ไฮไลท์ฟีเจอร์ vivo T1 5G & T1x
vivo T1 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 778G 5G ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงระดับเรือธง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ได้ถึง 40% ตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดีเยี่ยมด้วยผลคะแนน AnTuTu สูงเฉลี่ย 5xx,,xxx พร้อมรองรับ 5G ทั้งแบบ NSA และ SA รวมถึงรองรับการใช้งานในแบบดูอัลโหมด( Dual-Mode) อีกด้วย
ด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ทำให้สามารถอัปเกรดหน่วยความจำ 8GB+4GB รวมเป็น 12 GB ซึ่งเป็นการนำพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง (ROM) ส่วนหนึ่งมาจัดสรรเพื่อใช้ร่วมกับ RAM หลัก หรือที่เรารู้จักในชื่อ Virtual Memory จึงสามารถใช้แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
vivo T1 5G มาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรม Vapor Chamber Cooling System สามารถกระจายความร้อนได้มีประสิทธิภาพที่สูงได้ยาวนานขึ้น มอบประสบการณ์เล่นเกมแบบเทอร์โบ ด้วยระบบระบายความร้อน 8 ชั้น ช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 12 องศา โดยมีพื้นที่ระบายความร้อนทั้งหมด 32923mm และมีแผ่นระบายความร้อนขนาด 2097mm ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแรกของตลาดสมาร์ตโฟนในช่วงเรตราคาเดียวกันอีกด้วย
Super Loudspeaker
นอกจากจะมีจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยม vivo T1 5G ยังมาพร้อม Super Speaker ที่ให้คุณภาพเสียงทรงพลัง ด้วยช่องเสียงขนาดใหญ่พิเศษ 0.9cc สามารถเพิ่มความดังได้สูงสุดถึง 71dB ให้เสียงที่คมชัด สมจริง ดื่มด่ำกับเสียงเพลงและภาพยนตร์ได้สมบูรณ์แบบในทุกโน้ต นอกจากนี้ยังรองรับคุณภาพเสียง Hi-Res Audio ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายอีกด้วย
Multi-Turbo 5.5
vivo T1 5G มาพร้อม Multi-Turbo 5.5 เวอร์ชันล่าสุด ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการเข้ามาช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงานอีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนด้วยส่วนประกอบสี่ประเภทเพื่อให้ความร้อนลดลงอย่างรวดเร็วแม้ขณะเล่นเกม
Ultra-Game Mode
Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันอัปเดตใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่, โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดพลังในการเล่นเกมออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
vivo T1 5G สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดการทำงานได้ตามความเหมาะสม ทั้งโหมดประหยัดแบตเตอรี่, โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพ
และนอกจากนี้ฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
Ultra-Game Mode ยังมาพร้อมฟีเจอร์อัดแน่นที่ช่วยให้การเล่นเกมได้เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture, Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น
และอีกหนึ่งจุดเด่นของ vivo T1 5G ก็คือการติดตั้ง Linear Motor มอเตอร์ส่งแรงสั่นสะเทือนในการเล่นเกมแบบ Z-Axis ที่มีการตอบสนองรวดเร็ว เล่นเกมได้อรรถรส และยังผสานเข้ากับฟีเจอร์ 4D Game Vibration หรือระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS
ประสบการณ์เล่นเกมแบบเทอร์โบ
เริ่มต้นกันด้วยเกม Asphalt 9 ที่สามารถปรับตั้งค่าคุณภาพกราฟิกได้ทั้ง “ค่าเริ่มต้นและคุณภาพสูง” โดยทั้งสองการตั้งค่า ไม่พบอาการแลค หรือหน่วงในขณะเล่นแต่อย่างใด ในภาพรวมถือว่าการเล่นเกม Asphalt 9 บน vivo T1 5G มีความสมูทลื่นไหลในระดับที่น่าพึงพอใจ
ต่อกันด้วย PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ UltraHD และเฟรมเรทระดับสูง ซึ่งในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความลื่นไหลที่ดีมาก ๆ เรียกว่าเล่นได้ไหลลื่น ไม่พบอาการหน่วงให้หัวร้อนอย่างแน่นอน
Call of Duty: Mobile ที่สุดของเกม Shooting บนมือถือ นำเสนอในมุมมองแบบ FPS โดย vivo T1 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกได้ในระดับ VERY HIGH และตั้งค่าเฟรมเรทได้ที่ระดับ HIGH เมื่อทดสอบเล่นจริง พบว่ามีความสมูทลื่นไหล ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ก็มีความสมจริง ไม่พบอาการสะดุดติดขัดมารบกวนใจในขณะเล่น
ปิดท้ายกันด้วย ROV อีกหนึ่งเกมฮิตของบ้านเรา โดยค่าเริ่มต้น ตั้งค่าภาพ HD ในระดับสูงมาก พร้อมการแสดงผลระดับสูงมูก รวมถึงสามารถเล่นในโหมดเฟรมเรทสูงได้อีกด้วย ซึ่งพบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ โดยไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับคุณภาพ Hardware ระดับเรือธง และฟีเจอร์ที่ให้มาแบบอัดแน่น ทั้ง Extended RAM และ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ vivo T1 5G เป็นสมาร์ตที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน
ด้านความปลอดภัย
vivo เป็นค่ายแรกที่นำเสนอ “นวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning” หรือการฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอัพเกรดและพัฒนาตัวเซนเซอร์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซนเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน vivo T1 5G รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 7 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน vivo T1 5G มีความรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ และยังสามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 5 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
The Best Display
พร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น ด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED Halo Fullview Display ใหญ่เต็มตาในขนาด 6.44 นิ้ว บนความละเอียด 2404 × 1080 (FHD+) พร้อมกับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz และมีอัตรา Contrast Ratio ที่ 6 ล้าน : 1 ให้ความสว่างสูงสุดที่ 1,300nit รองรับ HDR 10+ และ DCI-P3 ได้ถึง 100% จึงให้สีสันที่สวยงามสมจริง รองรับความคมชัดระดับ HD Netflix รวมถึงยังมาพร้อมโหมดป้องกันดวงตาที่ผ่านการรับรองโดย SGS Display อีกด้วย
vivo T1 5G ให้แบตเตอรี่ความจุ 4700mAh รองรับชาร์จเร็ว 66W FlashCharge ใช้งานได้อย่างยาวนาน พร้อมที่สุดแห่งการชาร์จไว มอบประสบการณ์ชาร์จไวได้ในพริบตา หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่อีกต่อไป โดยสามารถชาร์จได้ 50% ในเวลาเพียง 18 นาที
ส่วน vivo T1x มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000mAh (TYP) รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว FlashCharge 18W และเทคโนโลยี VEG ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานครบวัน