เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Vivo V19 สมาร์ตโฟนซีรีส์ V รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมนิยาม “Ignite your night” จุดประกายยามค่ำคืนให้เติมเต็มกว่าที่เคย
โดย Vivo V19 มาพร้อมความโดดเด่นด้วยกล้องหน้าเลนส์คู่แบบฝังในจอแสดงผล ซึ่งนับว่าเป็นเจเนเรชั่นที่ 2 ที่ได้มีการอัพเกรดคุณสมบัติในภาพรวมขึ้นไปอีกขั้น ส่วนกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม และขับเคลื่อนด้วยสเปคจัดเต็ม ซึ่งเมื่อรวมกับฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟน ๆ ซีรีส์ V อย่างแน่นอน ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง ขอเชิญติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สเปคเบื้องต้น Vivo V19
ขนาด | 159.64 × 75.04 × 8.5 มม. |
น้ำหนัก | 186.5 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Ultra O Screen Display ชนิด Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 × 2400 (FHD+) อัตราส่วน 20:9 ขอบเขตสี DCI-P3 100% รองรับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในจอแสดงผล In-display Fingerprint Scanning |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SDM712 Snapdragon 712 (10 nm) หน่วยประมวลผล Octa-core (2×2.3 GHz Kryo 360 Gold & 6×1.7 GHz Kryo 360 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616 |
RAM | 8GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
หน่วยความจำเสริม | microSD, up to 256GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: 4 เลนส์ AI Quad Camera
——————————————————- กล้องหน้าคู่ : กล้องหลัก 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.08 + เลนส์ Super Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.28 ——————————————————- โหมดการถ่าย “กล้องหน้า: Super night selfie, Super wide-angle selfie (with wide-angle distortion correction for portraits), Ultra stable selfie video, Art portrait video, Selfie softlight band, Art portrait กล้องหลัง: Super night mode, Ultra stable video, Art portrait video, Super Macro, Bokeh portrait, Art portrait |
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 10 บนพื้นฐานของ Android 10 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz บลูทูธ 5.0 support A2DP, LE GPS, Beidou, Galileo, GLONASS |
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
แบตเตอรี่ | 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W |
สี/ราคาวางจำหน่าย | สีที่วางจำหน่ายในไทย Gleam Black, Sleek Silverราคาเปิดตัว – บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพคเกจจิ้งฉีกแนวไปจากความคุ้นเคยเดิม ๆ ของซีรีส์ V โดย V19 เลือกใช้โทนสีน้ำเงินพร้อมขับเน้นด้วยรูปตัวเครื่องและกล้องเซลฟี่คู่ไว้บนด้านหน้าของตัวกล่อง ส่วนด้านหลังจะพิมพ์บอกไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น อาทิ Dual Front Camera, 33W Vivo FlashCharge 2.0 และ Super Night Selfie เป็นต้น
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5V – 2A / 9V – 2A / 11V – 3A Max รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W
2. หูฟังสมอลทอร์ค
3. สายดาต้าลิงค์แบบ Type-C
4. เคสซิลิโคนแบบใส
5. อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
6. ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ
สำหรับฟิล์มกันรอยได้มีการติดมาให้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน
รูปลักษณ์ดีไซน์
Vivo V19 เป็นสมาร์ตโฟนในเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมหน้าจอเจาะรูฝังกล้องไว้ภายใน ซึ่งได้มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้นด้วยกล้องหน้าเซลฟี่แบบคู่ (Dual Camera) ที่จัดเต็มทั้งความละเอียดและให้มุมมองกว้างพิเศษถึง 105 องศา และยังคงคอนเซ็ปต์อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบให้เลนส์กล้องมีขนาดที่เล็กมาก ๆ ส่งผลให้ดูกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังสามารถคงความละเอียดของกล้องหน้าได้สูงถึง 32 ล้านพิเซล + 8 ล้านพิกเซล
