เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Samsung Galaxy S24 FE สมาร์ตโฟนซีรีส์ที่หลายคนอาจคิดถึงแค่เพียงคำว่า Fan Edition แต่ในปีนี้คำว่า FE ยังสื่อได้ถึง Flagship Experience หรือประสบการณ์ระดับเรือธงรุ่นท็อปของค่ายด้วยครับ
เพราะ Galaxy S24 FE เป็นรุ่นคัดสเปกเน้น ๆ มาแล้วว่าจะมอบประสิทธิภาพระดับสูงสำหรับคนงบจำกัด ประมาณ 20,000 บาทนิด ๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการทำคอนเท้นต์ เพราะในงบเพียงเท่านี้ แต่สามารถถ่ายภาพวีดีโอได้ในระดับ 8K @30fps ซึ่งมีเฉพาะรุ่นระดับท็อปๆ เรือธงเท่านั้นถึงจะให้ฟีเจอร์นี้มา ทำให้สามารถถ่ายวีดีโอแล้วค่อยมาซูมครอปภาพทีหลัง ก็ยังได้ภาพที่สวยคมชัดมากกว่าการถ่ายวีดีโอแบบเดิม ๆ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ที่ความถี่ 120Hz ให้ภาพที่คมชัด สีสดใสสวยงาม ให้ชิปเซ็ต Exynos 2400e ซึ่งเป็นชิประดับเรือธง ที่พัฒนาด้วยสถาปัตยกรรม 4nm แบตเยอะ ชาร์จเร็ว และที่สำคัญ ยังมาพร้อม Galaxy AI ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่นำ AI มาให้ใช้กันแบบจัดเต็ม และยังเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่รองรับภาษาไทยด้วย ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
เห็นคุณสมบัติจัดเต็มขนาดนี้ ดังนั้นไม่รอช้า ไปติดตามชมรีวิวกับพวกเราได้เลยครับ จุดไหนใช้แล้วดี หรือมีข้อสังเกตตรงไหนบ้าง เราจะเล่าให้ฟังกันครับ
สเปก Samsung Galaxy S24 FE
ขนาด | 77.3 X 162.0 X 8.0 มม. |
น้ำหนัก | 213 กรัม |
หน้าจอ | ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ใช้หน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X รองรับความถี่ 120Hz Adaptive refresh rate (60/120Hz) พร้อมเทคโนโลยี Vision Booster |
หน่วยประมวลผล | Exynos 2400e (4nm) เป็นชิปแบบ 10-Core (1x 3.1 GHz + 2x 2.9 GHz + 3x 2.6 GHz + 4x 1.95 GHz), GPU Xclipse 940 |
RAM | 8GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB/256GB |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | Android 14 ครอบทับด้วย One UI 6.1 |
เชื่อมต่อ | 5G*, LTE**, Wi-Fi 6E***, Wi-Fi Direct, Bluetooth v5.3 |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 50MP รองรับกันสั่น OIS f/1.8กล้อง Ultrawide 12MP f2.2 FOV 123˚กล้อง Telephoto 3X Optical Zoom, OIS, f/2.4 กล้องหน้า 10MP f/2.4 |
รองรับระบบ | Dual Slot แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 19003G : HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 21004G LTE5G SA/NSA/Sub6 |
แบตเตอรี่ | 4,700 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 25W Fast Charging และรองรับระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย Wireless Charging 2.0 |
สี | Blue, Graphite และ Mint |
ราคา | RAM 8GB+128GB ราคา 22,900 บาท RAM 8GB+256GB ราคา 25,900 บาท |
ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมเทคโนโลยี AI และถ่าย 8K @30fps สำหรับสายคอนเทนต์
Galaxy S24 FE เป็นสมาร์ตโฟนที่ถูกพัฒนามาสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงครับ ในยุคที่ทุกคนสามารถเป็น VDO คอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้ สมาร์ตโฟนรองรับการถ่ายระดับสูง 8K ที่เฟรมเรท 30fps ช่วยให้การถ่ายทำได้ง่ายขึ้น เพราะการถ่ายที่ความละเอียดสูง เวลาครอปภาพซูมเนื้อหาจะได้ภาพที่คมชัดมากกว่าโดยที่ไม่เสียคุณภาพของภาพ
กล้องถ่ายภาพด้านหลังให้มาทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระยะเลนส์กว้าง 24 มม. รองรับการโฟกัสภาพแบบ dual pixel PDAF
กล้องตัวที่สองเป็นกล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่รองรับการซูม 3x แบบ Optical Zoom และซูม Digital ได้สูงถึง 30x มีรูรับแสง f/2.4 ระยะเลนส์ 75 มม. รองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF
ทั้งสองเลนส์ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) ทำให้ถ่ายภาพได้คมชัด สวยระดับมือโปร มอบความสามารถการถ่ายภาพระยะไกล ที่สามารถซูมไกลได้ถึง 30 เท่า ช่วยคุณไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญ
และกล้องตัวที่สามเป็นกล้องเลนส์ Ultrawide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ระยะเลนส์มุมกว้าง 123 องศา เหมาะสำหรับการเก็บภาพวิวหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการเก็บบรรยากาศโดยรอบที่สวยงาม
อินเทอร์เฟซของกล้อง Samsung Galaxy S24 FE จะมาในลักษณ์ UI ของซัมซุงที่คุ้นเคยครับ คือด้านบนมีแถบเมนูกล้องต่าง ด้านล่างมีโหมดการถ่ายภาพ Gallery ปุ่มชัตเตอร์ และปุ่มสลับกล้องหน้า/หลัง
โหมดการถ่ายภาพหลักก็มาครบครับ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Auto (รูปถ่าย), ภาพบุคคล, วีดีโอ, โปร, Pro Video, กลางคืน, อาหาร, พาโนรามา, Slow Motion, Hyperlapse, วีดีโอภาพบุคคล, บันทึกคู่ (ถ่ายทั้งกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน) และซิงเกิ้ลเทค
ในส่วนของการถ่ายวีดีโอ กล้องหลังรองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 8K@30fps, 4K@30fps/60fps, Full HD@30fps/60fps และ HD@30fps หรือการถ่ายสโลโมชั่นนั่นเอง
ทดสอบการซูมด้วยกล้อง Galaxy S24 FE
นอกจากนี้ ระบบกล้องของ Galaxy S24 FE ยังมาพร้อม ProVirsual Engine ที่พัฒนาโดยซัมซุงและถูกนำมาใช้ครั้งแรกบนสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ซึ่งระบบจะมีการนำอัลกอริธึม AI ที่ล้ำหน้ามาทำงานร่วมกับกล้องหลัก 50MP Adaptive Pixel บนอุปกรณ์ ช่วยให้ได้ภาพแบบออปติคอลซูม 2x ไปจนถึง 3x ที่เป็นการซูมแบบไม่เสียรายละเอียดด้วยเลนส์ และยังมีระบบ AI Zoom ช่วยปรับปรุงภาพถ่ายให้คมชัดในทุกระยะการซูมอีกด้วย
และยังมีระบบ Object-Aware Engine ที่สามารถจดจำซีนและปรับแต่งสีในโหมด Super High Dynamic Range (HDR) ช่วยยกระดับภาพและวีดีโอให้มีสีสันสวยงามสมจริงเหมือนกับตาเห็น รวมถึงโหมด Nightography ช่วยประมวลผลภาพถ่ายในเวลากลางคืนด้วย AI (ISP) ทำให้เพิ่มความคมชัด ลด Noise ยกระบบภาพพอร์ตเทรดในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี
และอีกหนึ่งฟีเจอร์สนุก ๆ อย่าง Single Take ก็มีมาให้ใช้บนสมาร์ตโฟนรุ่นนี้เช่นกันครับ โดยเป็นโหมดที่ให้เราถ่ายภาพเพียงช็อตเดียว แต่ได้ภาพพร้อมกันถึง 10 รูปทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพก่อนแล้วค่อยเลือกซีนที่ต้องการในโหมดต่าง ๆ ได้พร้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง, ถ่ายภาพฟิลเตอร์, คลิปวิดีโอ และภาพเคลื่อนไหวสั้น ๆ ในแบบต่าง ๆ ให้อัตโนมัติ และโหมดนี้สามารถใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วย ทำให้เราสามารถสร้างคอนเท้นต์สนุก ๆ ได้ในการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
กล้องหน้า In-Display Selfie 10MP
ในส่วนของกล้องหน้า Galaxy S24 FE จะมาพร้อมดีไซน์ประจำของสมาร์ตโฟนซีรีส์นี้ครับ คือเป็นแบบฝังใต้หน้าจอ In-Display Selfie ที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะเลนส์กว้าง 26 มม. และรองรับการถ่ายวีดีโอ 4K @30fps, Full HD @30/60fps และใช้ระบบกันสั่นแบบ gyro-EIS ช่วยให้ได้ภาพที่นิ่ง ไม่สั่นไหวมากยิ่งขึ้น
UI ของโหมดกล้องหน้าก็มีลักษณะที่ใช้งานง่าย เข้าถึงได้สะดวกเช่นเคย โดยมีปุ่มลัดเป็น โหมดการตั้งค่า, เปิด/ปิดไฟแฟลช (โดยใช้การเปิดหน้าจอให้สว่าง), โหมดตั้งเวลาชัตเตอร์, ปรับสัดส่วนภาพ และปรับเอฟเฟค (ฟิลเตอร์, ใบหน้า และโทนสี) และแน่นอนว่าสำหรับสาว ๆ น่าจะชอบโหมดหน้าสวย หรือโหมด Beauty ที่ช่วยปรับสภาพผิวของแบบให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และยังมีให้เลือกหลายระดับตามความต้องการของผู้ใช้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
Galaxy S24 FE ยังคงการออกแบบที่สวยงาม และดูพรีเมี่ยมตามสไตล์สมาร์ตโฟนตระกูลเรือธงของค่ายอย่าง Galaxy S24 Series เอาไว้อย่างครบถ้วนครับ ซึ่งในปีนี้มาพร้อมตัวเลือกสีสันที่ดูสวยงามสดใสเช่นเคย ประกอบด้วย Blue, Graphite และ Mint
ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวนี้คือสีกราไฟต์ ที่ให้โทนสีแบบสีเทาดำ ดูเข้มขรึม เป็นผู้ใหญ่ และยังมาพร้อมวัสดุงานประกอบที่เนี๊ยบ ดูดี แน่นหนา ให้ฟิลลิ่งการสัมผัสที่ดีมากตามสไตล์สมาร์ตโฟนแฟล็กชิปเลยครับ โดยตัวเครื่องมีขนาด 162 x 77.3 x 8 มม. และมีน้ำหนัก 213 กรัม
ที่บริเวณด้านหน้าใช้หน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X รองรับความถี่ 120Hz, HDR10+, รองรับความสว่างสูงสุด 1900nits, หน้าจอมีขนาด 6.7 นิ้ว ขนาดใหญ่ที่สุดในซีรีส์ FE, ความละเอียด Full HD+ 2340×1080 พิกเซล สัดส่วน 19.5:9
พร้อมกับการปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus+ ที่บริเวณด้านหน้า และด้านหลังเครื่อง ส่วนกรอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุ Aluminum ที่แข็งแรงทนทาน
บริเวณด้านบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้า 10 ล้านพิกเซลอยู่ในช่องเจาะ Infinity-O ที่คุ้นเคยของซัมซุงครับ และมีลำโพงสนทนาอยู่ในทรงแนวยาวบนขอบจอด้านบน และการแสดงผลหน้าจอมีความโค้งมนที่บริเวณมุม
ด้านหลังของโทรศัพท์มีความมินิมอล สวยงาม ที่ถอดแบบมาจากรุ่นเรือธงพี่ ๆ ในซีรีส์ครับ ซึ่งดีไซน์นี้ใช้มาอย่างยาวนานสำหรับตระกูลนี้ มีกล้องถ่ายภาพเรียงในแนวตั้ง 3 เลนส์โดยที่ไม่มีเกาะกล้องใด ๆ ถัดจากกล้องมีไฟแฟลช LED วางอยู่ด้านข้าง ส่วนด้านล่างจะมีโลโก้ Samsung วางในตำแหน่งประจำอยู่แล้ว
บริเวณด้านซ้ายไม่มีปุ่มใด ๆ ครับ มีเพียงแถบเส้นอากาศรับสัญญาณโทรศัพท์
ด้านขวามีปุ่มควบคุมสองปุ่ม ประกอบด้วย ปุ่ม Power และปุ่มควบคุมเสียง
