple เปรียบได้กับสีของท้องฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว พร้อมมอบความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา น่าหลงใหลเหนือกาลเวลา

สี Stellar Silver

สำหรับสี Stellar Silver (สีเงินสเตลลาร์) จะเป็นการผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ พร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ทุกเพศวัยอย่างแท้จริง 

จอแสดงผล Curved แบบโค้ง 3D ขนาด 6.78 นิ้วขนาดใหญ่เต็มตา บนพาเนล AMOLED ที่ให้สีสัน สดใส คมชัดสมจริง นอกจากนี้ vivo V40 5G ยังออกแบบให้รูกล้องมีขนาดเล็ก จึงให้พื้นที่หน้าจอแสดงผลที่กว้างมากขึ้น 

มอบประสบการณ์รับชมที่ยอดเยี่ยมกว่าที่เคยด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz  และยังมาพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่น ทั้ง HDR10+, DCI-P3 ให้ขอบเขตสีกว้างเป็นพิเศษ, และมีความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 452PPI ความสว่างสูงสุด 4500nits และการปกป้องดวงตาเป็นพิเศษด้วยวัสดุเปล่งแสง A22 (Q9) ผ่านการการรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก SGS

มาพร้อมฟีเจอร์การปรับความสว่างไบโอเมตริกซ์ ที่สามารถปรับความสว่างแบบไดนามิกเพื่อการใช้งานที่สบายตา จึงช่วยป้องกันอาการดวงตาล้า เป็นมิตรกับดวงตายามค่ำคืน ช่วยให้ดวงตาผ่อนคลายเมื่อใช้หน้าจออย่างต่อเนื่อง

ลำโพงสนทนามีขนาดเล็กและจัดวางอยู่ในขอบของตัวเครื่อง ซึ่ง vivo V40 5G มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอที่ใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนานั่นเอง 

สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่จะมีความโดดเด่นด้วยเลนส์ ZEISS มุมกว้างพิเศษ 50MP ซึ่งออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้อยู่ตรงกลางของจอแสดงผล และจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม

ด้วยความละเอียดของกล้องหน้าที่สูงถึง 50MP พร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด กรุ๊ปเซลฟี่, Night Portrait, High Resolution และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์

ยกระดับการถ่าย Portrait แบบขั้นเทพด้วยความร่วมมือระหว่าง vivo กับ ZEISS ตามรอยรุ่นพี่ vivo V30 Series 5G

vivo V40 5G มาพร้อมโมดูลกล้องหลังดีไซน์ใหม่เรียกว่า Gemini Ring ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสมมาตรอันงดงาม และมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าต้องบอกเลยว่า การออกแบบโมดูลกล้องหลังของ vivo V40 5G ดูลงตัวและสวยงามยิ่งขึ้นแบบสัมผัสได้จริง

กล้องหลังของ vivo V40 5G จะประกอบด้วย กล้องหลักเลนส์ ZEISS ความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ GNJ ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56″ รูรับแสง f/1.88 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) สำหรับกล้องตัวที่สองยังคงใช้เลนส์ ZEISS โดยเป็นกล้องที่ให้มุมกว้าง Ultra Wide (119 องศา) ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 ใช้เซนเซอร์ JN1

ออร่าพอร์ตเทรตอัปเกรด AI ใหม่ ใช้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้อย่างงดงาม ให้แสงออร่านุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม พร้อมโทนแสงที่เข้ากันได้ดีกับทั้งตัวแบบและบรรยากาศ สู่อีกระดับของการถ่ายภาพพอร์ตเทรต

สำหรับจุดเด่นของ Aura Light Portrait ยังคงจัดเต็มเหมือนเช่นเคย และพร้อมยกระดับการถ่ายภาพ Portrait ที่เหนือกว่าทุกคู่แข่งในท้องตลาด ซึ่งประกอบไปด้วยฟีเจอร์หลัก

• AI Powered Photography
ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ

• Smart Color Temperature Adjustment
ปรับโทนแสงออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็น ช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตดูสว่างและคมชัดอย่างธรรมชาติ

