คุณสมบัติการใช้งาน
Redmi Note 10 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 มาพร้อมหน้าจอหลักมีดีไซน์เรียบง่าย โดยมีไอคอนแอปพลิเคชันแบบสี่เหลี่ยมขอบมน ตามแบบฉบับของ MIUI
เมื่อปัดจากด้านบนลงมาจะพบกับแผงแจ้งเตือน ที่รวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ และแถบเมนูลัด ที่รวมฟังก์ชันใช้บ่อยเอาไว้ด้วยกันเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และมาพร้อมแอปพลิเคชันของ Google ที่ครบครันอีกด้วย
สามารถตั้งค่าเปลี่ยนวิดเจ็ต ปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้เอง โดยมีทั้งแบบซื้อ และฟรี
มาพร้อมโหมดกลางคืน ซึ่งจะเปลี่ยนธีมเป็นสีดำเพื่อความสะดวกในการใช้งานตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อยโดยไม่ปวดตา และสามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติได้ด้วย และยังมีโหมดการอ่าน ช่วยให้สบายตาขึ้นเวลาที่อ่านตัวหนังสือบนหน้าจอนานๆ
รองรับการใช้งาน 2 SIM พร้อมรองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual SIM Dual Standby ใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด โดยรองรับ 5G Band n1,n3,n7,n8,n20,n28,n38,n40,n41,n66,n77,n78 พร้อมใช้งาน 5G บนเครือข่าย AIS 5G และ True 5G ได้ตั้งแต่แกะกล่อง
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
รองรับการชมวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ QHD 1440p60
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
Redmi Note 10 5G ใช้ชิปเซ็ท Dimensity 700 5G จาก MediaTek ซึ่งเป็นชิปเซ็ทที่ทรงประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพสูง รวมถึงประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับ CPU 4G ทำให้สามารถเล่นเกมได้นานขึ้น และถ้าเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G พร้อมเปิดโหมดจอรีเฟรชเรท 90Hz ก็จะเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
ทดสอบเกมแรกกับ Call of duty เกมแนว Shooter เล่นในมุมมองแบบ FPS ที่มาพร้อมภาพกราฟิกระดับสูง โดยเลือกคุณภาพกราฟิกระดับ Medium แลเฟรมเรทระดับ High ด้วยความลื่นของจอทำให้สามารถบังคับได้อย่างแม่นยำทั้งทิศทางการเดิน และการเล็งเป้าหมายไปที่ศัตรู โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ต่อด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย Redmi Note 10 5G สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้อย่างสบาย การโหลดเข้าเกมทำได้อย่างรวดเร็ว ความแม่นยำในระบบสัมผัสก็ทำได้ดี โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ปิดท้ายด้วยเกม PUBG ตั้งค่ากราฟิกที่ “HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ด้วยอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสที่สูงถึง 480Hz สำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องเคลื่อนที่ และเล็งเป้าอยู่ตลอดเวลาก็ทำได้อย่างแม่นยำ ไม่มีอาการหลอน ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรบกวนการเล่น
โดยรวมถือว่า Redmi Note 10 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่เล่นเกมได้ดีเมื่อเทียบกับราคา
นอกจากนี้ยังมาพร้อม Game Turbo ที่จัดการเครื่องให้ลื่นไหล รีดประสิทธิภาพให้เต็มสูบก่อนเข้าเกม โดยมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปรับสภาวะเครื่องให้เหมาะต่อการเล่นเกมมากที่สุด เพิ่มความไวในการตอบสนอง ปรับภาพ ปรับเสียง ปิดแจ้งเตือน เป็นต้น
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 10 5G ผ่านแอป GeekBench
สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ
แบตเตอรี่
Redmi Note 10 5G ใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 18W ตามสเปกระบุว่าสามารถเล่นเกมได้นานต่อเนื่องสูงสุด 16 ชั่วโม ดูหนังได้นานต่อเนื่องสูงสุด 22 ชั่วโมง และฟังเพลงได้นานต่อเรื่องสูงสุด 178 ชั่วโมง
รวมทั้งมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน พร้อมระบบการป้องกันการใช้พลังงานอัจฉริยะ และเช็ตดูสถิติการใช้แบตเคอรี่ได้ เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไปโดยเปิดใช้งาน 5G เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน