ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น vivo V30 5G
vivo V30 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 7 Gen 3 บนสถาปัตยกรรม 4 nm มอบสัมผัสประสบการณ์การเพิ่มประสิทธิภาพที่ให้ความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง โดยมีประสิทธิภาพ CPU ที่แรงขึ้นกว่าเดิม 15% ส่วน GPU แรงกว่าเดิม 50% และประหยัดพลังงาน 20%
ทั้งนี้ยังมีการติดตั้งระบบ NPU ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้น 60% โดย GPU รองรับทั้ง OpenGL ES 3.2, OpenCL 2.0 FP และ Vulkan 1.3 API ในส่วนของตัวชิปเซตได้คะแนนทดสอบจาก AnTuTu ไปกว่า 800,000 คะแนนเลยทีเดียว
เมื่อมองในภาพรวม vivo V30 5G ถือว่าตอบโจทย์ได้ครบครัน ทั้งการรองรับ 5G แบบ SA ผสานด้วยจอคุณภาพสูง มอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงได้ดีเยี่ยม เรียกว่ายังคงสืบทอด DNA ความเป็น V Series ที่เด่นแบบรอบด้านได้เหมือนเช่นเคย
12GB+12GB Extended RAM 3.0
vivo V30 5G มาพร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 3.0 ในแบบ 12GB+12GB ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้สามารถใช้งาน RAM สูงสุดถึง 24GB รองรับการใช้งานแอปในพื้นหลังได้สูงสุด 48 แอป สลับไปมาระหว่างแอปได้อย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้งานแอปหรือเกมที่เน้นกราฟิกบนพื้นที่หน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลื่นไหลไม่มีสะดุดตลอดทั้งวัน
ปลดล็อกความเร็วแรงด้วยเครือข่าย 5G ในรูปแบบ NSA และ SA
vivo V30 5G สามารถใช้งาน 5G ตั้งแต่แกะกล่อง และยังมาพร้อมความโดดเด่นด้วยการรองรับ 5G NR ในรูปแบบ NSA / SA (Dual-Mode) จึงช่วยทลายข้อจำกัดเดิม ๆ ของการใช้งานเดต้าที่พบความล่าช้าบน 3G / 4G เพราะเทคโนโลยี 5G นอกจากจะให้ความเร็วแรงแล้ว ยังมี latency ที่ต่ำ ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงหรือดาวน์โหลดข้อมูลได้เร็วขึ้น เปิดแอปพลิเคชันและใช้งานโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่สะดุดติดขัด รวมถึงการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมออนไลน์ก็ให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจกว่าที่เคย
Personal Cinema Screen
หน้าจอแสดงผลของ vivo V30 5G เลือกใช้วัสดุรุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล AMOLED 1.5K โดยมีหน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ที่ใหญ่เต็มตา บนความละเอียด 2800 × 1260 (FHD+) พร้อมกับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ให้สีสันที่สวยงามสมจริง ชนิดที่ไม่ลดทอนคุณภาพหรือความคมชัดของสีที่ขอบหน้าจอ จึงพร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
และยังสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการปรับสีหน้าจอ อุณหภูมิสี การปรับเอฟเฟ็กต์การแสดงผลที่สดใสยิ่งขึ้น รวมถึงมีทั้งธีมมืดและโปรแกรมรักษาหน้าจอ พร้อมความปลอดภัยด้วยโหมดป้องกันดวงตา ด้วยหน้าจอลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาของผู้ใช้งาน
ด้านความปลอดภัย
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบถ้วน โดย vivo V30 5G รองรับฟีเจอร์ความปลอดภัยในระดับ Hardware ด้วย Biometric อันล้ำสมัยจาก “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซนเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน vivo V30 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 7 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน vivo V30 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
vivo V30 5G ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh และยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว FlashCharge 80W 20V-4A (Max) ซึ่งชาร์จได้รวดเร็วและใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากขึ้นได้ถึง 2 เท่าอีกด้วย
ในด้านฟีเจอร์และความปลอดภัยในการชาร์จก็ให้มาแบบอัดแน่นด้วย Super Charge Pump ที่แปลงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นโทรศัพท์จึงชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยความร้อนที่ต่ำ พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยแบบ 24 มิติ ด้วยการชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นจากทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น ตัวโทรศัพท์ แบตเตอรี่ ชิปชาร์จ พอร์ต สายเคเบิล และกำลังไฟฟ้าเข้าจากแรงดันไฟ อุณหภูมิ และการป้องกันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเมทริกซ์การป้องกันการชาร์จที่ครอบคลุมที่สร้างความอุ่นใจในการใช้งานได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ vivo V30 5G ยังมีเทคโนโลยี Smart Charging Engine ซึ่งช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น โดยคำนึงถึงแบตเตอรี่และสถานการณ์ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าหน้าจอจะปิดอยู่หรือขณะเสียบปลั๊ก ก็จะปรับการชาร์จแบตให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ และช่วยลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่รวมถึงความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างชาร์จ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยิ่งขึ้นอีกด้วย
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
vivo V30 5G มาพร้อม Funtouch OS 14 รุ่นใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตใหม่ที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยที่ไม่ต้องกดเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การใช้งานทั่วไป ๆ รวมถึงด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Multitasking
เปิดตัว Mini Window ใหม่สำหรับสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานสองแอปพร้อมกัน อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถสลับระหว่าง โหมดหน้าต่างเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
ฟีเจอร์ Smart Mirroring ใหม่ของ vivo V30 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์หน้าจอได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าแถบการแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ตั้งใจ
iManager
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัจฉริยะ iManager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน สามารถตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ตโฟนของคุณทั้งสแกนไวรัส และระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมาพร้อมความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ, ระบายความร้อน, สำรองข้อมูล, และจัดการด้านพลังงานเป็นต้น
Multi-Turbo
vivo V30 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน ได้อีกทางหนึ่งด้วย
Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังสามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
รวมถึงยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น 4D Game Vibration ระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS , เอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture, Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
vivo V30 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ โดยมี Game Boost Mode ที่ออกแบบมาเพื่อปลดปล่อยพลังของโปรเซสเซอร์ Octa-coreOcta-core (1×2.63 GHz Cortex-A715 & 3×2.4 GHz Cortex-A715 & 4×1.8 GHz Cortex-A510) ผสานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 720 จึงพร้อมมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด
vivo V30 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, ROV, Asphalt 9 ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่เมื่อลอง Genshin Impact ในช่วงตะลุมบอนหมู่ ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหนืด ๆ บ้างเล็กน้อย แต่ในภาพรวมเล่นได้ทุกเกมแบบตั้งค่าสูงสุด แถมยังไม่ร้อนอีกด้วยเพราะ vivo V30 5G มาพร้อมระบบช่วยระบายความร้อน Ultra Large Smart Cooling System
ไม่ว่าจะเล่นเกม ไลฟ์สตรีมมิ่ง หรือถ่ายวิดีโอ ระบบระบายความร้อน Ultra Large Smart Cooling System ขนาดใหญ่พิเศษบน vivo V30 5G จะช่วยลดความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อผสานด้วย Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Game Boost Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถสนุกไปกับการเล่นเกมที่เร็วขึ้นและความบันเทิงที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม
vivo V30 5G แม้จะมีดีไซน์ที่บางเบา แต่ก็ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh ซึ่งให้ความจุเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เมื่อผสานกับชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3 บนสถาปัตยกรรม 4nm ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ในขณะที่ใช้พลังงานลดลง และยังมาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน จึงส่งผลให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าที่เคย มอบความเพลิดเพลินกับการใช้งานได้ตลอดวัน
ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องซีเรียสแต่อย่างใดเพราะ vivo V30 5G รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี FlashCharge 80W ไม่ว่าจะถ่ายรูป ฟังเพลงหรือเล่นเกม ก็พร้อมรองรับการใช้งานได้ตลอดเวลา