สำหรับดีไซน์ในภาพรวมยังคงมีกลิ่นอายจากรุ่นพี่ V17 อยู่บ้าง ทั้งโมดูลกล้องด้านหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของกล้องคอมแพค โดยถูกออกแบบให้มีความสมมาตรตามหลักเรขาคณิตที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการดีไซน์แบบ Retro-styled โดยกล้องหลัง 4 ตัวจัดวางเลย์เอาท์อยู่ในมุมโค้งอันหรูหราของกรอบสี่เหลี่ยม ส่วนตัวเครื่องถูกออกแบบตามหลัก Ergonomic ที่ให้ความโค้งมนแบบ 3D จึงสอดรับกระชับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถจับถือได้ถนัด ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่าย
สำหรับฝาหลังของตัวเครื่องเลือกใช้วัสดุกระจกคุณภาพดี ให้ฟิลลิ่งหรูหราสวยล้ำค่า โดยสี Gleam Black จะเป็นสีดำให้ความรู้สึกสง่างามคลาสสิกเหนือกาลเวลา และสีเงิน Sleek Silver เปรียบดั่งความมหัศจรรย์ของกลุ่มดาวบนท้องฟ้านั่นเอง
ตัวเครื่องสี Sleek Silver ที่ทางเว็บได้มารีวิว มีความพิเศษในเรื่องของการแสดงสีสันของตัวฝาหลัง โดย V19 ได้ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีการเคลือบสีในชั้นเลเยอร์ของฝาหลังอย่างมีระดับ ส่งผลให้ตัวเครื่องจะแสดงสีสันที่แตกต่างกันยามเมื่อแสงตกกระทบกับตัวเครื่องในมุมต่าง ๆ โดยมีทั้งสีบรอนซ์เงิน สีทอง สีฟ้าอมม่วง ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือการออกแบบได้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นของซีรีส์ V อย่างแท้จริง
หน้าจอใหญ่เต็มตา มาพร้อมความคมชัดสุดใจ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ด้วยหน้าจอแสดงผล Ultra O Screen Display ชนิด Super AMOLED ในขนาด 6.44 นิ้ว บนความละเอียด 1080 × 2400 พิกเซล (FHD+) พร้อมอัตราส่วน 20:9 มีขอบเขตสี DCI-P3 100% และยังรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอแสดงผล (In-display Fingerprint Scanning) อันเป็นจุดขายของทางค่าย Vivo เหมือนเช่นเคย
กล้องหน้าเซลฟี่แบบ Dual Camera ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้มุมขวาบนได้อย่างลงตัว โดยจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม
ด้วยความละเอียดของกล้องหลักที่สูง 32 ล้านพิกเซล ผสานกับกล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ให้มุมมองกว้างพิเศษถึง 105 องศา สามารถถ่ายเซลฟี่แบบหมู่คณะโดยไม่ตกหล่นเพื่อน ๆ หรืออยากจะเก็บวิวทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาให้กว้างกว่าที่เคยก็ยังไหว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด Super Night Selfie, Ultra Stable Selfie Video และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามสมจริงในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์
ด้านบนตัดขอบด้วยสีบรอนซ์เงิน พร้อมออกแบบให้มีความโค้งเว้า ทำให้ดูมีเส้นสายและเกิดมิติที่สวยงาม สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่เป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียงด้วย
ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ที่จัดวางตำแหน่งได้ดีมาก คือไม่อยู่สูงหรือต่ำจนเกินไป ส่งผลให้สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด นอกจากนี้ขอบด้านข้างทั้งสองฝั่งยังออกแบบให้มีเส้นสายพาดผ่านแบบรอบตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องดูสวยงามมีมิติขึ้นอีกด้วย
ตัวถาดซิมของ Vivo V19 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB
กล้องหลังจัดเต็มสุดคมชัดด้วย AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมชิ้นเลน์ ASPH คุณภาพสูง โดยมีรายละเอียดดังนี้
เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
เลนส์ Super Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo V19
Vivo เป็นค่ายแรกที่นำเสนอนวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning หรือการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอัพเกรดและพัฒนาตัวเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซ็นเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ๆ ต้องบอกเลยว่าการปลดล็อคนั้นมีความเร็วที่เหนือกว่าแบบสัมผัสได้จริง