ที่ด้านบนมีไมค์ตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด โดยรุ่นนี้รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ นาโนซิมทั้งคู่
และด้านล่างมีแถบเสาอากาศ ไมค์สนทนา พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง ซึ่งระบบเสียงของรุ่นนี้จะให้เสียงแบบ Stereo โดยใช้ลำโพงเสียงด้านล่างคู่กับลำโพงสนทนาด้านบน ให้เสียงที่มีมิติซ้ายขวาขณะจับโทรศัพท์ในแนวนอนครับ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ Galaxy AI
Galaxy S24 FE มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ One UI เวอร์ชั่น 6.1 ที่ทำงานบนพื้นฐานของ Android 14 และที่สำคัญยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ล้ำ ๆ บน Galaxy AI เช่นเดียวกับ Galaxy S24 Series ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน การทำงาน ลดความยุ่งยากในการสื่อสาร
ฟีเจอร์ Galaxy AI ที่น่าสนใจก็ยกตัวอย่างเช่น :
- Circle to Search with Google ที่ให้เราวงกลมวัตถุในภาพ เพื่อสืบค้นข้อมูลที่เราอยากรู้ได้อย่างง่ายดาย
- Interpreter การแปลสดบทสนทนาได้ทันที แม้ว่าจะออฟไลน์ก็ตาม เหมาะสำหรับคนที่ใช้ภาษาต่างประเทศบ่อย ๆ
- Live Translate การแปลสดบทสนทนาในสายโทรศัพท์ ทำให้การพูดคุยกับชาวต่างชาติเป็นเรื่องง่าย
- Chat Assist ใช้สำหรับการปรับโทนภาษา การใช้คำ และคำศัพท์ในข้อความให้ดียิ่งขึ้น
- Note Assist ใช้สำหรับจดบันทึก ทำให้การจดโน้ตเป็นเรื่องง่าย พร้อมจัดรูปแบบ และแปลเนื้อหาอัตโนมัติ
ใช้ AI เพื่อสร้างภาพการ์ตูนน่ารัก ๆ
- Transcript Assist แปลเสียงบันทึกได้ทันที
- และ Browsing Assist ใช้สำหรับสรุปหรือแปลทั้งหน้าเว็บบน Samsung Internet ได้อย่างรวดเร็ว
- Sketch to Image สร้างภาพกราฟฟิกสวย ๆ ด้วยการร่างภาพคร่าวๆ จากนั้น AI จะแต่งภาพออกมาให้เลือกอย่างสวยงาม
สมาร์ตโฟนยังมาพร้อมกับหน้าตายูสเซอร์อินเทอร์เฟซที่คุ้นเคยตามแบบฉบับของซัมซุง โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าจอหลัก ภาพพื้นหลัง รูปแบบธีม หรือภาพ Always-on Display หรือ AOD ได้ตามสไตล์ของแต่ละบุคคล โดยในเครื่องจะมีติดตั้งมาให้แล้วส่วนหนึ่ง และผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ในร้านขายธีม หรือ Galaxy Theme ได้เช่นกัน
ในส่วนของ แผง Edge ที่มีให้ใช้เริ่มต้นตั้งแต่สมาร์ตโฟนรุ่นที่มีขอบจอโค้ง จนมาถึงในรุ่นปัจจุบันอย่าง Galaxy S24 FE ก็ยังมีให้เลือกใช้ครับ โดยจะเป็นการเปิดเมนูลัดสำหรับเข้าถึงแอปโปรด วิธีใช้ก็แค่สไลด์นิ้วบนขอบหน้าจอบริเวณที่มีแผง Edge อยู่ จากนั้นจะมีแอปทางลัดเปิดขึ้นมาให้เราใช้ได้ทันที และเรายังสามารถเลือกแอปที่ชอบได้เองอีกด้วย
ด้านการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ยังรองรับเทคโนโลยี 5G ในแบบ NSA / SA และ Sub 6 รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้รุ่นนี้เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อทันสมัยที่ครบถ้วน
สำหรับฟีเจอร์การ ดูแลอุปกรณ์ หรือ Device Care รุ่นนี้ก็มีมาให้ใช้ครับ โดยใช้สำหรับจัดการอุปกรณ์ให้ปลอดภัย พร้อมใช้มากที่สุด โดยสามารถลบไฟล์ขยะและไฟล์แคชของระบบ, การจัดการด้านหน่วยความจำ, การสแกนไวรัส และการดูแลแบตเตอรี่ เป็นต้น
นอกจากการล็อคด้วยรหัสพื้นฐานของอุปกรณ์ Android แล้ว สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ยังรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์ยุคนี้ครับ
Galaxy S24 FE ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 4,700 mAh เพิ่มขึ้นจาก 4,500 mAh ในรุ่นที่แล้ว และยังรองรับการชาร์จเร็ว 25W สำหรับการชาร์จผ่านสาย USB-C ซึ่งสามารถชาร์จ 50% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น รวมถึงยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จ PC และ QC2 ในขณะที่การชาร์จไร้สายรองรับอยู่ที่ 15W พร้อมกับฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging ที่ใช้สำหรับชาร์จ Gadget อื่น ๆ ผ่านการชาร์จไร้สายบนตัวเครื่องได้อีกด้วย
ที่สำคัญ Samsung ในปีนี้ได้เพิ่มการอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android ให้กับอุปกรณ์รุ่นนี้นานถึง 7 เวอร์ชั่น พร้อมกับมอบการรองรับ Security Patch หรืออัพเดตความปลอดภัยยาวนานถึง 7 ปีเช่นกัน ดังนั้นใครที่หาอุปกรณ์ไว้ใช้ยาวๆ น่าจะปลื้มกับการรองรับนี้แน่นอน นอกจากนี้ สำหรับการรักษาสิ่งแวดล้อม Samsung ยังใช้บรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษรีไซเคิล 100% ช่วยลดขณะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ด้านความคงทน Galaxy S24 FE รองรับการกันน้่ำกันฝุ่นตามมาตราฐาน IP68 ซึ่งสามารถทนการดำน้ำสะอาดสูงสุด 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาทีในห้องทดสอบปฏิบัติการ แต่อย่างไรก็ตามเราไม่แนะนำให้นำอุปกรณ์ไปดำน้ำ หรือเล่นน้ำทะเลครับ เนื่องจากการกันน้ำและฝุ่นของอุปกรณ์นั้นไม่ใช่คุณสมบัติถาวร และอาจเสื่อมสภาพได้ตามการใช้งาน
ประสิทธิภาพระดับเรือธง
Galaxy S24 FE ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos 2400e ซึ่งเป็นชิปที่พัฒนาด้วยสถาปัตยกรรม 4nm และเป็นชิปแบบ 10-Core มีความเร็วสูงสุด 3.1GHz ทำงานร่วมกับชิปกราฟฟิก GPU Xclipse 940 ที่ทรงพลัง
มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหล ไร้ขีดจำกัด และยังรองรับฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่าง Ray Tracing ได้เต็มระบบ ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เหมาะมากสำหรับการเล่นเกมกราฟฟิกระดับสูง หรือว่าง่ายๆ คือสามารถเล่นเกมได้ทุกเกมบน Play Store
นอกจากนี้ยังมีแผ่นระบายความร้อนที่ใหญ่ขึ้น 1.1 เท่า ช่วยให้การระบายความร้อนขณะเล่นเกมทำได้ดียิ่งขึ้น ส่วนการใช้งานจริงขณะเล่นเกมหนัก ๆ อุปกรณ์ก็มีความอุ่นเล็กน้อย โดยอยู่ในระดับที่ยังถือจับไหว ดังนั้นเรื่องการเล่นเกมบนรุ่นนี้ถือว่าทำได้อย่างสบายครับ
การทดสอบด้วยเกมอย่าง Asphalt 9 สามารถรันกราฟฟิกได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุดเลยครับ รวมไปถึงเกมอย่าง RoV สามารถเล่นได้ที่ framerate 60 fps ลื่นๆ ไม่มีตก ส่วนเกม FPS อย่าง PUGB Mobile ก็สามารถเล่นได้ลื่นมากบนหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว เอาง่าย ๆ ว่าใครที่หามือถือเล่นเกมแล้วสงสัยในประสิทธิภาพของรุ่นนี้สบายใจได้ครับ เล่นเกมทุกเกมจริงๆ บอกเลย
