ทดสอบถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลัง
สำหรับกล้องหลังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่อัดแน่นไม่แพ้กล้องหน้า ทั้ง Super HDR, Portrait Bokeh, Face Beauty, Multi-Style Portrait และยังมีระบบกันสั่น OIS มาให้ใช้งานอีกด้วย
Auto mode
Portrait ระยะ Normal
Portrait ระยะ 2x
ในโหมด Portrait จะรองรับการถ่ายที่ระยะ Normal และ 2x โดยที่ระยะ 2x จะให้ฟิลลิ่งคล้าย ๆ กับระยะ 50mm บนกล้อง DSLR ซึ่งเป็นระยะยอดนิยมในการถ่ายภาพบุคคลนั่นเอง การที่ vivo V29 5G สามารถถ่าย Portrait ในระยะ 2x จึงมีความยืดหยุ่นและให้ความรู้สึกเสมือนถ่ายด้วยกล้องมืออาชีพอีกด้วย
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/0.95 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ
Face Beauty
ในส่วนของกล้องหลังมี Natural Portrait มาให้ใช้งานเช่นกัน
Bokeh Flare Portrait
Default
Hearts, Stars
Butterfly, Cherry Blossom
ในโหมด Portrait บน vivo V29 5G ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์โบเก้แบบแฟลร์ที่สวยงามด้วยอัลกอริทึมพอร์ตเทรตได้ถึง 5 รูปแบบ ซึ่งจะช่วยไฮไลต์วัตถุในภาพอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมสร้างความโดดเด่นของตัวโบเก้ที่มีกิมมิคในหลากหลายสไตล์
Portrait Style
โหมด Portrait ของกล้องหลัง มี Style มาให้ใช้งาน 7 รูปแบบ
และมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าทุกประการ
Aura Light Portrait 2.0
vivo V29 5G มาพร้อมการอัปเกรด Aura Light Portrait 2.0 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า vivo V29 5G มีวงแหวนออร่าขนาดใหญ่ขึ้น ให้ความสว่างได้มากขึ้น โดยแสงที่ออกมาจะกว้างกว่าเดิมถึง 9 เท่า และให้แสงสว่างเพิ่มขึ้นถึง 36%
ออร่าพอร์ตเทรต พิเศษทุกความรู้สึก กับแสงออร่า 2.0 ที่ปรับแสงออร่าอัตโนมัติตามแสงบรรยากาศโดยรอบ
Smart Color Temperature Adjustment ระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่ทำงานในโหมดอัตโนมัติ ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแสงออร่าให้เป็นโทนเย็นและโทนอุ่นได้หลายระดับตามความต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแสงในขณะนั้น
สำหรับวิธีเปิดใช้งาน Aura Light Portrait 2.0 แบบกำหนดค่าเอง ให้แตะที่สัญลักษณ์รูปแฟลชที่ด้านบนมุมซ้ายของจอแสดงผล หลังจากนั้นจะมีแถบเมนูในการเปิด/ปิดใช้งาน Aura Light Portrait 2.0 แสดงผลขึ้นมา ถัดลงมาด้านล่าง จะมีบาร์ที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของแสง โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ ถ้าต้องการตั้งค่าเองให้แตะที่สัญลักษณ์รูปตัว A จากนั้นจะสามารถเลื่อนแถบบาร์ไปทางขวาเพื่อปรับเป็นอุณหภูมิเย็น และปรับมาซ้ายจะเป็นการเลือกอุณหภูมิอุ่น
ส่วนในสภาพแสงที่มีความหลากหลาย ตัว AI ก็จะคำนวนให้อย่างชาญฉลาด โดยบางครั้งจะเลือกอุณหภูมิแบบ Natural ที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทนเย็นและโทนอุ่น ซึ่งบางครั้งจะเป็นไฟสีขาวที่ไม่สว่างจนเกินไป หรือบางครั้งก็จะเป็นไฟสีส้มอ่อน ๆ แต่ถ้าเป็นบรรยากาศในสภาพแสงที่มีโทนอุ่นมาก ๆ ไฟ Aura Light Portrait 2.0 ก็จะเป็นสีส้มเข้ม ซึ่งโทนแสงสีส้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าและโทนสีผิวดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา
vivo V29 5G เก็บทุกช่วงเวลายามค่ำคืนได้อย่างมีชีวิตชีวา เพิ่มความสว่างและความละมุนอย่างธรรมชาติในทุกมุมมอง ซึ่งจะเห็นได้ว่า Aura Light Portrait 2.0 มีการทำงานที่ชาญฉลาด โดยเมื่อตรวจจับบรรยากาศแสงโดยรอบแล้ว ตัวแฟลชด้านหลังจะทำงานร่วมกับอัลกอรึทึ่มของกล้อง พร้อมประมวลผลความเหมาะสมในการถ่ายภาพบุคคลที่ให้ความเป็นธรรมชาติ ดูสมจริงมีมิติ และไม่สว่างจ้าจนเกินไปแม้จะถ่ายในระยะใกล้ ๆ ก็ตาม