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น vivo V40 5G

ประสิทธิภาพ

vivo V40 5G  ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 บนสถาปัตยกรรม 4nm มาพร้อมการปรับปรุงประสิทธิภาพครั้งใหญ่ ทั้งในส่วนของ AI Engine มอบสัมผัสประสบการณ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่ให้ความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยมีประสิทธิภาพ CPU ที่แรงขึ้นกว่าเดิม 15% ส่วน GPU แรงกว่าเดิม 50% เมื่อนำประสิทธิภาพมาเทียบกับในรุ่นก่อนหน้าอย่าง Snapdragon 7 Gen 1

12GB+12GB Extended RAM

vivo V40 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Extended RAM ในแบบ 12GB+12GB  ส่งผลให้สามารถใช้งาน RAM สูงสุดถึง 24GB รองรับการใช้งานแอปในพื้นหลังได้สูงสุด 48 แอป สลับไปมาระหว่างแอปได้อย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้งานแอปหรือเกมที่เน้นกราฟิกบนพื้นที่หน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลื่นไหลไม่มีสะดุดตลอดทั้งวัน

Personal Cinema Screen

หน้าจอแสดงผลของ vivo V40 5G เลือกใช้วัสดุรุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล AMOLED โดยมีหน้าจอขนาด 6.78 นิ้วที่ใหญ่เต็มตาบนความละเอียด 2800 × 1260 พิกเซล มีความหนาแน่นของพิกเซลที่ 452 PPI ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วน 4500nits ความอิ่มตัวของสี 105% NTSC

รองรับขอบเขตสี 100% DCI-P3, HDR10+ พร้อมกับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ให้สีสันที่สวยงามสมจริง ชนิดที่ไม่ลดทอนคุณภาพหรือความคมชัดของสีที่ขอบหน้าจอ จึงพร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น

และยังสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการปรับสีหน้าจอ อุณหภูมิสี การปรับเอฟเฟ็กต์การแสดงผลที่สดใสยิ่งขึ้น รวมถึงมีทั้งธีมมืดและโปรแกรมรักษาหน้าจอ พร้อมความปลอดภัยด้วยโหมดป้องกันดวงตา ด้วยหน้าจอลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาของผู้ใช้งาน

ด้านความปลอดภัย

ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบถ้วน โดย vivo V40 5G  รองรับฟีเจอร์ความปลอดภัยในระดับ Hardware ด้วย Biometric อันล้ำสมัยจาก “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล  และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซนเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น 

สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน vivo V40 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 7 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ส่วนระบบ Face Unlock บน vivo V40 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

vivo V40 5G ให้ความจุแบตเตอรี่มาที่ 5500mAh ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี BlueVolt ที่ช่วยให้ขนาดของแบตเตอรี่ลดลงแต่ได้ความจุที่เพิ่มขึ้น 

ในด้านฟีเจอร์และความปลอดภัยในการชาร์จก็ให้มาแบบอัดแน่นด้วย Super Charge Pump ที่แปลงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นโทรศัพท์จึงชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่ต่ำ พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยแบบ 24 มิติ ด้วยการชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นจากทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น ตัวโทรศัพท์ แบตเตอรี่ ชิปชาร์จ พอร์ต สายเคเบิล และกำลังไฟฟ้าเข้าจากแรงดันไฟ อุณหภูมิ และการป้องกันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเมทริกซ์การป้องกันการชาร์จที่ครอบคลุมที่สร้างความอุ่นใจในการใช้งานได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ vivo V40 5G ยังมีเทคโนโลยี Smart Charging Engine ซึ่งช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น โดยคำนึงถึงแบตเตอรี่และสถานการณ์ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าหน้าจอจะปิดอยู่หรือขณะเสียบปลั๊ก ก็จะปรับการชาร์จแบตให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ และช่วยลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่รวมถึงความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างชาร์จ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยิ่งขึ้นอีกด้วย

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

vivo V40 5G มาพร้อม Funtouch OS 14 รุ่นใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตใหม่ที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยที่ไม่ต้องกดเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไป ๆ รวมถึงด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Mini Window ใหม่สำหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถสลับระหว่าง โหมดหน้าต่างเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

ฟีเจอร์ Smart Mirroring ใหม่ของ vivo V40 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าจอได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าแถบการแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ตั้งใจ

iManager

ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัจฉริยะ iManager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน สามารถตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ตโฟนของคุณทั้งสแกนไวรัส และระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมาพร้อมความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ, ระบายความร้อน, สำรองข้อมูล, และจัดการด้านพลังงานเป็นต้น

Multi-Turbo 

vivo V40 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน ได้อีกทางหนึ่งด้วย 

Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด  ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ยังสามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ

รวมถึงยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น 4D Game Vibration ระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS , เอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture,  Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น 

ทดสอบการเล่นเกม

vivo V40 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ โดยมี Game Boost Mode ที่ออกแบบมาเพื่อปลดปล่อยพลังของโปรเซสเซอร์ Octa-core (1×2.63 GHz Cortex-A715 & 3×2.4 GHz Cortex-A715 & 4×1.8 GHz Cortex-A510) ผสานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 720 จึงพร้อมมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด

vivo V40 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, ROV, Asphalt 9  ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่เมื่อลอง Genshin Impact ในช่วงตะลุมบอนหมู่  ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหนืด ๆ บ้างเล็กน้อย  แต่ในภาพรวมเล่นได้ทุกเกมแบบตั้งค่าสูงสุด  และเมื่อผสานด้วย Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Game Boost Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถสนุกไปกับการเล่นเกมที่เร็วขึ้นและความบันเทิงที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม

ด้านการถ่ายภาพ

ไม่พลาดทุกความประทับใจด้วยกล้องหน้าเลนส์ ZEISS มุมกว้างพิเศษ ที่ให้ความละเอียดมาถึง 50MP พร้อมฟีเจอร์ที่ให้มาแบบอัดแน่น  ทั้งระบบออโต้โฟกัส (AF) ที่ล็อกโฟกัสใบหน้าได้อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะถ่ายระยะใกล้หรือไกลแค่ไหน ก็สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัด ไม่หลุดโฟกัส ให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติ และแม้จะเป็นการเซลฟี่แบบกลุ่มก็สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวตนและธรรมชาติของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

Portrait mode

ในโหมด Portrait ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ รวมถึงสามารถเข้าไปตั้งค่ารูรับแสงในภายหลังผ่านตัวแอป “อัลบั้ม”

50MP Group Portrait

Portrait mode แบบมุมกว้าง 0.8x

มาพร้อมกล้องหน้าที่สามารถถ่ายเซลฟี่ได้แบบมุมกว้าง 92 องศา เก็บทุกรอยยิ้มที่พิเศษในทุกการเดินทางร่วมกันเพื่อน ๆ ด้วยเซลฟี่แบบเป็นกลุ่ม มอบความความประทับใจในการถ่ายเซลฟี่โดยไม่ตกหล่นเพื่อนร่วมเฟรมอีกต่อไป 

Portrait mode ระยะปกติ 1x

และ vivo V40 5G ยังมาพร้อมโหมดเซลฟี่ Zoom 2X เพื่อเน้นรายละเอียดดีเทลของใบหน้า สามารถนำไปใช้งานในรูปแบบของภาพโปรไฟล์ หรือจะนำไปใช้งานในลักษณะภาพโปสเตอร์ก็ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน

Bokeh flare

กล้องหน้านอกจากจะตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตามความต้องการแล้ว ยังมาพร้อม Bokeh effect ที่จำลองโบเก้ในสไตล์เลนส์กล้องของทาง ZEISS โดยมีรูปแบบโบเก้มาให้ใช้งานถึง 6 รูปแบบ

Nature

Biotar, Sonnar

Planar, Distagon

Cinematic 

การถ่าย Portrait พร้อมเปิดใช้งาน Bokeh effect จะให้ฟิลลิ่งของภาพที่คล้ายคลึงกับกล้องหลัง ถือว่าเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวของ vivo V40 5G

AI Face Beauty

Classic & Nature 

สำหรับโหมด AI Face Beauty ใน Portrait Mode จะมี 2 โหมดสำเร็จรูปหลัก ได้แก่โหมดธรรมชาติและคลาสสิก โดยโหมดธรรมชาติจะให้สกินโทนที่เน้นความสมจริงดูเป็นธรรมชาติ ส่วนโหมดคลาสสิกตัวระบบ AI จะคำนวณความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ ซึ่งทั้งสองโหมดสามารถตอบโจทย์สำหรับสีผิวและความชื่นชอบที่แตกต่างกันไปของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง

และในโหมด Beauty จะมี Make Up แบบสำเร็จรูปมาให้ใช้งาน 9 รูปแบบ โดยสามารถตั้งค่าเพิ่มเติม เช่นเปลี่ยนสีลิปสติก, คิ้ว, แก้มหรือดวงตาได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย 

Multi-Style Portrait

สำหรับโหมด Multi-Style Portrait จะมีสไตล์ที่ให้เลือกใช้งานได้ถึง 14 รูปแบบ ซึ่งให้ฟิลลิ่งคล้ายกับโปรไฟล์สี ที่มีให้ใช้งานบนกล้องระดับมืออาชีพของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง

Selfie Softlight Band

โหมด Portrait ในสภาพแสงน้อยและยังไม่เปิดใช้แฟลช

เปิดใช้งาน Selfie Softlight Band

สำหรับฟีเจอร์ Selfie Softlight Band จะให้แสงที่นุ่มนวล ภาพดูมีมิติ และไม่สว่างจ้าจนเกินไป โดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอแสดงผลทำหน้าที่เป็นแฟลช  อีกทั้งยังสามารถปรับแสงออร่าในอุณหภูมิได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนกล้องหลัง จึงช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในที่ไม่มีแสงได้อย่างสวยงามเสมือนถ่ายในสตูดิโอเลยทีเดียว

Super Night Selfie

โหมด Super Night Selfie จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืนได้อย่างคมชัด โดย AI Night Selfie และ Face Beauty สามารถวิเคราะห์วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้ภาพมีความสว่าง คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี และมีสัญญาณรบกวนหรือ Noise ที่น้อยมาก

Super Night Selfie +  Selfie Softlight Band

และเมื่อเปิดใช้งาน Selfie Softlight Band ร่วมกับ Super Night Selfie ก็จะขับเน้นตัวแบบให้ดูเด่นยิ่งขึ้น 

ทดสอบกล้องหลัง

กล้องหลังของ vivo V40 5G จะประกอบด้วย กล้องหลักเลนส์ ZEISS ความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ GNJ ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56″ รูรับแสง f/1.88 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) สำหรับกล้องตัวที่สองยังคงใช้เลนส์ ZEISS โดยเป็นกล้องที่ให้มุมกว้าง Ultra Wide (119 องศา) ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 ใช้เซนเซอร์ JN1

เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 50MP ให้ภาพที่ความละเอียด  8192 x 7024 พิกเซล จะขยายหรือนำไป Crop ก็ให้คุณภาพที่สามารถต่อยอดการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น 

และโหมดความละเอียดสูง 50MP ยังรองรับการถ่ายภาพในแบบ Ultra wide angle มุมกว้างพิเศษอีกด้วย 

เลนส์ ZEISS สีสันสมจริง รองรับการถ่ายได้หลากหลายระยะ 

ระยะปกติ

Ultra wide angle มุมกว้างพิเศษ

ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษ ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล  รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป

Zoom 2x

vivo V40 5G รองรับการซูมแบบ Optical zoom 2x และ Digital zoom ได้สูงสุดที่ 20x

Color Tone

ระบบสีของ vivo จะให้สีสันที่สดใส เหมาะกับการถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งให้ภาพที่มีชีวิตชีวาและสดใส ค้นพบโลกแห่งสีสัน และเก็บรักษาภาพความทรงจำให้สดใหม่อยู่เสมอ

สีธรรมชาติของ ZEISS

จากการร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง vivo และ ZEISS ทำให้สามารถดึงเอาสีสันที่เป็นธรรมชาติออกมาได้เป็นค่าสีที่อยู่ในระดับบนของอุตสาหกรรมในมาตรฐาน DE การปรับโทนสีระดับโปรนี้จะสร้างสิ่งที่ตรงกับตามองเห็นมากยิ่งขึ้น

vivo V40 5G สามารถปรับ color tone หรือสีของโทนภาพได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid, Textured, ZEISS Natural ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกโทนสีได้ตรงกับความต้องการ เช่นการถ่ายอาหาร ถ่ายวิวทิวทัศน์ หรือถ่ายภาพบุคคลเป็นต้น 

Super macro

Super macro บน vivo V40 5G สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง ดอกไม้ หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน

Food mode

vivo V40 5G มาพร้อม Food mode โดยใช้แสงออร่าเข้ามาเป็นตัวช่วยในการถ่ายภาพอาหารให้ดูโดดเด่น ซึ่งจะให้สีที่ดูสดใส มีชีวิตชีวาและน่ากินยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับการซูมที่ 2x สามารถละลายฉากหลัง พร้อมขับเน้นรายละเอียดที่น่าสนใจของอาหารให้โดดเด่นขึ้นมาได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส 

อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของไวท์ บาลานซ์ โดยเมื่อเทียบกับรูปจากโหมดปกติ ตัวอาหารจะติดโทนสีส้มจากหลอดไฟภายในร้าน แต่เมื่อเปิดใช้งาน Food mode แสงออร่าจะช่วยให้อาหารมีสีสันที่สมจริงยิ่งขึ้น

Super Night Mode

Auto Mode

เปิดใช้งาน Super Night Mode

vivo V40 5G ติดตั้งอัลกอริธึมการถ่ายภาพกลางคืนของกล้องด้านหลังโดยใช้วิธีการลดสัญญาณรบกวนโดเมน RAW ที่อัปเกรดแล้ว ซึ่งสามารถรวบรวมรูปหลายเฟรมเป็นรูปเดียวเพื่อให้ได้ภาพที่มีความคมชัดสูง สัมผัสถึงความทรงจำภาพถ่ายกลางคืนอันแสนยอดเยี่ยม

ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกสรรโหมด Stylish Night Filters ซึ่งออกแบบโดยช่างภาพมืออาชีพโดยเฉพาะสำหรับ vivo ถ่ายภาพกลางคืนได้แบบฉบับมืออาชีพ และ Super Night Mode บน vivo V40 5G ยังรองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง Ultra wide angle และ zoom ได้ที่ 2x

Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)

zoom 2x

ใน Super Night Mode ยังมี Style มาให้ใช้งานอีก 9 รูปแบบ ประกอบด้วย Black & gold, Cyberpunk, Dreamy spotlight, Textured black & white, Blue ice, Green orange, Dark red, Blue orange, Silver orange

ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาพแสงต่าง ๆ 

พอร์ตเทรตสไตล์ ZEISS รังสรรค์ความสดใสให้กับทุกโมเม้นต์อันน่าประทับใจ สมสโลแกน “พอร์ตเทรตเปิดเกิดทุกคน” !!!

vivo V40 5G มาพร้อมกล้องเลนส์ ZEISS ระดับโปร และพอร์ตเทรตสไตล์ ZEISS ซึ่งเป็นความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับ Hardware และ Software ส่งผลให้การถ่ายพอร์ตเทรตได้ดียิ่งขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งสีสันที่สดใสยิ่งขึ้น และลูกเล่น “โบเก้ เอฟเฟกต์” อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่มีเฉพาะบนเลนส์ของทางค่าย ZEISS นั่นเอง

ZEISS Multifocal Portrait

ZEISS Multifocal Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคล รวมทุกระยะโฟกัส ส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพสู่มือผู้ใช้งานในรูปแบบที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบเพียงปลายนิ้วสัมผัส 

24mm สำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยว หรือเชิงสร้างสรรค์

35mm สำหรับถ่ายภาพบุคคลและภาพบรรยากาศ

50mm (natural portraits) สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว

50mm (classic portrait) สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว

โหมด ZEISS Multifocal Portrait ของ vivo V40 5G จะมี Full focal lengt portrait lens package ที่ช่วยยกระดับการถ่าย Portrait ให้ง่ายขึ้น มีหลักการทำงานเสมือนการเปลี่ยนเลนส์บนกล้องบน Full Frame ซึ่งมีระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัสที่ครอบคลุมครบทุกระยะให้เลือกใช้งาน ตั้งแต่ 24mm ,35mm ,50mm ,(85mm และ 100mm มีให้ใช้งานในรุ่น V40 Pro 5G) โดยสามารถดูรายละเอียดของการถ่ายในระยะโฟกัสที่เลือก รวมถึงสไตล์โบเก้ที่ถูกจับคู่ใช้งานให้แบบอัตโนมัติ 

กล้องพอร์ตเทรตระดับโปร 50MP พัฒนามาเพื่อการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอย่างโปร ด้วยทางยาวโฟกัส 50 mm ซึ่งเป็นระยะเลนส์ที่ตรงกับตามนุษย์ ดังนั้นจึงให้ภาพพอร์ตเทรตที่เป็นธรรมชาติ สมจริง และดูโปรมากยิ่งขึ้นแม้ถ่ายจากระยะไกลด้วยการซูม 2 เท่า ก็ให้ภาพพอร์ตเทรตที่สดใสน่าทึ่งราวกับถ่ายในระยะใกล้

Bokeh Style Portrait

โบเก้สไตล์ Nature

โบเก้สไตล์ Biotar ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Biotar 1.5/75 ให้โบเก้หมุนวนที่นำมาจากเอฟเฟกต์พิเศษของเลนส์กล้อง มอบประสบการณ์ภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยมตามสไตล์ ZEISS

โบเก้สไตล์ B-speed เพิ่มเอฟเฟกต์โบเก้รูปทรงสามเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS classic high-speed cine ในยุค 1970 ตอนกลาง

โบเก้สไตล์ ZEISS Sonnar

เป็นโบเก้ที่ได้แรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Sonnar 2.8/180 มีจุดเด่นที่การเบลอละลายหลัง ทำให้พื้นหลังดูมีบรรยากาศโรแมนติก เหมาะสำหรับการถ่ายสตรีทพอร์ตเทรต

โบเก้สไตล์ ZEISS Planar โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Planar 2.8/80 ให้ภาพสไตล์คลาสสิกที่เก็บรายละเอียดวัตถุ ขณะที่พื้นหลังก็ให้ความคมชัดของโบเก้

โบเก้สไตล์ ZEISS Distagon ได้แรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS Distagon 2.0/28 มอบโบเก้หกเหลี่ยมในพื้นหลัง เผยให้เห็นถึงความงดงามอันน่าประทับใจ ทำออกมาสำหรับการแสดงภาพเชิงศิลปะ

พอร์ตเทรตสไตล์ ZEISS Cine-flare ขณะถ่ายภาพท่ามกลางแสงจ้า จะทำให้เกิดแสงแฟลร์เหมือนในภาพยนตร์ ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพพอร์ตเทรตที่คมชัดและเป็นธรรมชาติ

โบเก้สไตล์ ZEISS Cinematic ถ่ายภาพพอร์ตเทรตในสไตล์ภาพยนตร์ด้วยอัตราส่วนภาพ 2.39:1 จะสร้างแสงแฟลร์วงรีและเอฟเฟกต์เส้นแสงสีน้ำเงิน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ไฟถนนในเวลากลางคืน

ทดสอบโบเก้สไตล์ในยามค่ำคืน

Portrait Style & Face Beauty

สำหรับ Face Beauty ของกล้องหลังมี Natural Portrait มาให้ใช้งานเช่นกัน และปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนกล้องหน้า

Portrait Style

และมี Portrait Style มาให้ใช้งาน 10 รูปแบบ

นอกจากจะถ่าย Portrait ได้อย่างโดดเด่นขั้นเทพแล้ว vivo V40 5G ยังมาพร้อมความสามารถในการรีทัช ลบส่วนเกินหรือสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากรูปถ่ายได้ง่าย ๆ ผ่านระบบ AI อันชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล หรือสัตว์เลี้ยงก็สามารถลบออกได้ตามความต้องการ

สำหรับการใช้งาน ให้เปิดแอป “อัลบั้ม” จากนั้นเลือกรูปภาพที่ต้องการรีทัช / แก้ไข / การลบด้วย AI  

Aura Light Portrait

Aura Light Portrait มาพร้อมฟีเจอร์ Smart Color Temperature Adjustment ระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่ทำงานในโหมดอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแสงออร่าให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแสงในขณะนั้น

สำหรับวิธีเปิดใช้งาน Aura Light Portrait แบบกำหนดค่าเอง ให้แตะที่สัญลักษณ์รูปแฟลชที่ด้านบนมุมซ้ายของจอแสดงผล หลังจากนั้นจะมีแถบเมนูในการเปิด/ปิดใช้งาน Aura Light Portrait แสดงผลขึ้นมา ถัดลงมาด้านล่าง จะมีบาร์ที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของแสง โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ ถ้าต้องการตั้งค่าเองให้แตะที่สัญลักษณ์รูปตัว A จากนั้นจะสามารถเลื่อนแถบบาร์ไปทางขวาเพื่อปรับเป็นอุณหภูมิเย็น และปรับมาซ้ายจะเป็นการเลือกอุณหภูมิอุ่น

vivo V40 5G มาพร้อมไฟออร่าที่ให้แสงที่นุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม จึงช่วยให้ใบหน้าสว่าง ละมุนเป็นธรรมชาติ

ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ ส่งผลให้การถ่าย Portrait ในที่แสงน้อยเป็นเรื่องที่ง่าย แม้จะไม่มีความรู้ทางด้านการถ่ายภาพมาก่อนก็ตาม

ในสภาพแสงที่มีความหลากหลาย ตัว AI ก็จะคำนวนให้อย่างชาญฉลาด โดยบางครั้งจะเลือกอุณหภูมิแบบ Natural ที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทนเย็นและโทนอุ่น ซึ่งบางครั้งจะเป็นไฟสีขาวที่ไม่สว่างจนเกินไป หรือบางครั้งก็จะเป็นไฟสีส้มอ่อน ๆ แต่ถ้าเป็นบรรยากาศในสภาพแสงที่มีโทนอุ่นมาก ๆ ไฟ Aura Light Portrait ก็จะเป็นสีส้มเข้ม ซึ่งโทนแสงสีส้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าและโทนสีผิวดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา

Far / Near Lighting

ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล ซึ่งให้ความสมจริงไม่หลอกตาเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ ไป

นอกจากปัญหา White Balance ที่ส่งผลให้สีสันดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ambient light รวมถึงการสะท้อนของแสงจากวัตถุไปยังตัวแบบ โดยรูปทางซ้ายมือสีม่วงของวัตถุจะสะท้อนลงมายังตัวแบบทำให้เกิดสีเพี้ยน

แต่จากรูปทางขวาที่ถ่ายด้วย vivo V40 5G พร้อมเปิดใช้งาน “Aura Light Portrait” จะให้สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติและสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน

บทสรุป 

vivo V40 5G เป็นรุ่นต่อยอดที่ต้องบอกว่าจัดเต็มยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ดีไซน์ในภาพรวม และกล้องหลังมาพร้อมดีไซน์ใหม่ Gemini Ring ส่วนสเปคก็ให้มาแบบน้อง ๆ เรือธง ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตตัวแรง Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 แบตเตอรี่ความจุ 5500mAh (BlueVolt) ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ, ฟีเจอร์ทนน้ำทนฝุ่น IP68 ถือว่าเป็นครั้งแรงของ V Series อีกด้วย 

ในด้านจุดขายหลักอย่างการถ่ายรูปก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดย vivo V40 5G มาพร้อมเลนส์ ZEISS ทั้งกล้องหน้าและหลัง โดดเด่นเหนือกว่าทุกคู่แข่งในด้านการถ่าย Portrait ด้วยความร่วมมือระหว่าง vivo กับ ZEISS เป็นรุ่นที่สองต่อจากรุ่นพี่ vivo V30 Pro 5G  โดยมีการอัปเกรดตัวเซนเซอร์แบบเดียวกับที่ใช้ใน X Series

และยังคงมาพร้อมจุดแข็งก็คือแสงออร่า Aura Light Portrait ที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับภาพถ่ายบุคคลได้อย่างโดดเด่น สามารถเก็บภาพทุกช่วงเวลาได้อย่างมีชีวิตชีวาไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน พร้อมส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตคมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ รังสรรค์ภาพถ่ายที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมองศาไหน ก็สามารถทำให้ผู้ใช้งานประทับใจกับคุณภาพได้เสมอ 

ราคาและช่องทางวางจำหน่าย

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ 🌟 ใหม่! vivo V40 Series 5G เกิดมาพร้อมทุกกล้องเลนส์ ZEISS 📸 เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 5500mAh🔋ดีไซน์สุดล้ำ ตัวเครื่องบางเบา และมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 💦

🌟V40 5G (12GB + 256GB) ราคา 15,999.-

🌟V40 5G (12GB + 512GB) ราคา 17,999.-

ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3XhNK1z

🌟 V40 Pro 5G (12GB + 512GB) ราคา 24,999.-

ดูเพิ่มเติม https://bit.ly/3MjAenV

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สั่งซื้อ V40 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2168

สั่งซื้อ V40 Pro 5G ผ่านช่องทาง vivo online store: https://shop.vivo.com/th/product/2169

#vivoV40Series5G#พอร์ตเทรตเปิดเกิดทุกคน