คุณสมบัติการใช้งาน
Redmi Note 10 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 มาพร้อมหน้าจอหลักมีดีไซน์เรียบง่าย โดยมีไอคอนแอปพลิเคชันแบบสี่เหลี่ยมขอบมน ตามแบบฉบับของ MUI
เมื่อปัดจากด้านบนลงมาจะพบกับแผงแจ้งเตือน ที่รวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ และแถบเมนูลัด ที่รวมฟังก์ชันใช้บ่อยเอาไว้ด้วยกันเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และมาพร้อมแอปพลิเคชันของ Google ที่ครบครันอีกด้วย
สามารถตั้งค่าเปลี่ยนวิดเจ็ต ปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้เอง โดยมีทั้งแบบซื้อ และฟรี
มาพร้อมโหมดกลางคืน ซึ่งจะเปลี่ยนธีมเป็นสีดำเพื่อความสะดวกในการใช้งานตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อยโดยไม่ปวดตา และสามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติได้ด้วย ทั้งนี้ Redmi Note 10 ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ทำให้การเปิดใข้งานโหมดกลางคืน จะช่วยประหยัดการใข้งานพลังงานอีกทาง และยังมีโหมดการอ่าน ช่วยให้สบายตาขึ้นเวลาที่อ่านตัวหนังสือบนหน้าจอนานๆ
มีฟีเจอร์ Always-On-Display หรือจอแสดงผลแบบเปิดตลอด เป็นการแสดงภาพ เวลา และรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขณะปิดหน้าจอ ช่วยให้ดูเวลา, แบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และแจ้งเตือนบางอย่างได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของ Always-On-Display ได้หลายแบบตามต้องการ
รองรับการใช้งาน 2 SIM พร้อมรองรับเครือข่าย 4G แบบ Dual SIM ใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังบนปุ่มเปิดปิดเครื่องด้านขวาข้างเครื่อง สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
Redmi Note 10 ติดตั้งลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) ช่วยเพิ่มอรรถรสทั้งการดูหนังฟังเพลง และเล่มเกมที่เหนือกว่าลำโพงตัวเดียว
รองรับการชมวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 2160p60
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
Redmi Note 10 ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 678 ที่มาพร้อมกับซีพียู Kyro 460 และจีพียู Adreno 612 ที่ถูกปรับแต่งมาให้ทำงานร่วมกับเกมเอนจินหลัก ๆ ครบครัน อาทิ Unity, Messiah, NeoX และ Unreal Engine 4 รวมถึงเกมระดับท็อปอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลไม่มีสะดุด
ทดสอบเกมแรกกับ Call of duty เกม Shooter เล่นในมุมมองแบบ FPS ที่มาพร้อมภาพกราฟิกระดับสูง โดยเลือกคุณภาพกราฟิกระดับ High แลเฟรมเรทระดับ Max ด้วยความลื่นของจอทำให้สามารถบังคับได้อย่างแม่นยำทั้งทิศทางการเดิน และการเล็งเป้าหมายไปที่ศัตรู โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ต่อด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย Redmi Note 10 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้อย่างสบาย การโหลดเข้าเกมทำได้อย่างรวดเร็ว ความแม่นยำในระบบสัมผัสก็ทำได้ดี โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ปิดท้ายด้วยเกม PUBG ตั้งค่ากราฟิกที่ “HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูงสุด ด้วยอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสที่สูงถึง 480Hz สำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องเคลื่อนที่ และเล็งเป้าอยู่ตลอดเวลาก็ทำได้อย่างแม่นยำ ไม่มีอาการหลอน ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรบกวนการเล่น
โดยรวมถือว่า Redmi Note 10 ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่เล่นเกมได้ดีเมื่อเทียบกับราคา
นอกจากนี้ยังมาพร้อม Game Turbo ที่จัดการเครื่องให้ลื่นไหล รีดประสิทธิภาพให้เต็มสูบก่อนเข้าเกม โดยมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปรับสภาวะเครื่องให้เหมาะต่อการเล่นเกมมากที่สุด เพิ่มความไวในการตอบสนอง ปรับภาพ ปรับเสียง ปิดแจ้งเตือน เป็นต้น
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 10 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 10 ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
Redmi Note 10 ใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W (Mi Turbo Charge) ชาร์จ 0-50% ภายในเวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น รวมทั้งมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน พร้อมระบบการป้องกันการใช้พลังงานอัจฉริยะ และเช็ตดูสถิติการใช้แบตเคอรี่ได้ เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน