ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Samsung Galaxy Z Fold4 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 12L และครอบทับด้วย One UI 4.1.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเฉพาะสมาร์ทโฟนจอพับเลย มีหน้าตาสวยงามและใช้งานได้ง่าย แถมใช้งานกับหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ยังมีความลื่นไหลมากอีกด้วย ทั้งการเข้าออกแอป หรือการเลื่อนหน้าจอ ประทับใจตรงนี้มาก
สามารถเลือกเปลี่ยนภาพพื้นหลัง ธีม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จาก Galaxy Themes และเลือกวิดเจ็ดมาวางบนหน้าจอได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้ตัว UI จะมีการปรับแยกส่วนกันชัดเจนระหว่างหน้าจอด้านนอกกับหน้าจอด้านใน ทั้งการวางไอคอนแอป Widget หรือ Wallpaper ซึ่ง UI ด้านนอกก็จะเหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไป ส่วนด้านในทั้งหน้า Setting หรือการใช้งานแอปอื่น ๆ ก็จะเป็นแบบแท็บเล็ตไปเลย เหมือนเรามีทั้งสมาร์ตโฟนจอเล็กและแท็บเล็ตอยู่ในร่างเดียวกันเลยครับ
รวมทั้งมีแถบ Taskbar เพิ่มเข้ามาบริเวณด้านล่างของหน้าจอ ช่วยให้สลับแอปได้อย่างรวดเร็ว เหมือนระบบปฎิบัติการ Windows บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องกดเข้าและออกเพื่อเปลี่ยนไปแอปใหม่ และยังสามารถแตะค้างที่ไอคอนแล้วลากออกมาเพื่อเปิดแอปให้โหมดแบ่งหน้าจอ (split-screen) ได้ทันทีอีกด้วย
โดยแถบ Taskbar จะถูกซ่อนโดยอัตโนมัติในแอปที่แสดงผลเต็มจอ เช่น ถ้าเล่นเกม หรือดู YouTube ซึ่งถ้าเป็นแอปทั่วไปก็จะแสดงตลอด แต่สามารถตั้งค่าซ่อนแถบ Taskbar ได้โดยเข้าไปที่เมนู Settings > Display > Taskbar > เลือก Show and hide with touch and hold
นอกจากการดึงแอปขึ้นมาจากแถบ Taskbar แล้ว OneUI 4.1.1 บนระบบปฎิบัติการ Android 12L ยังมี Gesture ใหม่ที่สามารถแบ่งหน้าจอ Multi-tasking with taskbar ใช้งาน 3 หน้าจอพร้อมกันได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการใช้ 2 นิ้วปาดจากด้านซ้ายเข้ามาที่หน้าจอ แต่ตัว Gesture จะถูกปิดอยู่ในค่าเริ่มต้นต้องตั้งค่าเปิดใช้งานก่อน โดยเข้าไปที่เมนู Settings > Advanced Feature > Labs > เปิด Swipe for split screen
รวมทั้งรองรับ Pop-up Windows โดยใช้นิ้วแตะที่มุมบนด้านซ้ายหรือขวาของหน้าจอแล้วลากลงมาเพื่อทำ Pop-up View ในขนาดที่ต้องการได้พร้อมกับใช้งานแอปอื่นไปด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็เหมือนตัว Gesture ต้องตั้งค่าเปิดใช้งานก่อน โดยเข้าไปที่เมนู Settings > Advanced Feature > Labs > เปิด Swipe for pop-up view
โดยรวมแล้ว Multi-tasking with taskbar บน Galaxy Z Fold4 ช่วยทำให้เราใช้งานได้หลากหลายและสะดวกขึ้นกว่าเดิม บวกกับ OneUI 4.1.1 บนระบบปฎิบัติการ Android 12L ก็ยิ่งทำให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลทั้งการสลับแอปไปมา ย่อขยายแอปใน Multi-windows หรือใช้งานหลายๆ แอปพร้อมกัน ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วงให้เห็นเลย
อีกหนึ่งความสามารถเด่นของ Galaxy Z Fold4 ก็คือ Flex Mode หรือการทำงานร่วมกับการพับหน้าจอ ซึ่ง Galaxy Z Fold4 สามารถปรับระดับของหน้าจอได้หลากหลายไม่เพียงแค่พับกับกางเท่านั้น ซึ่งถ้ากางจอออกมาสักครึ่งหนึ่งประมาณ 90-120 องศาก็สามารถวางบนโต๊ะใช้งานเหมือนแล็บท็อปได้ แต่พิเศษกว่าตรงที่เหมือนมี 2 หน้าจอ เช่น ถ้าเราเปิด YouTube แล้วพับจอเข้าหากัน หน้าจอบนจะเป็นวิดีโอ ส่วนหน้าจอล่างก็จะเป็นส่วนของคอมเมนต์หรือความคิดเห็นให้อ่านไปพร้อมกันได้
ความพิเศษของ Flex Mode ยังไม่ได้มีแค่นี้ เพราะถ้าหากเปิดดูในแอปวิดีโออื่นๆ เช่น Netflix, Prime Video เป็นต้น สามารถตั้งค่าให้มีแถบควบคุมได้ จะเลือกปรับเสียง เลือกปรับความสว่าง เลือกข้ามไปนาทีที่ต้องการดู หรือใช้เป็น Touch Pad เพื่อควบคุมเม้าส์บนหน้าจอด้านบนก็ทำได้ด้วย
และถ้าเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพด้วย Flex Mode ที่แบ่งหน้าจอเป็น 2 ส่วนก็สามารถตั้งถ่ายภาพได้ในหลากหลายมุมมอง จะตั้งเครื่องแล้วกางจอขึ้นไปเพื่อให้ได้มุม Ant eye view ก็สามารถเลือกปรับ Viewfinder ให้อยู่ที่หน้าจอส่วนไหนก็ได้ โดยจอด้านบนก็จะจอของกล้อง ส่วนจอด้านล่างด้านซ้ายเป็นภาพจากกล้องที่เพิ่งถ่ายไป และด้านขวามีปุ่มควบคุมใช้งานกล้องต่างๆ ถือเป็นอีกมิติของการถ่ายภาพมือถือเลยทีเดียว
ด้วยหน้าจอแสดงผลหลักด้านในของ Galaxy Z Fold4 ที่มีขนาดกว้าง 7.6 นิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์งาน หรือแก้ไขเอกสารต่างๆ ได้สะดวก เหมือนกับใช้งานบนแท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป รวมทั้งจัดการกับงานที่หลากหลายซึ่งซับซ้อนกว่าเพียงแค่อ่านหรือส่งอีเมล์ด้วยสมาร์ตโฟนของคุณ
ส่วนหน้าจอแสดงผลด้านนอกของ Galaxy Z Fold4 ก็กว้างขึ้นเช่นกัน ทำให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น โดยความกว้างของหน้าจอแสดงผลด้านนอกเพิ่มขึ้นในขณะที่ความยาวลดลง ทำให้อัตราส่วนภาพใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนทั่วไปอื่นๆ ด้วยความกว้างที่กว้างกว่า จึงสามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติส่วนใหญ่ได้อย่างสะดวกสบาย เช่น การพิมพ์ตัวอักษร หรือดูวิดีโอ โดยไม่ต้องกางโทรศัพท์ออก
Galaxy Z Fold4 ยังรองรับ S-Pen ด้วยไว้ให้ขีดเขียนวาดรูปได้ ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันการทำงานครบครันตามสไตล์ Samsung ที่เก่งด้านการจดโน้ตต่างๆ อยู่แล้ว โดยมีแอปที่รองรับพร้อมใช้งานได้เลยไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ให้เสียเวลา เหมาะกับสายทำงานที่ต้องจดบันทึก หรือเซ็นอะไรจบได้ในเครื่องนี้เลย
สำหรับ S-Pen เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อแยกเพิ่มเติม และซื้อเพิ่มกับเคสที่เก็บ S-Pen ทำให้สามารถพกปากกาติดไปกับเครื่องได้สะดวกขึ้น
ในส่วนของความปลอดภัยรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รวมถึงติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
ประสิทธิภาพ
Samsung Galaxy Z Fold4 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1 บนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร ประมวลผล Octa Core ความเร็ว 3.19GHz ผสานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730 ที่เร็ว แรงสุดในสมาร์ตโฟน Android ตอนนี้เลย บวกกับ RAM ที่ให้มาถึง 12GB และหน่วยความจำภายใน 256GB/512GB และสูงสุด 1TB เรียกว่าเป็นสเปกเรือธงที่แรงใช้ได้เลยครอบคลุมทุกการใช้งานตั้งแต่ใช้งานทั่วไปไปจนถึงการเปิดใช้งาน Multitask แบบหนักๆ ได้อย่างสบาย ไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นเลย
ผลทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป AnTuTu
ผลทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป GeekBench 5
ทดสอบการเล่นเกม
Samsung Galaxy Z Fold4 รองรับการเล่นเกมทั้งหน้าจอแสดงผลด้านนอก และด้านใน ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 8+ Gen 1 ที่การรันตีความแรงบวกกับ RAM แบบ LPDDR5 และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 จะเปิดเกมไหนก็รวดเร็ว เลือกปรับกราฟิกสูงๆ ได้สบาย ยิ่งถ้าเล่นบนหน้าจอด้านในที่กางออกมารู้สึกดีมากๆ เพราะจอกว้างมองเห็นได้เต็มตา และเวลาถือเล่นก็ไม่รู้สึกหนักเท่ากับถือแท็บเล็ต
เริ่มที่ Asphalt 9 เกมแข่งรถที่มีภาพสุดสวยกันก่อน โดยตั้งค่าคุณภาพภาพระดับสูง ซึ่งถ้าเล่นด้านหน้าจอแสดงผลก็จะเห็นมุมมองที่กว้างแบบชัดเจน ทำให้เห็นได้เยอะ แต่จะเห็นรถยนต์คันเล็ก ขณะที่ถ้าเล่นบนหน้าจอแสดงผลด้านในที่กางหน้าจอออกมาก็จะเป็นอีกสัดส่วนหนึ่งเห็นรถยนต์ขนาดใหญ่ แต่ฉากในเกมจะเล็กลง โดยรวมแล้วสามารถเล่นได้ลื่นไหลดีมาก และสามารถสลับสลับไปเล่นในแบบหน้าจอหลักหรือจอนอกได้แบบทันทีโดยที่ไม่ต้องกดออกจากเกม
ต่อด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดยค่าเริ่มต้น ตั้งค่าภาพ HD ในระดับสูงมาก และการแสดงผลระดับสูง พร้อมเลือกเฟรมเรทสูง โดยรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 60fps แบบต่อเนื่อง ในภาพรวม Samsung Galaxy Z Fold4 นั้นถือว่าแรงพอที่จะตีป้อมได้อย่างสมูทไหลลื่น โดยไม่หัวร้อนอย่างแน่นอน
ปิดท้ายด้วย PUBG Mobile ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ “HDR HD” และเฟรมเรทระดับสูงสุด ซึ่งในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความสมูทต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกถึงอาการหน่วงแต่อย่างใด
ต้องบอกก่อนว่าอัตราส่วนหน้าจอของ Galaxy Z Fold4 ทั้งหน้าจอแสดงผลด้านนอก และด้านในยังไม่มาตรฐานสำหรับเล่นเกม ทำให้เวลาเล่นเกมถ้าไม่ยาวก็จัตุรัสเลย แต่ทางซัมซุงก็มีวิธีแก้ไขปัญหานี้หากต้องการเล่นเกมด้วยอัตราส่วนหน้าจอปกติ ด้วยฟีเจอร์ปรับสเกลของแต่ละแอปได้เอง โดยเข้าไปที่เมนู Settings > Display > Full Screen Apps > เลือกเกม และปรับเป็น 16:9
ซึ่งทางทีมงานได้เลือกสเกล 16:9 กับเกม PUBG Mobile เพื่อที่จะเล่นเกมบนหน้าจอในแบบที่ถนัดขึ้น ผลปรากฎว่าสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นในแบบที่คุ้นเคย แถมยังสามารถเลื่อนหน้าจอไว้ส่วนบน หรือตรงกลาง และส่วนล่างของหน้าจอได้อีกด้วย ทำให้การแตะกดปุ่มในเกมสะดวกขึ้น
แบตเตอรี่ 4400mAh
Samsung Galaxy Z Fold4 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4400mAh สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 4G และ Wi-Fi ได้นานต่อเนื่องสูงสุด 16 ชั่วโมง เล่นวิดีโอได้นานต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง เล่นเพลงได้นานต่อเนื่องสูงสุด 72 ชั่วโมง และสนทนาได้นานต่อเนื่องสูงสุด 39 ชั่วโมง และรองรับขาร์จไว Super Fast Charging สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 50% ได้ภายใน 30 นาทีด้วยอแดปเตอร์ชาร์จไว 25W หรือสูงกว่า รวมทั้งรองรับชาร์จไวแบบไร้สาย Fast wireless charging 2.0 และ Wireless PowerShare
เท่าที่ใช้งานแบบจริงจังเป็นเครื่องหลักมา 1 สัปดาห์ก็ถือว่าใช้งานได้ตลอดทั้งวัน โดยชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้วเริ่มใช้งานตั้งแต่ 7 โมงเช้าทั้งการใช้งานทั่วไปเช็คอีเมล์ เล่นโซเชี่ยล ถ่ายรูป และเล่นเกม เชื่อมต่อผ่าน 5G พอถึง 1 ทุ่มแบตเตอรี่ยังเหลือเกือบ 30% ถือว่าใช้ได้เลย ใช้งานต่อเนื่องประมาณ 4-5 ชั่วโมงได้สบายๆ รู้สึกเลยว่าแบตอึดขึ้นกว่ารุ่นก่อน