ทดสอบการใช้งาน Aura Light Portrait 2.0 ในโหมดอัตโนมัติ เราจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน โดยรูปทางซ้ายจะปิดการใช้งานแสงออร่า ส่วนรูปทางขวาจะเปิดใช้งานแสงออร่า โดยตัว AI ตรวจจับบรรยากาศของโทนแสงสีน้ำเงิน และทำการปรับให้เป็นแสงโทนเย็นตามแสงบรรยากาศ ซึ่งจะช่วยทำให้ใบหน้าสว่างขึ้น มีความละมุน พร้อมคืนความสดใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับแสงโทนอุ่นจากหลอดไฟไฟทังสเตน หรือไฟที่ให้แสงสีส้ม ระบบ Aura Light Portrait 2.0 จะปรับแสงออร่าเป็นโทนอุ่น เพื่อถ่ายภาพพอร์ตเทรตในบรรยากาศที่มีแสงสลัวในแบบโทนอุ่น ซึ่งโทนแสงสีส้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าและโทนสีผิวดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับค่าแสงแบบกำหนดค่าเองได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อให้ได้สกินโทนที่แตกต่างจากโหมดอัตโนมัติ ซึ่งจะได้โทนสีผิวในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุด
ในสภาพแสงที่ค่อนข้างคงที่ อย่างแสงไฟจากหลอด LED หรือ ฟลูออเรสเซนต์ โดยไม่มีแสงอันหลากหลายมาผสมปนกัน ในภาพรวมจะให้โทนที่เป็นสีขาว หรือจะบอกว่าเป็น Scene city ที่พบเจอกันได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัว Aura Light Portrait 2.0 จะให้แสงแบบ Natural ที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทนเย็นและโทนอุ่น โดยจากรูปชุดนี้จะเห็นได้ว่า ตัวแบบจะไม่สว่างจ้า หรือติดโทนแดง แต่จะให้ความสมจริง ดูละมุนและเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา
นอกจากปัญหา White Balance ที่ส่งผลให้สีสันดูผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ambient light รวมถึงการสะท้อนของแสงจากวัตถุไปยังตัวแบบ โดยรูปทางซ้ายมือสีเหลืองของวัตถุจะสะท้อนลงมายังตัวแบบ ทำให้เกิดสีเพี้ยน
แต่จากรูปทางขวาที่ถ่ายด้วย vivo V29 5G พร้อมเปิดใช้งาน “Aura Light Portrait 2.0” จะให้สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติและสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
เราอาจจะคุ้นกับคำว่าถ่ายภาพย้อนแสง โดยภาพจำก็คือการถ่ายภาพที่มีดวงอาทิตย์อยู่ข้างหลัง ซึ่งจะให้ภาพที่ดรอปลงและไม่เห็นรายละเอียด หรือพูดง่าย ๆ ถ้าถ่ายพอร์ตเทรตก็คือหน้าดำนั่นเอง แต่เชื่อไหม ในช่วงเวลากลางคืนเราก็สามารถเจอกับการถ่ายภาพย้อนแสงได้เช่นกัน ยกตัวอย่างภาพจากเซ็ตนี้ ตัว Background จะมีการใช้ไฟที่เยอะมาก ๆ เมื่อเราเข้าไปถ่ายใกล้ ๆ จะทำให้เกิดสภาวะย้อนแสงทันที จึงเห็นได้ว่า “Aura Light Portrait 2.0” สามารถแก้ปัญหาจากการถ่ายภาพพอร์ตเทรตยามค่ำคืนได้ในทุก ๆ สถานการณ์อย่างแท้จริง
ปัญหาการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก ๆ หรือในที่มืด สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ noise หรือสัญญาณรบกวนในภาพ ที่ทำให้ภาพดูดรอปทั้งในส่วนของรายละเอียดความคมชัดและความสว่าง ซึ่งในโหมดพอร์ตเทรตบนสมาร์ตโฟนเราจะไม่สามารถตั้งค่า ISO ได้เหมือนบนกล้องจริง ๆ
มาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า “Aura Light Portrait 2.0” ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพบุคคลในยามค่ำคืนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะแสงน้อยแค่ไหน vivo V29 5G ก็สามารถถ่ายพอร์ตเทรตได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการสร้างมิติของภาพ ดึงดีเทลที่ขาดหายให้กลับมา พร้อมมอบความสมดุลสมจริงให้กับภาพบุคคลที่ไม่สามารถพบเจอได้บนสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ ไป