เดินทางมาถึงรุ่นที่ 14 แล้วสำหรับ Redmi Note 14 Series สมาร์ตโฟนสุดคุ้มราคาประหยัดตระกูล Redmi Note Series ซึ่งประกอบด้วย Redmi Note 14 Pro+ 5G, Redmi Note 14 Pro 5G, Redmi Note 14 5G, และ Redmi Note 14
ชูจุดเด่นด้วยกล้อง AI ความละเอียดสูง ความทนทานระดับออลสตาร์และการอัปเกรดฟีเจอร์รอบด้านเพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นที่ทาง NobileOcta ก็ได้มารีวิวคือ Redmi Note 14 Pro+ 5G เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปติดตามรีวิวกันเลยครับ
สเปกเบื้องต้น Redmi Note 14 Pro+ 5G
ขนาด | 162.53 x 74.67 x 8.75 มม. (สี Midnight Black และ Frost Blue) และ 8.85 มม. (สี Lavender Purple) |
น้ำหนัก | 210.14 กรัม (สี Midnight Black และ Frost Blue) และ 205.13 กรัม (สี Lavender Purple) |
หน้าจอ | CrystalRes AMOLED ความละเอียด 1.5K 2712 x 1220 พิกเซล (446 ppi) ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, อัตราคอนทราสต์ 5,000,000:1, ช่วงสี DCI-P3 100%, ความสว่างสูงสุด 3,000 nits, รองรับโหมดอ่านหนังสือ, การหรี่ไฟ PWM 1920Hz, การปรับความสว่างถึง 20,000 ระดับ, รองรับ Dolby Vision, รองรับ HDR10+, ได้รับการรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2 (ด้านหน้า), Corning Gorilla Glass 7i (ด้านหลัง) และรองรับการกันน้ำ IP68 |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM7635 Snapdragon 7s Gen 3 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 710 (940 MHz) |
RAM | 8GB/12GB แบบ LPDDR4X |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB/512GB แบบ UFS 2.2 |
microSD Card | – |
ระบบปฏิบัติการ | HyperOS based on Android 14 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/6e, dual-band, Wi-Fi Direct Bluetooth 5.4, A2DP, LE GPS with Beidou:B1I/B1c|GPS:L1|Galileo:E1 GLONASS:G1|QZSS:L1 | การระบุตำแหน่งเสริม A-GPS เครือข่ายไร้สาย | เครือข่ายข้อมูล|การระบุตำแหน่งโดยใช้เซ็นเซอร์ช่วย NFC พอร์ต USB Type-C 2.0, USB On-The-Go พอร์ต IR Blaster |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED Dual Tone – กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล, เลนส์ 7P, รูรับแสง f/1.65, 23mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4″, 0.56µm, multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 โหมดถ่ายภาพ ไดนามิกช็อต | โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว | ถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูง | เฟรมภาพฟิล์ม | ภาพบุคคล | เอกสาร | โหมดกลางคืน | วิดีโอกล้องคู่ | วิดีโอกันสั่น การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลัง 4K ที่ 24/30fps 1080p ที่ 30/60fps 720p ที่ 30fps สโลว์โมชัน: 1080p ที่ 120fps สโลว์โมชัน: 720p ที่ 120/240fps กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 21mm (wide), 1/4.0″, 0.7µm โหมดการถ่ายภาพ วงไฟซอฟต์ไลต์ | AI ฟรุ๊งฟริ๊ง | โหมดกลางคืน | โหมดภาพบุคคล | การถ่ายภาพด้วยฝ่ามือ | ตั้งเวลาเซลฟี่ การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้า 1080p ที่ 30/60fps 720p ที่ 30fps |
รองรับระบบ | ซิมคู่ (นาโนซิม + นาโนซิม หรือ นาโนซิม + eSIM) 2G: GSM: 850 900 1800 1900MHz 3G: WCDMA:1/2/4/5/6/8/19 4G: LTE FDD:1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/26/28/32/66 4G: LTE TDD:38/40/41/42/48 5G: n1/2/3/5/7/8/12/20/26/28/38/40/41/48/66/77/78 *การเชื่อมต่อ 5G อาจแตกต่างกันไปตามความพร้อมให้บริการในภูมิภาคและการสนับสนุนของผู้ให้บริการในพื้นที่ |
แบตเตอรี่ | 5,110mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W Hyper Charge |
สี | Frost Blue, Midnight Black และ Lavender Purple |
ราคา | 14,990 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Redmi Note 14 Pro+ 5G เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ากล่องมาพร้อมภาพตัวเครื่องด้านหน้า และด้านหลัง, ชื่อรุ่น พร้อมข้อความ 200MP AI Camera I 120W HyperCharge และมุมขวาด้านบนมีโลโก้ Xiaomi