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน Vivo V19 รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 4 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน Vivo V19 มีความรวดเร็วแม่นยำ ไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาไม่ถึง 0.60 วินาที สามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 5 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Ultra O Screen Display
Vivo V19 อัพเกรดจอแสดงผลด้วยวัสดุ E3 OLED รุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล Super AMOLED โดยมีหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว ที่ใหญ่เต็มตา สามารถแสดงขอบเขตสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ได้สูงถึง 100% จึงให้สีสันที่สวยงามสมจริง และยังมาพร้อมกับอัตราส่วนขนาดใหม่ 20:9 ที่พร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Vivo V19 ยังเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV ประเทศเยอรมัน ในด้านความปลอดภัยจากจากแสงสีฟ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับจอ E2 ทั่วไปสามารถกรองแสงสีฟ้าได้ถึง 42% รวมถึงยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันการกระพริบ ที่ทำให้เกิดภาพสั่นไหวขณะหน้าจอมีความสว่างต่ำ (Low Brightness Anti-Flicker) ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานมีความสมูทราบลื่น พร้อมช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งานในทุกสภาพแสงอีกด้วย
Always On Display
Vivo V19 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษ Always On Display ที่ใช้พลังงานต่ำ จากคุณสมบัติพิเศษ Self-illuminating ของจอ Super AMOLED ทำให้เราไม่พลาดในการดูแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในรูปแบบเรียลไทม์
และนอกจากจะทำให้การดูเวลากับการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีความสะดวกคล่องตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ใช้งานยังปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลของนาฬิกา, แบล็คกราวน์และสี แถมยังสามารถดาวน์โหลดรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้งานได้อีกด้วย
Multi-Turbo 3.0
Multi-Turbo 3.0 บน Vivo V19 จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วด้วย ART++ Turbo เพื่อเพิ่มความเร็วในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น โดยฟีเจอร์ Game Turbo จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัสให้เร็วขึ้น และการตอบสนองได้ไวขึ้น พร้อมด้วย Center Turbo ที่ช่วยลดปัญหาเฟรมเรตตกได้ถึง 78.05%
Ultra-Game Mode
Ultra-Game Mode ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังมี AI Turbo ที่มีความฉลาดในการสั่งงาน ซึ่งช่วยให้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยให้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่าง บันทึกหน้าจอ Screen Recording และจับภาพหน้าจออย่างรวดเร็ว Fast Screen Capture ก็มีมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Killer Countdown ที่สามารถเตือนถึงเวลาที่เหลือก่อนที่เกมจะเริ่ม เพื่อช่วยให้เราเตรียมตัวหรือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในขณะรอเกมจะรันขึ้นนั่นเอง
และโหมดล่าสุด Game Vibration ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์สั่นสะเทือน ส่งผลให้การเล่นเกมต่อสู้ได้ดุเดือด มีความสมจริง เช่นการสั่นตอบสนองในเวลาที่ยิงปืน หรือการชน การกระแทกเป็นต้น
Voice Changer ฟังก์ชันเปลี่ยนเสียงในเกม ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงตัวละครที่หลากหลายระหว่างเล่นเกมกับเพื่อนร่วมทีม โดยเปลี่ยนเป็นเสียงย่านต่ำ หรือเสียงที่ให้ความตลกขบขัน ทำให้การสนทนาระหว่างการเล่นเกมนั้นสนุกสนาน และมีสีสันมากยิ่งขึ้น
Game Center
Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ Game Space ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
เทคโนโลยีชาร์จไว 33W vivo FlashCharge 2.0
มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,500mAh ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานครบวัน แถมยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 33W vivo FlashCharge 2.0 ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 54% พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ
ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Vivo V19 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ในภาพรวมมีการปรับเปลี่ยน UI เล็กน้อย โดยตัวไอคอนมีความอ่อนช้อย และโมเดิร์นขึ้นแบบสัมผัสได้ ส่วนเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความกระชับใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
สิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือการเข้าสู่ Notification Toggle จะเปลี่ยนมาใช้วิธีปัดจากด้านบนลงมาด้านล่างของหน้าจอเหมือนสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ สำหรับฟีเจอร์เด่น Jovi Smart Scene และ Screen Time
จะช่วยติดตามเวลาการใช้งานของแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในหนึ่งวันอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เห็นข้อมูล และจัดการเวลาที่ใช้ในแต่ละแอปพลิเคชั่น
ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน รวมทั้งสามารถเข้าถึงทางลัดการใช้งานด่วนผ่านทาง Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้อย่างยืดหยุ่น
หากไม่คุ้นหรือชินตากับกล้องหน้าที่เจาะรูไว้ ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้การซ่อนกล้องหน้าด้วยแถบดำที่จะสร้างความกลมกลืนให้กับจอแสดงผล โดยเลือกแอปที่ต้องการให้ซ่อนกล้องหน้าได้ในเมนูการตั้งค่า “การแสดงผลและความสว่าง”
Dark Mode ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ Dark Mode จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
Vivo V19 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น AI ช่วยตัดเสียงรบกวนสำหรับวิดีโอคอลอีกด้วย โดยตัวอัลกอลิทึ่มตรวจจับเสียงอัจฉริยะจะช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงที่ดังและชัดเจนในขณะการแชทด้วยเสียงหรือวิดีโอ
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
ไม่จำกัดเฉพาะการถ่ายเซลฟี่เพียงอย่างเดียว แต่ V19 ยังงานสามารถใช้งานบิวตี้ หรือใบหน้าสวยผ่านการโทรแบบวีดีโอคอลได้อีกด้วย สำหรับโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
ฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีมาให้ใช้งานอย่างยาวนาน ก็คือโหมดการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน
ซึ่งบน Vivo V19 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ถือว่าจัดเต็ม โดย Vivo V19 มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก , ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและการควบคุมโดยผู้ปกครอง เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มมีความสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง
ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i-Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน
ในภาพรวม Vivo V19 มีการจัดสรรพลังงานได้น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,500mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเทคโนโลยีระบายความร้อนอันเหนือชั้น Copper Tube Liquid Cooling โดยใช้ประโยชน์จากการถ่ายเทความร้อนระหว่างของเหลว และไอน้ำเพื่อให้เกิดการกระจายความร้อนอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ทำให้อุณหภูมิ CPU ลดลง 3~7 ℃ เพิ่มอายุการใช้งานของ CPU ให้ยาวนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเปิดการใช้งานต่าง ๆ ไว้มากมาย V19 ยังคงมีอุณหภูมิคงที่ สถานะพร้อมใช้งานและช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ เพราะ Vivo V19 รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 33W vivo FlashCharge 2.0 ช่วยให้ชาร์จได้ 0 ถึง 54 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 30 นาที พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ
ประสิทธิภาพ
Vivo V19 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 712 บนสถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core (2×2.0 GHz Kryo 460 Gold & 6×1.7 GHz Kryo 460 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616 เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 8GB แบบ LPDDR4X จึงส่งผลให้สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ เรียกว่าเร็ว แรง ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ Snapdragon 675 AIE บน V17
ส่วนในแง่การใช้งานจริงถือว่าเป็นสมาร์ตโฟน Mid-Range ระดับกลางค่อนไปทางสูง ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ได้แบบสบาย ๆ สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ในส่วนของภาครับสัญญาณ GPS พบว่ามีความเร็วและความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้การถ่ายทอดเสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo V19 นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
Video Player บน Vivo V19 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
asphalt 9 ตั้งค่ากราฟิกคุณภาพสูง ในภาพรวมไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น สามารถสัมผัสความเร็ว แรง ลื่นไหลได้ตลอดการแข่งขัน
ROV สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้ โดยสามารถรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 59-60fps แบบต่อเนื่อง เพราะด้วยสเปคที่แรงแบบจัดเต็มทั้งในส่วนของชิปเซ็ทและ RAM ที่ให้มาถึง 8GB ส่งผลให้ในภาพรวมถือว่าแรงพอที่จะตีป้อมได้อย่างไหลลื่นโดยไม่รู้สึกหัวร้อน
PUBG เลือกการตั้งค่ากราฟิกระดับ HD พร้อมเลือกโหมดเฟรมเรทสูง ซึ่งเมื่อทดสอบบน Vivo V19 แล้วไม่ผิดหวังครับ เพราะจากที่ได้ลองทดสอบการเล่นอย่างต่อเนื่อง พบว่ามีความเสถียรและความสมูทลื่นไหลที่ดีมาก ๆ ไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้สะดุดหงุดหงิดใจแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างลงตัว รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Vivo V19 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้
ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
User Interface หรือหน้าตาเมนูกล้อง ใช้เลย์เอาท์ใหม่เหมือนกับรุ่นพี่ Vivo V17 โดยมุมขวาบนของเมนูกล้องจะแสดงไอคอนรูปม่านชัตเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเมนูทางลัดเพื่อเข้าถึงโหมด Ultra wide angle, Bokeh, และ Super macro
ส่วนด้านบนของเมนูจะเป็นไอคอนที่เข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ของกล้อง อาทิเช่น เปิด/ปิดการใช้งานแฟลช, โหมด HDR, Filter-Portrait light effect, อัตราส่วนของภาพ และการตั้งค่าโดยรวมของกล้อง
ทดสอบภาพจากกล้องหน้า
Vivo V19 มาพร้อมกล้องหน้าคู่สุดคมชัด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Super Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล
ถ่ายเซลฟี่มุมกว้างพิเศษ 105° สามารถถ่ายเซลฟี่แบบหมู่คณะโดยไม่ตกหล่นเพื่อน ๆ รวมถึงสามารถเก็บวิวทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาให้กว้างกว่าที่เคย และด้วยความสามารถของ AI ที่ช่วยป้องกันภาพบิดเบี้ยวสำหรับถ่ายภาพบุคคลมุมกว้าง พร้อมปรับแต่งฉากให้เหมาะสมที่สุด จึงมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบไหน ก็จะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
ทดสอบในโหมด Auto ที่ยังไม่ปรับแต่งใด ๆ
เมื่อเปิดใช้งาน AI Face Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ เช่นสีของแก้มและลิปสติกเป็นต้น รวมไปถึงโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ
สำหรับโหมด AI Face Beauty ตัวระบบ AI จะคำนวนความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ โดยภาพที่ถ่ายด้วยโหมด AI ค่อนข้างดูลงตัวเป็นธรรมชาติและใช้งานง่าย เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในทุกสถานการณ์
