Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition ต้อนรับเทศกาล Xiaomi Fan Festival 2024 ในเดือนเมษายน โดยเป็นรุ่นพิเศษสี Mystic Silver เพื่อเฉลิมฉลองคุณค่า ความหลงใหล และความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิม และมีจำนวนจำกัด !!!
Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition มาพร้อมสเปกที่เหมือนกับ Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นปกติ แตกต่างที่ดีไซน์ฝาหลัง วอลเปเปอร์พิเศษ และสติกเกอร์ Xiaomi Fan Festival 2024 ที่แถมมาให้ภายในกล่อง ซึ่งทาง NobileOcta ก็ได้เครื่องมาอยู่ในมือเรียบร้อย ไปติดตามรีวิวกันเลยครับ
สเปกเบื้องต้น Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition
ขนาด | 161.4 x 74.2 x 8.9 มม. |
น้ำหนัก | 204.5 กรัม |
หน้าจอ | CrystalRes AMOLED ความละเอียด 1.5K 2712 x 1220 พิกเซล (446 ppi) ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, อัตราคอนทราสต์ 5,000,000:1, ช่วงสี DCI-P3 100%, ความสว่างสูงสุด 1,800 nits, รองรับโหมดอ่านหนังสือ, การหรี่ไฟ PWM 1920Hz, การปรับความสว่างถึง 16,000 ระดับ, รองรับ Dolby Vision, รองรับ HDR10+, ได้รับการรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning®Gorilla®Victus® และรองรับการกันน้ำ IP68 |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 7200-Ultra (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G610 |
RAM | 12GB แบบ LPDDR5 |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 512GB แบบ UFS 3.1 |
microSD Card | – |
ระบบปฏิบัติการ | MIUI 14 based on Android 13 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct Bluetooth 5.3, A2DP, LE GPS with Beidou:B1I|GPS:L1|Galileo:E1 | GLONASS:G1|QZSS:L1 | AGNSS:A-GPS/A-GLONASS/A-BDS | เครือข่ายไร้สาย | เครือข่ายข้อมูล|การระบุตำแหน่งโดยใช้เซ็นเซอร์ช่วย NFC พอร์ต USB Type-C 2.0, USB On-The-Go พอร์ต IR Blaster |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED Dual Tone – กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ ISOCELL HP3. เลนส์ 7P, รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.4″, 0.56µm, multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลัง 4K 3840×2160 ที่ 24/30fps 1080p 1920×1080 ที่ 30/60fps 720p 1280×720 ที่ 30fps สโลว์โมชัน: 1080p 1920×1080 ที่ 120fps สโลว์โมชัน: 720p 1280×720 ที่ 120/240fps กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้า 1080p 1920×1080 ที่ 30/60fps 720p 1280×720 ที่ 30fps |
รองรับระบบ | Dual Slot แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม 2G: GSM: 850 900 1800 1900MHz 3G: WCDMA:1/2/4/5/6/8/19 4G: LTE FDD:1/2/3/4/5/7/8/12/13/17/18/19/20/26/28/32/66 4G: LTE TDD:38/40/41 5G: n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/66/77/78 *การเชื่อมต่อ 5G อาจแตกต่างกันไปตามความพร้อมให้บริการในภูมิภาคและการสนับสนุนของผู้ให้บริการในพื้นที่ |
แบตเตอรี่ | 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W |
สี | Mystic Silver |
ราคา | 15,990 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ากล่องมาพร้อมภาพตัวเครื่อง และชื่อรุ่น และมุมขวาด้านบนมีโลโก้ Xiaomi
ขณะที่ด้านข้างกล่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition ก็สลักชื่อรุ่น พร้อมข้อความที่ระบุว่ารองรับ Google Apps อย่างเต็มรูปแบบ
ด้านบนกล่องมาพร้อมโลโก้ Xioami Fan Festival 2024
และด้านท้ายกล่องแสดงข้อมูลชื่อรุ่น, สีตัวเครื่อง, หน่วยความจำ, เลข Serial Number, เลข EMEI, ข้อมูลการผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition พร้อมติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W
- สายดาต้าลิงค์แบบ USC Type-C
- เคสซิลิโคน
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ, เอกสารความปลอดภัย และบัตรรับประกันสินค้า
- สติ๊กเกอร์ Xiaomi Fan Festival 2024
อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W ที่มีมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition มาพร้อมดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม ด้วยหน้าจอแสดงผล และฝาหลังขอบโค้งที่รับกันพอดี ล้อมกรอบด้วยเฟรมโลหะ ทำให้ตัวเครื่องมีรูปทรงที่ดูเพรียว กระชับกับมือขึ้นเมื่อถือใช้งาน และด้วยกรอบที่บางเฉียบทำให้สามารถรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างเต็มจอและสมจริง และมาในสี Mystic Silver
นอกจากนี้ Redmi Note 13 Pro+ 5G ยังมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สี Midnight Black, สี Moonlight White และสี Aurora Purple ซึ่ง Redmi Note 13 Pro+ 5G ได้ยกระดับการออกแบบที่ดูพรีเมียมและประสิทธิภาพระดับเรือธงมาสู่สมาร์ตโฟนระดับกลางในราคาที่เอื้อมถึง
ด้านหน้าของ Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition มาพร้อมหน้าจอ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1.5K และความสว่างสูงสุด 1800 nits โดยมีอัตรารีเฟรชแบบ AdaptiveSync ที่ 120Hz เพื่อการเลื่อนหน้าจอ (scrolling) ที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ
นอกจากความคมชัดอันน่าทึ่งแล้ว ผู้ใช้ยังมั่นใจได้ถึงความสบายและปลอดภัยของสายตา เพราะมีคุณสมบัติการลดแสง PWM 1920Hz (1920Hz PWM dimming), การปรับความสว่างได้ถึง 16,000 ระดับ (16,000 levels of brightness adjustment)
รวมถึงได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland 3 อย่าง ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)
หน้าจอแสดงผลยังครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus ที่ผสานกับโครงสร้างที่ได้รับการอัปเกรด และรองรับการกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐานระดับ IP68
ตรงกลางด้านบนเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และเหนือหน้าจอแสดงผลมีช่องเล็กๆ เป็นช่องลำโพงเสียง
พลิกมาด้านหลังเครื่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition มีดีไซน์ในแบบทูโทนสีเงินตัดกับสีเงินเข้ม โดยแถบสีเงินเช้มจะแบ่งแพทเทิร์นเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นเลนส์กล้อง, ไฟแฟลชคู่ Dual LED และส่วนที่เป็นโลโก้ Redmi ซึ่งเป็นการแบ่งองค์ประกอบในสไตล์งานอาร์ต ดูสวยไปอีกแบบ และตรงกลางด้านล้างมีโลโก้ Xiaomi Fan Festival
สำหรับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ ISOCELL HP3. เลนส์ 7P, รูรับแสง f/1.7, 23mm (wide), 1/1.4″, 0.56µm, multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ ใช้สำหรับเปิด ปิด และล็อคหน้าจอ
ขณะที่ด้านซ้ายข้างเครื่องออกแบบเรียบๆ ไม่มีปุ่มกด หรือช่องใดๆ
ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง, ช่องลำโพง และเซ็นเซอร์ IR Blaster
ด้านท้ายเครื่อง มีช่องใส่ซิมการ์ด, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
โดยช่องใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ 2 สลอต รองรับ Nano SIM 2 ช่อง ไม่มีช่องสำหรับ MicroSD Card