คุณสมบัติการใช้งาน
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-3-1024x758.jpg)
Redmi Note 12 รันบนระบบปฎิบัติการ MIUI 14 บนพื้นฐาน Andorid 13 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่มาพร้อม User Interface โฉมใหม่ที่ปรับเปลี่ยนใหม่แบบยกเครื่อง ไอคอนมีขนาดใหญ่และปรับขนาดได้หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Widget ใหม่และโฟลเดอร์ที่ขยายได้หลากหลายกว่าเดิม ให้เราได้ปรับแต่งได้อย่างเพลิดเพลินกว่าเดิม
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-5G-SC-3-1024x758.jpg)
ส่วน Redmi Note 12 5G รันบนระบบปฎิบัติการ MIUI 14 บนพื้นฐาน Andorid 12 ซึ่งมี User Interface ที่ไม่ต่างกับของ Redmi Note 12 ต่างกันตรงที่พื้นฐานระบบปฎิบัติการที่เป็นรุ่นก่อน คาดว่าน่าจะได้รับการอัปเดตเป็น Android 13 ต่อไป
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-4-463x1024.jpg)
Redmi Note 12 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 685 ของ Qualcomm ที่มอบประสบการณ์การทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ เล่นเกม การฟัง และการสตรีม
ด้วยพลังโปรเซสเซอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการ 6 นาโนเมตร สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของ CPU 2.8GHz ทำให้คุณสามารถสลับไปมาระหว่างแอปต่างๆ และทำงานต่างๆ พร้อมกันได้อย่างง่ายดายโดยไม่เกิดความเฉื่อยหรือล่าช้า
นอกเหนือจากพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วสูงสุดขนาด 128GB แล้ว Redmi Note 12 ยังช่วยให้คุณสามารถติดตั้งแอปโปรดของคุณได้มากขึ้นและบันทึกรูปภาพและวิดีโอได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าพื้นจัดเก็บที่จะเต็มอีกด้วย
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-5G-SC-4-463x1024.jpg)
ส่วน Redmi Note 12 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 4 Gen 1 จาก Qualcomm อันทรงพลังที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการ 6 นาโนเมตร จึงทำให้ Redmi Note 12 5G มอบประสิทธิภาพการใช้งานที่น่าประทับใจ ทั้งยังรองรับซิมการ์ด 5G แบบคู่ พร้อม RAM สูงสุด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB
คุณสามารถเรียกใช้แอปได้มากขึ้นและสลับไปมาระหว่างกันด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นและยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลมากมายเพื่อจัดเก็บแอปโปรดของคุณ ให้คุณสามารถถ่ายภาพและวิดีโอที่น่าจดจำมากมายโดยไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่จะเต็มเสียก่อน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงที่ดียิ่งขึ้นหมายความว่าคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับช่วงเวลานั้นๆ และตอบโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้รวดเร็วยิ่งขึ้นรวมไปถึงเล่นเกมมือถือกราฟิกสูงกับเพื่อนๆได้ดียิ่งขึ้น
โดยใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อ 5G ทำให้ตอนนี้คุณสามารถดาวน์โหลดเกมและอัปเดตได้เร็วยิ่งขึ้น Redmi Note 12 5G จึงเหมาะสมที่จะเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ๆได้อย่างดีเยี่ยม และพร้อมเสมอที่จะสตรีมและถ่ายทอดสดวิดีโอผ่านการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและมีความเสถียรมากขึ้น
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB48-1024x685.jpg)
Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่รองรับอัตราการรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ให้ภาพไหลลื่น คมชัด และชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับอัตรารีเฟรชเรท 60Hz
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-5-1024x758.jpg)
หน้าจอแสดงผลของ Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G ยังรองรับโหมดมืด Dark Mode ช่วยลดความสว่างหน้าจอขณะใช้งานในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย และประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ในเครื่อง
พร้อมโหมดการอ่านที่ช่วยปรับสีและพื้นผิวของรายการบนหน้าจอช่วยให้ดวงตาของคุณผ่อนคลายไม่ล้า และปรับโทนสีได้ 3 แบบคือ สดใส, อิ่มสี และมาตรฐาน
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB86-1024x685.jpg)
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-6-1024x758.jpg)
Redmi Note 12 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) โดยรองรับเครือข่าย 4G : LTE FDD:1/3/5/7/8/20/28 และ 4G: LTE TDD:38/40/41 พร้อมโหมด Dual 4G ใช้งาน 4G ได้พร้อมกัน 2 SIM
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB87-1024x685.jpg)