ขณะที่ด้านข้างกล่อง เริ่มจากด้านซ้ายมีข้อความ Powered by Xiaomi HyperOS ส่วนด้านขวา สลักชื่อรุ่น พร้อมข้อความที่ระบุว่ารองรับ Google Apps อย่างเต็มรูปแบบ
และด้านท้ายกล่องแสดงข้อมูลชื่อรุ่น, สีตัวเครื่อง, หน่วยความจำ, เลข Serial Number, เลข EMEI, ข้อมูลการผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Redmi Note 14 Pro+ 5G พร้อมติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
- สายดาต้าลิงค์แบบ USC Type-C
- เคสซิลิโคน
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ, เอกสารความปลอดภัย และบัตรรับประกันสินค้า
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน มีความหรูหราพรีเมียมมากขึ้น และยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยโครงสร้าง All-Star Armor Structure เสริมความแข็งแกร่งทั้งตัวเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์จะสามารถทนต่อการตกกระแทกโดยไม่ตั้งใจ
โดยมีให้เลือก 3 สีคือ Frost Blue, Midnight Black และ Lavender Purple ซึ่งสี Frost Blue, Midnight Black ฝาหลังแบบด้าน ส่วนสี Lavender Purple ฝาหลังที่มีลวดลายแบบหนัง โดยสีที่ทาง MobileOcta ได้มารีวิวคือสี Midnight Black
ด้านหน้าของ Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมหน้าจอขอบโค้ง CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1.5K และความสว่างสูงสุด 3000 nits โดยมีอัตรารีเฟรชแบบ AdaptiveSync ที่ 120Hz เพื่อการเลื่อนหน้าจอ (scrolling) ที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ พร้อมมาตรฐานการแสดงผลสีแบบ 12-bit
นอกจากความคมชัดและสว่างแล้ว ผู้ใช้ยังมั่นใจได้ถึงความสบายและปลอดภัยของสายตา เพราะมีคุณสมบัติการลดแสง PWM 1920Hz (1920Hz PWM dimming), การปรับความสว่างได้ถึง 20,000 ระดับ (20,000 levels of brightness adjustment)
รวมถึงได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland 3 อย่าง ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)
ในขณะเดียวกันหน้าจอแสดงผลยังครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2 ซึ่งช่วยให้สมาร์ตโฟนมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น โดยจะจับคู่กับฝาครอบแบตเตอรี่ Corning Gorilla Glass 7i หรือหนังวีแกนเพื่อการป้องกันที่รอบด้าน และรองรับการกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐานระดับ IP68
ตรงกลางด้านบนเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และเหนือหน้าจอแสดงผลมีช่องลำโพงสนทนา
พลิกมาด้านหลังเครื่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G ในสี Midnight Black มีดีไซน์ขอบโค้ง โดยตรงกลางด้านบนมีโมดูลกล้องดีไซน์สี่เหลี่ยมขอบมน และขอบมีการเล่นลวดลายตัดสีแบบเงา ภายในมีเลนส์กล้อง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED และข้อความ 200MP OIS AI CAMERA ถัดลงมาด้านซ้ายมีโลโก้ Redmi 5G
สำหรับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล, เลนส์ 7P, รูรับแสง f/1.65, 23mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4″, 0.56µm, multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ ใช้สำหรับเปิด ปิด และล็อคหน้าจอ
ขณะที่ด้านซ้ายข้างเครื่องออกแบบเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มกด หรือช่องใด ๆ
ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง, ช่องลำโพง และเซ็นเซอร์ IR Blaster
ด้านท้ายเครื่อง มีช่องใส่ซิมการ์ด, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
โดยช่องใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ 2 สลอต รองรับ Nano SIM 2 ช่อง ไม่มีช่องสำหรับ MicroSD Card
คุณสมบัติการใช้งาน
