ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Redmi Note 11 Pro 5G เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MIUI 13 เวอร์ชันล่าสุด โดยรันอยู่บนพื้นฐานของ Android 11 ในด้านความสวยงามและความลื่นไหล MIUI ถือว่าเป็นจุดแข็งและจุดขายของค่าย Xiaomi มาช้านาน จึงการันตีในเรื่อง User experience ที่สามารถมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบไอคอน, รูปแบบการล็อก, แถบสถานะ, ภาพเคลื่อนไหวและเสียงเรียกเข้าได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ
โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED แบบ DotDisplay พร้อม Software ที่ปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในเรื่องของโทนสี, โหมดมืด และโหมดการอ่านที่ช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้งานเป็นต้น
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Always On Display ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลเวลา และการแจ้งเตือนเมื่อหน้าจออยู่ในโหมด Standby ทำให้เราไม่พลาดในการดูแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในรูปแบบเรียลไทม์
และนอกจากจะทำให้การดูเวลากับการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีความสะดวกคล่องตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ใช้งานยังปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลของนาฬิกา, แบล็คกราวน์และสีได้อีกด้วย
อีกทั้งยังรองรับเอฟเฟกต์การแจ้งเตือน ที่สามารถแสดงผลที่ขอบด้านข้างของตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกคล่องตัวไปพร้อม ๆ กับความสวยงามจากเอฟเฟกต์ที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี 5G ในแบบ dual mode SA&NSA และรองรับ 5G+5G dual SIM standby รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูง มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
มี IR Blaster หรือ อินฟาเรตพอร์ตที่ใช้ในการเป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ผ่านทางแอป Mi Remote ซึ่งรองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากแบรนด์หลากหลายประเภท
Cleaner หรือตัวทำความสะอาด ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้สมาร์ตโฟนเร็วแรงอยู่เสมอ โดยสามารถลบไฟล์ขยะ ถอนการติดตั้งแอป ตรวจสอบความปลอดภัยสมาร์ตโฟนด้วยการสแกนไวรัส เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพด้วยการเพิ่มพื้นที่ว่างเป็นต้น
Security – ระบบความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยดูแลในด้านความปลอดจากการใช้งาน รวมถึงช่วยปรับปรุงพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งการสแกนไวรัส ล็อกแอป แก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ ทดสอบเครือข่าย เพิ่มความเร็ว ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นแอปที่มีประโยชน์ในการใช้งานอย่างแท้จริง
นอกจากจะมีแบตใหญ่สุดอึดถึง 5,000mAh แล้ว Redmi Note 11 Pro 5G ยังมาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ที่ช่วยงานงานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งในภาพรวม Redmi Note 11 Pro 5G มีการจัดสรรพลังงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ
ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะ Redmi Note 11 Pro 5G รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W turbo charging ที่สามารถชาร์จไฟจาก 0 ถึง 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 42 นาที และ 50% ในเวลาเพียง 15 นาที
ประสิทธิภาพ
Redmi Note 11 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SM6375 Snapdragon 695 5G บนสถาปัตยกกรม 6 นาโนเมตร ประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 ซึ่งเมื่อดูจากผลคะแนนจะเห็นว่า Snapdragon 695 นั้นแรงกว่า Snapdragon 680 แบบเห็นได้ชัด เมื่อผสานกับRAM แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำแบบ UFS2.2 จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเล่นเกมและการประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้น รองรับการเล่นเกมได้ทุกประเภท
สำหรับเซนเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ในส่วนของภาครับสัญญาณ GPS พบว่ามีความเร็วและความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดีในระดับใช้งานได้จริง
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Redmi Note 11 Pro 5G มี FM มาให้ใช้งาน ซึ่งเป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ที่มีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นสามารถตั้งเวลาปิด, รองรับการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลังเป็นต้น
Music Player บน Redmi Note 11 Pro 5G จะมี UI ที่ดูเรียบง่ายสบายตา อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงกับแอป Youtube เพื่อฟังเพลงได้อีกทางหนึ่งด้วย ในด้านคุณภาพเสียง Redmi Note 11 Pro 5G มีเอฟเฟกต์เสียงทั้งในส่วนของการเลือกเสียงให้เข้ากับหูฟังที่ใช้งานและยังรองรับการปรับตั้งค่า EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับ Video Player บน Redmi Note 11 Pro 5G รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Game Turbo ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังอำนวยความสะดวกช่วยให้การเล่นเกมเป็นไปยังราบรื่น เช่น การเคลียร์ RAM, บันทึก Screenshot, บันทึกวิดีโอการเล่น, สลับการใช้งาน Wi-Fi เป็นต้น
Redmi Note 11 Pro 5G สามารถตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมในระดับสูงได้เกือบทุกเกม แต่ที่ทางทีมงานแนะนำจริง ๆ ควรเลือกค้าเริ่มต้นที่ตัว Redmi Note 11 Pro 5G กำหนดให้อย่างเหมาะสม ซึ่งในภาพรวมการเล่นเกมบน Redmi Note 11 Pro 5G ถือว่าตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดี ด้วยจอแสดงผลคุณภาพสูง แถมยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ ผสานระบบ Game Turbo รวมถึงชิปเซตที่สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างสมูท แต่ทั้งนี้ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น ควรตั้งค่าให้เหมาะสมตามที่ตัวเกมแนะนำ ซึ่งจะสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่เสียอรรถรสอย่างแน่นอน