ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหน้าเซลฟี่ 10MP (หน้าจอด้านนอก)
Samsung Galaxy Z Fold4 ติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ไว้ 2 ตัวด้วยกัน โดยตัวแรกอยู่ที่หน้าจอด้านนอกความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2. ขนาดพิกเซล 1.22μm และ FOV 85˚ (ถ่ายมุมกว้างได้ 85 องศา) โดยมีหน้าตา User Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที ได้แก่ การตั้งค่ากล้อง, เปิดปิดไฟแฟลช, การตั้งเวลาถ่ายภาพ, สัดส่วนภาพถ่าย, ภาพถ่ายเคลื่อนไหว และการเพิ่มฟิลเตอร์แบบต่างๆ
โดยในโหมดถ่ายภาพปกติผู้ใช้สามารถปรับองศาของกล้องหน้าได้ทั้งหมด 2 ระดับคือ การถ่ายภาพเซลฟี่เดี่ยว และการถ่ายภาพเซลฟี่กลุ่ม และถ่ายภาพได้ในความละเอียดสูงสุด 2004 x 2672 พิกเซล
รวมทั้งมีโหมด Single Take,โหมด Portrait ที่ช่วยปรับความเบลอของฉากหลัง รวมถึงผิวของบุคคล, โหมด Pro, โหมด Pro Video, โหมดกลางคืน, โหมดอาหาร, โหมด Panorama, โหมด Super Slow-Mo, โหมด Slow Motion, โหมด HYPERLAPSE, โหมด Portrait Video และโหมดมุมมองผู้กำกับ รวมทั้งมีโหมด Bibxy Vision กับ AR Zone และยังสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงถึง 4K UHD@60fps
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยยังไม่เปิดใช้งาน AI Beauty
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ระดับ 2
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ระดับ 3
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Portrait
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 12 แบบ และฟิลเตอร์ส่วนตัวอีก 5 แบบ
ส่วนกล้องเซลฟี่อีกตัวเป็นกล้อง Under Camera display 2.0 ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, ขนาดพิกเซล 2.0μm และ FOV 80˚ (ถ่ายมุมกว้างได้ 80 องศา) ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอแสดงผลด้านใน รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่เดี่ยว และการถ่ายภาพเซลฟี่กลุ่ม ถ่ายภาพนิ่งได้ในความละเอียดสูงสุด 1392×1856 พิกเซล และถ่ายวิดีโอ ในความละเอียดสูง FHD@60fps
ทดสอบกล้องหน้า Under Camera display 2.0
สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่อยู่ในหน้าจอแสดงผลด้านในเหมาะสำหรับใช้ Video Call หรือประชุมผ่านแอปมากกว่า เพราะไม่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ และความคมชัด สีสัน ความสวยงามก็ยังสู้กล้องหน้าที่อยู่หน้าจอแสดงผลด้านนอกไม่ได้ แนะนำว่าถ้าอยากถ่ายเซลฟี่สวยๆ ให้ใช้กล้องที่อยู่หน้าจอแสดงผลด้านนอกดีกว่าครับ
กล้อง AI หลัง 3 เลนส์ 50MP
Samsung Galaxy Z Fold4 มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 (wide), 1.0µm, Dual Pixel PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 12mm, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 123 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, 66mm, 1.0µm, PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมออปติคอล 3x
สำหรับโหมดถ่ายภาพมาพร้อมอินเทอร์เฟซที่คุ้นเคย ด้านบนมีแถบเมนูการตั้งค่ากล้อง, เปิดปิดไฟแฟลช, การตั้งเวลาถ่ายภาพ, สัดส่วนภาพถ่าย และการเพิ่มฟิลเตอร์แบบต่างๆ
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมด Single Take, โหมด FUN, โหมดวิดีโอ, โหมดโปร, โหมดพาโนรามา, โหมดอาหาร, โหมดกลางคืน, โหมดมาโคร, โหมด Super Slow-Mo, โหมด Slow Motion และโหมด Hyperlapse
เริ่มทดสอบกันที่กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซลที่อัปเกรดจากความละเอียด 12 ล้านพิกเซลใน Galaxy Z Fold3 ทำให้คุณภาพกล้องของ Galaxy Z Fold4 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยโทนภาพยังเน้นไปที่ความสดใสและเคลียร์ตามสไตล์ซัมซุง รวมถึงการละลายฉากหลังที่เนียนมากขึ้นเพราะด้วยเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น บวกกับ AI ที่ฉลาดช่วยปรับภาพให้สวย และ Dynamic Range ที่กว้างมาก ทำให้ถ่ายภาพย้อนแสงหรือแสงน้อยออกมาให้ดีจริงๆ
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 6120×4080 พิกเซล (50MP) ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K@30fps พร้อมซูมแบบดิจิทัลได้ 10 เท่า
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ระดับ 4
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ระดับ 8
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 12 แบบ และสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมปรับฟิลเตอร์ส่วนตัวที่มีให้เลือก 5 แบบ
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait
กล้องของ Samsung Galaxy Z Fold4 ยังมีโหมด Single Take ที่ทำให้การถ่ายภาพสนุกมากยิ่งขึ้น แชะเดียวได้มากถึง 10 รูป โดยใช้ AI ช่วยจับภาพนิ่งและวิดีโอที่แตกต่างกันในช่วงเวลา 3 – 10 วินาที เพื่อเลือกภาพที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 10 แบบทั้งภาพนิ่ง, ถ่ายภาพฟิลเตอร์, คลิปวิดีโอ และภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ในแบบต่างๆ ให้อัตโนมัติ
และสามารถนำภาพ วิดีโอไปใช้ได้หลากหลาย ทั้งอัป Facebook, Instagram หรือ TikTok ได้ทันที โดยโหมด Single Take นี้ รองรับทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
ทดสอบ Night Mode หรือโหมดกลางคืน ที่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือกลางคืนออกมาคมชัด
ต่อด้วยกล้องเลนส์ Ultra Wide ที่ยังคงความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.2 เท่ากับรุ่นก่อน แต่มาพร้อมความฉลาดของ AI ที่พัฒนาขึ้นมาก ทำให้ถ่ายออกมาสวยกว่าเดิม ทั้งความคมชัด และ Dynamic Range ที่ใกล้เคียงกับกล้องหลัก โดยโทนสียังความสดใส และสีนที่เป็นธรรมชาติ การปรับ Distortion หรือลดความบิดเบี้ยวของภาพก็ทำได้ดี อาจจะมีจุดที่เบี้ยวอยู่บ้างแต่ก็ใช้งานได้จริง ไม่โค้งมากเกินไป
และกล้องเลนส์ Telephoto ที่แม้ความละเอียดจะลดลงเหลือ 10 ล้านพิกเซลจากรุ่นก่อนที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่ก็อัปเกรดการซูมแบบ Optical เพิ่มเป็น 3X และซูมแบบดิจิทัลได้มากถึง 30X เลยทีเดียว เท่าที่ลองใช้งานจริงกล้องตัวนี้คุณภาพดีมาก โดยการซูม 3X ถือว่าภาพออกมาสวยคมชัดตามสเปก แต่การซูม 5X หรือ 10X ก็ทำได้ดีด้วย AI ที่ฉลาดมาช่วยประมวลผล
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