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-5G-SC-6-1024x758.jpg)
ขณะที่ Redmi Note 12 5G รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย (รองรับ NSA + SA) โดยรองรับคลื่นความถี่ 5G : n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/77/78 และสามารถสแตนด์บายได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM)
![]() | ![]() |
ซ้าย Redmi Note 12 ขวา Redmi Note 12 5G
ด้านความปลอดภัย Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้บนปุ่มเปิด/ปิดเครื่องด้านขวาข้างเครื่อง ซึ่งสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ
![]() | ![]() |
ซ้าย Redmi Note 12 ขวา Redmi Note 12 5G
รวมทั้งรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock โดยสามารถลงทะเบียนได้ทั้งหมด 2 ใบหน้า จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-7-1024x758.jpg)
redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh โดย Redmi Note 12 สามารถใช้งานสนทนาต่อเนื่องได้นานสูงสุด 31 ชั่วโมง, เล่นเกมได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 21 ชั่วโมง
ส่วน Redmi Note 12 5G สามารถใช้งานสนทนาต่อเนื่องได้นานสูงสุด 34 ชั่วโมง, เล่นเกมได้นานสูงสุด 14 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 21 ชั่วโมง
พร้อมโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดแบบ Ultra Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และปรับการแสดงผลให้เป็น Dark theme
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB78-1024x685.jpg)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W ชาร์จเต็มได้ 50% ในเวลาเพียง 22 นาที จึงไม่จำเป็นต้องชาร์จทิ้งไว้ก่อนนอน สามารถชาร์จตอนเช้า ซึ่งชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มก่อนที่ผู้ใช้งานจะทำกิจวัตรส่วนตัวในช่วงเช้าเสร็จด้วยซ้ำ และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W แถมมาให้ในกล่องด้วย ไม่ต้องซื้อแยกต่างหาก
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB72-1024x685.jpg)
Redmi Note 12 ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 685 ขนาด 6 นาโนเมตร ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้ชิปเซ็ตนี้ แต่จะรองรับเครือข่าย 4G เท่านั้น รองรับกราฟิกดีขึ้น ใช้งานทั่วไปได้ดี และแบตอึดขึ้น
โดยใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 จับคู่กับ RAM 8GB แบบ LPDDR4X บวก 3GB RAM Virtual และ ROM 128GB แบบ UFS 2.2
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-Series-UB77-1024x685.jpg)
ส่วน Redmi Note 12 5G ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 4 Gen 1 รุ่นอัปเกรดของ Snapdragon 480 Plus ที่มีการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพของ CPU ดีขึ้น 15% และ GPU ดีขึ้น 10% บนเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร
พร้อมรองรับ 5G, รองรับหน้าจอความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz, รองรับ RAM แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.2 และรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 4+
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ทดสอบการเล่นเกมได้ลองกับ ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา
โดย Redmi Note 12 ตั้งค่า FPS ที่ระดับสูง ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 685 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว
ส่วน Redmi Note 12 5G ตั้งค่า FPS ที่ระดับสูง ด้วยขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 4 Gen 1 ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก
ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล
โดย Redmi Note 12 สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “สมดุล” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับกลาง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ และเครื่องไม่ร้อนอีกด้วย
ส่วน Redmi Note 12 5G สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ด้วยชิปเซ็ท Sanpdragon 4 Gen 1 บวกกับ RAM 6GB+2GB Virtual RAM และจอรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้สามารถเล่นได้ไม่หน่วง และไหลลื่น
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-8-925x1024.jpg)
ซ้าย Redmi Note 12 ขวา Redmi Note 12 5G
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป AnTuTu
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/04/Redmi-Note-12-SC-9-925x1024.jpg)
ซ้าย Redmi Note 12 ขวา Redmi Note 12 5G
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป GeekBench 5