Super Quadruple Beauty Mode ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง
สำหรับ portrait มาพร้อมโหมดใหม่ โดยสามารถเลือกสไตล์ได้ 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย ค่าเริ่มต้น / สดชื่น / ภาพยนต์ ซึ่งให้ฟิลลิ่งคล้ายกับโปรไฟล์สี ที่มีให้ใช้งานบนกล้องระดับมืออาชีพของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง
โหมด portrait ค่าเริ่มต้น
โหมด portrait สดชื่น
โหมด portrait ภาพยนต์
Portrait light effect
กล้องหน้ามาพร้อม Filter และฟีเจอร์ Portrait light effect ที่ช่วยเสริมให้การถ่ายภาพบุคคลมีความน่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม ตัวอัลกอริทึม AI ของ Vivo V19 จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ Natural light, Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, และ Monochrome background
AR Stickers การใส่อีโมจิหรือสติ๊กเกอร์ 3D น่ารัก ๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งลงไปในรูปถ่ายของเรา โดยรองรับการทำงานทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถบันทึกเป็นไฟล์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้โหมด AR Selfie สามารถที่จะดีเทคตรวจจับภาพใบหน้าได้มากกว่า 1 ใบหน้าพร้อมกัน ทำให้เมื่อเราถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน ๆ ตัวกล้องก็จะใส่ AR Stickers ให้เพื่อนที่อยู่ในเฟรมของเราด้วย
Super Night Selfie
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เป็นจุดขายของ V19 ก็คือโหมด Super Night Selfie ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางได้อย่างคมชัด โดย AI Night Selfie และ Face Beauty สามารถวิเคราะห์วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้ภาพมีความสว่าง คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี และมีสัญญาณรบกวนหรือ Noise ที่น้อยมาก ๆ
รูปจากกล้องสมาร์ตโฟนแบรนด์หนึ่งในโหมด Auto
Super Night Selfie บน Vivo V19
รูปจากกล้องสมาร์ตโฟนรุ่นหนึ่ง ใช้งานโหมด Auto พร้อมเปิดไฟแฟลชจากหน้าจอแสดงผล
Selfie Softlight Band
นอกจากนี้ Vivo V19 ยังมีโหมด Selfie Softlight Band ที่ให้แสงนุ่มนวล ไม่สว่างจ้าจนเกินไป โดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอแสดงผลเป็นแฟลช เพื่อช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในที่ไม่มีแสง ได้อย่างสวยงามเสมือนถ่ายในสตูดิโอ
ทดสอบกล้องหลัง
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
Bokeh effect ซึ่งการละลายฉากหลังทำได้ดีมาก โดยให้ความละมุนดูมีความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดของเส้นขอบได้ค่อนข้างดี
สำหรับกล้องหลังมี Portrait light effect มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า โดยประกอบไปด้วย Studio light, Stereo light, Loop light, Rainbow light, Monochrome background
Pose Master
ฟีเจอร์นี้มีหลักการทำงาน ด้วยการแสดงตัวอย่างไกด์ไลน์ในการแอคติ้ง หรือการโพสท่าทางนั่นเอง โดยจะมีเส้นประแสดงควบคู่กับภาพแอคติ้งตัวอย่าง ซึ่งผู้ใช้งานเพียงแค่ให้แบบแสดงท่าทางตามตัวอย่างและจัดองค์ประกอบให้แบบเข้าไปอยู่ในเส้นประ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ภาพถ่ายที่สวยโดนใจไม่แพ้การโพสท่าจากนางแบบ นายแบบมืออาชีพกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังอัพเกรดความสารมารถด้วยสไตล์ทีเพิ่มขึ้นมาอย่างหลากหลาย รองรับการถ่ายรูปคู่หรือหมู่คณะได้อีกด้วย
AI Makeup
เป็นฟีเจอร์ “แต่งสวยหลังถ่ายเสร็จ” โดย AI Makeup มีโหมดที่ช่วยเปลี่ยนการแต่งหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งมีทั้ง Style ที่เป็นการแต่งหน้าสำเร็จรูปให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ,
โหมดบิวตี้ ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเติมเมคอัพเฉพาะส่วนได้ง่าย ๆ เช่นเติมสีลิปสติก บลัชออน และรูปแบบของคิ้ว
สุดท้ายคือฟีเจอร์ Slim ที่มีหลักการทำงานคล้าย ๆ กับ AI Body Shaping นั่นเอง โดยสามารถปรับแต่งรูปร่างให้ดูเพรียวบางสมส่วน เช่น ปรับในภาพรวมของรูปร่างหรือเฉพาะจุดที่ต้องการ เช่น ศีรษะ ไหล่ สะโพก ขา หรือเอวให้ดูเล็กลงได้เป็นต้น
ทั้งนี้ AI Makeup สนับสนุนเฉพาะในอัลบั้ม โหมดกล้องไม่รองรับ
ภาพต้นฉบับ
ใช้งาน AI Makeup
ประโยชน์ของ AI Makeup จะช่วยให้การแต่งหน้าดูทันสมัยมากขึ้น และสวยงามที่สุดในสไตล์ที่เราชื่นชอบนั่นเอง
ระบบ AI บน V19 มีการอัพเดตความสามารถขึ้นไปอีกระดับ ก่อนหน้านั้นเราสามารถปรับแต่งใรูปถ่ายของเราด้วย AI Makeup ทั้งในส่วนของใบหน้าและรูปร่างได้อย่างอิสระ เช่นอยากให้ใบหน้าเรียว ตาโต ขายาวสูงเพรียวขึ้นเป็นต้น
ล่าสุดฟีเอจร์ AI Image Matting มาพร้อมความสามารถในการไดคัทได้แบบมืออาชีพ สามารถเบลอหรือลบบุคคลออกจากในภาพ สามารถย่อ ขยายและเคลื่อย้ายภาพบุลคล ไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการ พร้อมทั้งเปลี่ยนพื้นหลังได้อย่างอิสระ เรียกว่าจบในตัวแอป ไม่ต้องเอามาไดคัดผ่าน PC แต่อย่างใด
และนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด็ด ๆ อีกมากมาย เช่น AI Video Filters, AI Video Editor, Ultra Stable Selfie Video, Art Portrait Video รอติดตามอ่านในรีวิวฉบับเจาะลึกกล้อง V19 ในเร็ว ๆ นี้ครับ
ภาพต้นฉบับ
ใช้งาน AI Image Matting
เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล
รูปนี้ทดสอบด้วยการ Crop 100% ที่ 2000×1500 พิกเซล ตัวภาพก็ยังสามารถนำมาใช้งานได้ แต่หากเป็นกล้องที่มีความละเอียดต่ำ ก็จะสูญเสียรายละเอียดในภาพรวมออกไป จนไม่สามารถนำมาใช้งานได้เหมือนในภาพตัวอย่างนี้
และอีกหนึ่งประโยชน์ของกล้องที่มีความละเอียดสูง ก็คือสามารถต่อยอดนำภาพไปใช้งานได้ยืดหยุ่น เช่นนำไปอัดขยายได้ภาพที่มีขนาดใหญ่และยังคงความคมชัดไว้ได้นั่นเอง
Normal mode
Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)
ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษถึง 120 องศา ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป
Zoom 2x
Super macro
Normal mode
Super macro
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน
Super Night Mode
โหมด Normal
Super Night Mode
Super Night Mode จะเป็นโหมดที่ใช้การถ่ายภาพซ้อนกันหลาย ๆ ภาพ จากสภาพแสงที่มีความแตกต่างกัน จากนั้นนำภาพที่ได้มารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้ภาพถ่ายกลางคืนหรือในที่แสงน้อย มีความสว่างและคมชัดโดยไม่ต้องพึ่งพาขาตั้งกล้อง
ซึ่ง Super Night Mode ไม่ได้ทำให้ภาพสว่างขึ้นมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยดึงดีเทลรายละเอียดของภาพกลับมาอีกทางหนึ่งด้วย สามารถดูการเปรียบเทียบได้จากภาพตัวอย่าง โดย
ภาพด้านล่างเมื่อเมื่อเปิดใช้ AI Night Mode แล้ว ภาพจะดูสว่างขึ้นและเพิ่มรายละเอียดในส่วนที่ขาดหายไปจากภาพด้านบน
สรุป Vivo V19
สมการรอคอยของแฟน ๆ ซีรีส์ V อย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าหากเคยประทับใจกับ Vivo V17 มาก่อน เชื่อว่าจะตกหลุมรัก Vivo V19 ยิ่งกว่า เพราะนี่คือการอัพเกรดในแบบรอบด้าน ทั้งเรื่องดีไซน์ที่พรีเมี่ยมขึ้น หน้าจอใหญ่ แสดงผลสวยงามคมชัดสมจริง กล้องหน้าเลนส์คู่ผสานกล้องหลังสี่เลนส์ ถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน
พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 712 รองรับการใช้งานได้เต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ทั้งการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ได้สบาย ๆ แถมเครื่องไม่ร้อนด้วยเทคโนโลยี ระบายความร้อนอัจฉริยะ เมื่อรวมกับแบตสุดอึดที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ส่งผลให้ Vivo V19 เป็นสมาร์ตโฟนระดับ Mid-range ที่มาพร้อมความครบครัน คุ้มค่า สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งานได้อย่างแน่นอน
Vivo V19 สี Gleem Black (ดำ) และ Sleek Silver (เงิน) จะวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 ในราคา 12,999 บาท
Vivo V19 เปิดให้ pre-order แล้วผ่านช่องทางออนไลน์
Lazada – https://bit.ly/2zB4l8g
JD Central – https://bit.ly/3aV8AbO