ซึ่งในส่วนของการเล่นเกม อุปกรณ์ยังมีฟีเจอร์อย่าง Game Booster ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความสมูธให้กับการเล่นได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ด้านหน่วยความจำบน Galaxy S24 FE มีให้เลือก 2 ตัวเลือกครับ คือ ROM 128GB และ 256GB โดยรุ่นที่เรารีวิวนี้คือรุ่น 128GB ซึ่งถือว่าน่าจะพอเพียงสำหรับคนที่ใช้งานทั่วไป รวมถึงเก็บไฟล์ต่าง ๆ ไม่มากเท่าไหร่ แต่หากต้องเก็บไฟล์ขนาดใหญ่อาจต้องมองไปที่รุ่น 256GB เนื่องจากอุปกรณ์จะไม่รองรับ microSD Card หรือหน่วยความจำเสริมนั่นเอง
ในขณะที่ RAM จะมีความจุเดียวคือ 8GB ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นห่วงในส่วนนี้ครับ เพราะอุปกรณ์รองรับฟีเจอร์ RAM เสมือน (RAM+) (ที่สามารถเลือกได้ว่าจะเพิ่ม RAM ได้อีก 2/4/6/8GB ทำให้อุปกรณ์เสมือนมี RAM ไว้ใช้งานรวมแล้วสูงถึง 16GB ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับอุปกรณ์ในปัจจุบันครับ
ผลการทดสอบ Benchmark ได้คะแนนอยู่ในระดับสูงครับ โดยมีคะแนน Single-Core ที่ 2098 คะแนน และ Multi-Core ที่ 6453 คะแนน
การทดสอบ GPU ก็ได้คะแนนระดับสูงเช่นกัน โดยมีคะแนน 14994 คะแนน
ผลการทดสอบ 3DMark ได้คะแนนลำดับสูงสุด Maxed Out!
บทสรุป
Galaxy S24 FE ซึ่งแม้จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่น Fan Edition แต่ในปีนี้จัดเต็มด้วยประสบการณ์ระดับ Flagship Experience ด้วยสเปกระดับเรือธง ในราคาระดับเข้าถึงได้ง่ายในงบประมาณ 2 หมื่นนิดๆ เท่านั้น โดยเฉพาะคนที่ชอบทำคอนเท้นต์วีดีโอ
เพราะรุ่นนี้มาพร้อมกล้อง 8K AI-Zoom สามารถซูมได้ไกล 30 เท่าซึ่งความละเอียดระดับนี้จะมีให้ใช้อยู่บนอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น ใครอยากเอาไปถ่ายคลิป YouTube หรือ TikTok รับรองว่าจะชอบครับ เพราะกล้องรุ่นนี้ขนาดครอปภาพหรือซูมก็ยังคมชัดอยู่
ที่สำคัญยังมี Galaxy AI ฟีเจอร์สุดล้ำที่เปิดตัวพร้อมกับ Galaxy S24 Series สมาร์ตโฟนซีรีย์เรือธงเหมือนกัน รวมถึงยังเป็น AI เจ้าเดียวที่รองรับภาษาไทย และรองรับภาษารวมมากถึง 16 ภาษา และยังรองรับการอัพเดตนานถึง 7 ปีทั้งระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นหลักและ Security Patch อัพเดตความปลอดภัย ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะพร้อมใช้และปลอดภัยเป็นเวลานานครับ
ใครที่มองหาอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพระดับเรือธง กล้องถ่ายภาพสวย ซูมไกล ถ่าย 8K ครอปภาพสวยๆ ได้ และมี Galaxy AI ล้ำ ๆ ให้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เชื่อว่า Samsung Galaxy S24 FE จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากในงบประมาณราว ๆ 2 หมื่นบาทแน่นอนครับ
ทั้ง Galaxy S24 FE มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Blue, Graphite และ Mint ในราคาเริ่มต้นของ Galaxy S24 FE ความจุ 128GB ราคา 22,900 บาท และ ความจุ 256GB ราคา 25,900 บาท
พิเศษ! โปรโมชันเปิดตัว วันที่ 3-20 ตุลาคม 2567
- อัปเกรดความจุ 2 เท่าฟรีทันที มูลค่า 3,000 บาท
- ลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท เมื่อนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่
- Samsung Finance+ ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท เฉพาะ Samsung Experience Store และร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