Redmi Note 14 Pro+ 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย HyperOS เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาแทน MIUI เดิม โดยเน้นการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, ปรับปรุงการใช้งานแบบ Multi-Tasking และการเรนเดอร์ภาพคุณภาพสูง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ End-to-End ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่ามีความเสถียรมากขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้า
ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SM7635 Snapdragon 7s Gen 3 บนกระบวนการผลิตขนาด 4 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.5GHz และหน่วนประมวลผลกราฟิก Adreno 710 (940 MHz) จับคู่กับ RAM 12GB แบบ LPDDR5 + 6GB RAM Extension และหน่วยความจำภายใน 512GB แบบ UFS 3.1 เรียกว่านอกจากเร็ว แรงแล้ว ยังเก็บไฟล์ภาพ วิดีโอ และอื่น ๆ ได้อย่างจุใจอีกด้วย
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่รองรับอัตราการรีเฟรชเรท AdaptiveSync 120Hz ให้ทั้งความคมชัด มีสีสันสวยงาม และการแสดงผลลื่นไหล
รองรับโหมดมืด Dark Mode ช่วยลดความสว่างหน้าจอขณะใช้งานในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย และประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ในเครื่อง พร้อมโหมดแสงแดด ที่ใช้งานที่กลางแจ้งก็มองเห็นหน้าจอได้
รวมถึงมีโหมดการอ่านที่ช่วยปรับสีและพื้นผิวของรายการบนหน้าจอช่วยให้ดวงตาของคุณผ่อนคลายไม่ล้า และปรับโทนสีได้ 3 แบบคือ สดใส, อิ่มสี และมาตรฐาน
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย (รองรับ NSA + SA)
โดยรองรับคลื่นความถี่ 5G : n1/2/3/5/7/8/12/20/26/28/38/40/41/48/66/77/78 พร้อมเลือกโหมด SA หรือ 5G Standalone หรือการใช้งานบนเครือข่าย 5G เพียงอย่างเดียวได้ และสามารถสแตนด์บายได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM)
ด้านความปลอดภัย ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
รวมทั้งรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock โดยสามารถลงทะเบียนได้ทั้งหมด 2 ใบหน้า จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
นอกจากนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมาพร้อมลำโพงคู่ และเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos ให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง รวมถึงสนับสนุน Dolby Vision ทำให้ตอบสนองความบันเทิงได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งภาพและเสียง
นอกจากฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั่วไปแล้ว Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมีฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง ไม่ว่าจะเป็น Circle to Search, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Beautify, AI Erase Pro และ AI Image Expansion
วงกลมเพื่อค้นหา (Circle to Search)
วงกลมเพื่อค้นหาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราค้นหาอะไรก็ตามบนหน้าจอบน Google ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่กดค้างที่ปุ่มเริ่มต้น แล้ววาดวงกลมรอบสิ่งที่ที่ต้องการค้นหา เพียงเท่านี้เราก็จะรู้รายละเอียดของสิ่งนั้นทันที โดยฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์พื้นฐานของ Google ที่จะมีในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ อยู่แล้ว
ล่ามแปลภาษา (AI Interpreter)
ฟีเจอร์นี้จะเป็นเครื่องมือแปลภาษาสด ๆ เพียงแค่พูดคุยกันสมาร์ตโฟนก็จะแปลภาษาให้ทันที ฟีเจอร์นี้เข้าถึงได้จากแถบเมนูลัด โดยแตะที่ แก้ไข แล้วเพิ่ม ตีความเสียง เข้ามาบนเมนูลัด
สรุปข้อความ-จัดหน้า (AI Notes)
ในแอป บันทึกย่อ จะมีเครื่องมือ AI ที่จะช่วยเราจัดหน้า, สรุป และแปลข้อความให้เราโดยอัตโนมัติ เพียงแค่แตะที่เมนู AI ก็จะมีตัวเลือกในการใช้งานขึ้นมาตามภาพ ช่วยได้มากในการสรุปรายงานการประชุม และการสรุปเลคเชอร์
ถอดเทปอัตโนมัติ (AI Recorder)
ในแอป บันทึกเสียง จะมี AI ที่ถอดเสียงเป็นข้อความโดยอัตโนมัติ โดยเรายังสามารถเลือกให้ AI สรุปเนื้อหาอีกที หรือแปลเป็นภาษาอื่นได้ด้วย ใช้คู่กับ AI Notes แล้วช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นเยอะเลย
ซับไตเติลอัตโนมัติ (AI Subtitles)
สำหรับเครื่องมือนี้จะช่วยสร้างซับไตเติลให้เราโดยอัตโนมัติ และสามารถแปลไปพร้อมกันได้ด้วย ใครชอบดูซีรีส์ต่างประเทศต้องถูกใจแน่นอน ฟีเจอร์นี้เข้าถึงได้จากแถบเมนูลัด โดยแตะที่ แก้ไข แล้วเพิ่ม คำบรรยาย AI เข้ามาบนเมนูลัด
AI แต่งภาพ-ลบวัตถุ
Redmi Note 14 Pro+ 5G มี AI ลบคน โดยเข้าไปที่แอป คลังภาพ เลือกรูปภาพที่ต้องการแก้ไข จากนั้นแตะที่สัญลักษณ์รูปดินสอ > AI > ลบ ก็จะมีเครื่องมือแสดงขึ้นมาให้เราใช้งาน โดยจะเลือกส่วนที่จะลบด้วยตัวเอง หรือจะให้ระบบลบคนในรูปโดยอัตโนมัติก็ได้
Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,110mAh ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานใน 1 วัน พร้อมโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดแบบ Ultra Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และปรับการแสดงผลให้เป็น Dark theme
และอีกจุดเด่นที่เป็นไฮไลต์ของ Redmi Note 14 Pro+ 5G รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 40 นาที ผ่านสาย USB Type-C และแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 120W Power Adapter มาให้ในกล่องด้วย
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
Redmi Note 14 Pro+ 5G ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 7s Gen 3 ขนาด 4nm จาก Qualcomm ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมบนมือถือ โดยรองรับคุณสมบัติ Snapdragon Elite Gaming บางส่วน ซึ่งช่วยให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลและสมจริงมากขึ้น
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ทดสอบการเล่นเกมได้ลองกับ ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา
โดยตั้งค่า FPS ที่ระดับสูง ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 7s Gen 3 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบาย ๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว และถ้าเล่นนานๆ ตัวเครื่องไม่ร้อนมากด้วย
ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล
โดยปรับตั้งค่าเฟรมเรทที่ดีขึ้น มีการตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำ สามารถควบคุมการเล็งในเกมแนวชูตติ้งได้ง่าย โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่เล่นเกมได้ดีอีกรุ่นหนึ่งเลย
นอกจากนี้ยังมีโหมด Game Turbo ซึ่งช่วยเรื่องการจัดการทรัพยากรของตัวเครื่องขณะเล่นเกม รวมถึงตัวเลือกในการตั้งค่าอื่น ๆ เช่น ล็อกความสว่างหน้าจอ หรือปิดกั้นการแจ้งเตือน เป็นต้น
ขณะเล่นเกม สามารถเรียกเมนูของ Game Turbo ออกมาได้โดยการปัดที่มุมซ้ายบนของจอ ซึ่งจะมีทางลัดสำหรับเรียกใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับสกรีนช็อต, บันทึกวิดีโอการเล่น, เปิดแอปอื่นขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอย, เอฟเฟกต์เปลี่ยนเสียงไมค์ และอื่น ๆ
สามารถสลับไปใช้ โหมดประสิทธิภาพสูง เพื่อเร่งการทำงานของตัวเครื่องให้สูงขึ้นอีกได้ แต่จะใช้แบตเตอรี่มากขึ้น และเครื่องจะร้อนขึ้น สามารถใช้เพิ่มอัตราเฟรมเรตในเกมให้สูงขึ้นได้อีกเล็กน้อย
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป AnTuTu
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป GeekBench 6
ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหลัง 3 ตัว AI 200MP
Redmi Note 14 Pro+ 5G มอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับเรือธง โดยมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) ทั้งยังช่วยโฟกัสไปยังจุดที่สนใจได้ด้วยอินเซนเซอร์ 2x/4x (2x/4x in-sensor) อีกด้วย
ประสิทธิภาพของกล้องอันทรงพลังนี้ขับเคลื่อนด้วยเซนเซอร์ Light Hunter 800 พร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4 นิ้วที่มาพร้อมรูรับแสง f/1.65 ตอบโจทย์การถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ ไม่พอแค่นั้นยังทำงานร่วมกับอีก 2 กล้องทั้งกล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รองรับใช้งานทั้งมุมกว้าง และภาพระยะใกล้ ๆ
กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล, เลนส์ 7P, รูรับแสง f/1.65, 23mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4″, 0.56µm, multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 15mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
สำหรับโหมดถ่ายภาพมาพร้อมอินเทอร์เฟซที่คุ้นเคย โดยมีดีไซน์เรียบหรูดูสบายตา ด้านบนมีแถบเมนูเปิด/ปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, Goole Lens, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, เปิด/ปิดโหมด HDR, เส้นตาราง, กล้อง AI, โหมดมาโคร, ตัวจับเวลา, ปรับเบลอ, ตั้งเวลาถ่ายต่อเนื่อง และกล้องช่วย ส่วนด้านล่างจะเป็นโหมดถ่ายภาพ
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 200MP 16320 x 12240 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 3840×2160 พิกเซล ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมดวิดีโอ, โหมด 200MP, โหมดเอกสาร, โหมด Portrait, โหมดกลางคืน, โหมดโปร, โหมด Panorama, โหมดหนังสั้น, โหมด Slo-motion, โหมดวิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว, โหมดการเปิดรับแสงนาน และแก้ไข
ตัวอย่างภาพถ่าย
กล้องหน้าเซลฟี่ 16MP
Redmi Note 14 Pro+ 5G ติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
โดยมีหน้าตา User Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนใช้งานได้ทันที ได้แก่ เปิด/ปิดไฟแฟลช, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, ฟังก์ชัน HDR, เส้นตาราง, ภาพไดนามิก, ตัวจับเวลา, ประเภทชัตเตอร์, ตั้งเวลาถ่ายต่อเนื่อง และเพิ่มเวลาบนรูปภาพ
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียด 3888x 5184 พิกเซล ส่วนวิดีโอรองรับการถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 1920×1080 พิกเซล ที่ทอัตรา 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมโหมดบิวตี้ ปรับผิวเนียน หน้าเรียว และตาโต เลือกปรับโบเก้ให้กับฉากหลังได้ รองรับ HDR และใส่ฟิลเตอร์ได้ตามใจชอบ
ทดสอบกล้องหน้า
บทสรุป
Redmi Note 14 Pro+ 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้าน ด้วยขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 7s Gen 3 ที่เร็ว แรง พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ CrystalRes AMOLED ความละเอียด 2K ที่คมชัด และอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็ไหลลื่น ไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ระบบกล้อง AI ระดับมืออาชีพความละเอียด 200MP และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อมตัวเลือกการซูมขั้นสูงซึ่งสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดที่เล็กที่สุดด้วยการซูมแบบออปติคอลแบบไม่สูญเสียคุณภาพ 2 เท่า และ 4 เท่า ไปจนถึงการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลด้วยการซูมแบบดิจิทัลสูงสุด 30 เท่า และมีฟีเจอร์ Advanced AI อาทิ AI Image Expansion, AI Erase Pro และ AI Sky
Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยมาพร้อมกับความทนทานต่อการตก น้ำกระเซ็น และรอยขีดข่วน ซึ่งความแข็งแกร่งทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากโครงสร้างออลสตาร์อาร์เมอร์ (All-Star Armor)
และมาพร้อมฟีเจอร์ AI แบบจัดเต็ม อาทิ วงเพื่อค้นหา (Circle to Search), แปลภาษา, สรุปโน้ต, ซับไตเติ้ลอัตโนมัติ ไปจนถึง AI แต่งรูปอย่างการลบคน หรือเติมภาพ ทำให้มีประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากลองใช้สมาร์ตโฟน AI ในราคาที่เอื้อมถึง
Redmi Note 14 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 โดยวางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G ในระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 รับฟรี Redmi Note 14 Series x BamBam Exclusive Gift Set และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 13,790 บาท