ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
ลื่นไหลกว่าเดิมด้วย Funtouch OS 12 บนพื้นฐานของ Android 12 ใหม่ล่าสุดของสมาร์ตโฟนภายในค่ายอีกด้วย โดยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 นำเสนอชุดไอคอนและวิดเจ็ตใหม่ที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำ และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยที่ไม่ต้องกดเปิดแอปพลิเคชัน สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ และยังสติ๊กเกอร์ที่สามารถแสดงการบันทึก เตือนความจำ คำคมสร้างแรงบันดาลใจ และอีกมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่พลาดข้อมูลสำคัญอีกต่อไป อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งสี และรูปภาพพื้นหลัง เพื่อทำให้หน้าจอหลักดูมีเอกลักษณ์ในสไตล์ของตนเอง
Jovi Home
เมื่อเลื่อนหน้าจอจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาของหน้าโฮมเพจ จะเข้าสู่ Jovi Home ซึ่งเป็นหน้าหลักที่รวบรวมแอปพลิเคชันทั้งหมดไว้ด้วยกัน พร้อมการออกแบบสไตล์การ์ดที่ใช้งานง่าย โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
Shortcuts – ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง แอปพลิเคชันการล้างพื้นที่เครื่อง เครื่องคิดเลข ล็อกแอปพลิเคชัน และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Suggestions – คำแนะนำที่สามารถแจ้งเตือนอัจฉริยะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเวลาพักผ่อน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
My Services – สามารถปรับแต่งตามความสนใจของคุณ เช่น เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา ข้อมูลด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ และการพยากรณ์อากาศ
Dynamic Effects จะช่วยเสริมการใช้งานสมาร์ตโฟนของเราให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์สำหรับการตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวเช่นเอฟเฟกต์จดจำใบหน้า และการชาร์จเป็นต้น
ฟีเจอร์ EasyShare ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
โดย EasyShare ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ หมดปัญหาข้อมูลหายหลังจากเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่อีกต่อไป
Dark Mode ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบรื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของผู้ใช้งาน โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ Dark Mode จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
vivo V23 5G มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี 5G ในแบบ dual mode SA&NSA / VoNR และรองรับ 5G+5G dual SIM standby รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูง มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวิดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอปโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ฯลฯ ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
สำหรับโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซนเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน, ปลดล็อกด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
Picture-in-Picture ฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีมาให้ใช้งานอย่างยาวนาน ก็คือโหมดการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชันไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน ฟีเจอร์นี้จึงช่วยให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างไร้กังวลมากขึ้น
ซึ่งบน vivo V23 5G นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนของจอแสดงผล ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ถือว่าจัดเต็มโดย vivo V23 5G มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันการใช้งานในภาพรวมได้อย่างครอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซฟไฟล์ การล็อกซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด และยังเพิ่มการป้องกันอีกขั้นสำหรับโทรศัพท์ของผู้ใช้งาน โดยเมื่อตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ จะต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อปิด ซึ่งวิธีนี้จะป้องกันไม่ให้โทรศัพท์ที่ถูกขโมยของคุณถูกปิด เพิ่มโอกาสในการค้นหาโทรศัพท์ให้ได้กลับคืนมามากขึ้น
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัจฉริยะ iManager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน สามารถตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ตโฟนของคุณทั้งสแกนไวรัส และระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมาพร้อมความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ, ระบายความร้อน, สำรองข้อมูล, และจัดการด้านพลังงานเป็นต้น
Multi-Turbo
vivo V23 5G จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วในการเล่นเกมด้วย Multi-Turbo เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน ได้อีกทางหนึ่งด้วย
Ultra-Game Mode มาพร้อมเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด ซึ่งสามารถเลือกการทำงานได้ถึงสามโหมดตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดแบตเตอรี่ โหมดสมดุล และโหมดประสิทธิภาพที่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้แบบเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังสามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความต่อเนื่องไร้การรบกวนจากแจ้งเตือนข้อความและการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพแบบสัมผัสเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอในขณะเล่นเกมที่เกิดจากการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
รวมถึงยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น 4D Game Vibration ระบบสั่น 4 มิติ ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในเกม FPS , เอฟเฟ็กต์เครื่องเปลี่ยนเสียง, Game Picture-in-Picture, Do Not Disturb, Esports Mode เป็นต้น
Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สำหรับครับคอเกม โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ ที่มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ Game Space ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
vivo V23 5G แม้จะมีดีไซน์ที่บางเบา แต่ก็ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4200mAh เมื่อผสานกับชิปเซ็ต Dimensity 920 ที่ใช้เทคโนโลยีชิปเซ็ต 6nm ชั้นนำ มีความเสถียรมากขึ้น และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ช่วยให้ใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าที่เคย มอบความเพลิดเพลินกับการใช้งานได้ตลอดวัน
ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องซีเรียสแต่อย่างใดเพราะ vivo V23 5G รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี FlashCharge 44W ไม่ว่าจะถ่ายรูป ฟังเพลงหรือเล่นเกม ก็พร้อมให้คุณใช้งานได้ตลอดเวลา
ประสิทธิภาพ
vivo V23 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G บนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core (2×2.5 GHz Cortex-A78 & 6×2.0 GHz Cortex-A55) ผสานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G68 MC4
คะแนนในภาพรวม vivo V23 5G นั้นแรงขึ้นจาก vivo V23e 5G ที่รันบนชิปเซ็ต Dimensity 810 5G แบบสัมผัสได้ชัดเจน เมื่อดูจากแอปฯ Geekbench5 ประสิทธิภาพในการรับส่งเพิ่มมากขึ้นถึง 19% และเมื่อเปรียบเทียบกับ D820 รุ่นก่อน สามารถเชื่อมต่อ WiFi6 ได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม ต้องบอกเลยว่า vivo V23 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางค่อนไปทางสูง ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมได้ดีอีกหนึ่งรุ่นของตลาด ณ ปัจจุบัน
สำหรับเซนเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ในส่วนของภาครับสัญญาณ GPS พบว่ามีความเร็วและความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player บน vivo V23 5G มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย vivo ทำให้การถ่ายทอดเสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง vivo V23 5G นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
สำหรับ Video Player บน vivo V23 5G รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
vivo V23 5G สามารถตั้งค่ากราฟิคของตัวเกมในระดับสูงสุดได้เกือบทุกเกม เมื่อลองทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, ROV, Asphalt 9 ไม่พบอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น แต่เมื่อลอง Genshin Impact ในช่วงตะลุมบอนหมู่ ศัตรูมาเยอะ ๆ ก็เจอหนืด ๆ บ้างเล็กน้อย แต่ในภาพรวมเล่นได้ทุกเกมแบบตั้งค่าสูงสุด แถมยังไม่ร้อนอีกด้วยเพราะ vivo V23 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 920 5G และโมดูลระบายความร้อนแบบ unibody อะลูมิเนียมอัลลอยใหม่ทั้งหมด เมื่อผสานด้วย Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถสนุกไปกับการเล่นเกมที่เร็วขึ้นและความบันเทิงที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม