รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
ตัวเครื่อง Redmi 10 ยกระดับรูปลักษณ์ของสมาร์ทโฟนใน Redmi ซีรีส์ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ปราณีตและดูพรีเมียมยิ่งขึ้นด้วยการจัดเรียงกล้องในกรอบสีเงินอย่างมีสไตล์และสง่างาม และยังมีน้ำหนักเบาสามารถจัดได้ถนัดมือ ด้วยขนาดที่มีความบางเพียง 8.92 มม. และมีน้ำหนักเพียง 181 กรัมเท่านั้น
โดย Redmi 10 มีทั้งหมดสามสีด้วยกัน ได้แก่ Carbon Grey และ Pepper White ที่มาในสีด้าน ซึ่งไม่ใช่แค่กันรอยนิ้วมือเพียงเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกสัมผัสที่ละมุนและรู้สึกถึงความหรูหราอีกด้วย ในขณะที่สี Sea Blue มาในดีไซน์แบบเคลือบเงา ให้ความสดใสสะดุดตา ซึ่งสีที่ทาง MobileOcta ได้มารีวิวคือ Carbon Grey
หน้าจอแสดงผล DotDisplay แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (405 ppi) ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
และมีเลนส์กล้องเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลฝังใต้หน้าจออยู่ตรงกลางด้านบน
ด้านหลังเครื่องสีที่ได้มารีวิวเป็นสี Carbon Grey มาในพื้นผิวด้านป้องกันลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี และยังให้ความรู้สึกสัมผัสที่ละมุนและรู้สึกถึงความหรูหราอีกด้วย
โดยมุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลชคู่ LED อยู่ในโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีมุมโค้งมนหนานูนขึ้นมา โดยเลนส์หลักขนาดใหญ่อยู่ด้านบน และเลนส์ขนาดเล็ก 3 ตัวอยู่ด้านล่าง พร้อมข้อความ AI-CAM Photography System
ซึ่งกล้องทั้ง 4 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องแบบ Triple Slot สำหรับใส่ SIM Card ซึ่งรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง กับใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card รองรับสูงสุด 512GB
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มนี้ด้วย
ด้านบนมีช่องหูฟัง 3.5 มม., ช่องลำโพงเสียง และพอร์ตอินฟราเรด
ด้านท้ายเครื่องมีช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
ฟีเจอร์เด่น Redmi 10
Redmi 10 เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่เปิดตัวทั่วโลกด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G88 รุ่นล่าสุด ด้วยการปรับเปลี่ยนที่หลากหลาย ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ใช้งานบนความถี่ GPU และอัตรารีเฟรชเรทที่สูงขึ้น เพื่อยกระดับสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่มีระดับขึ้น อีกทั้งยังมี Image Signal Processor ในรูปแบบใหม่ยังสามารถถ่ายภาพและเก็บทุกรายละเอียดได้อย่างคมชัด
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 90Hz สามารถรับชมคอนเทนต์ต่างๆ และเล่มเกมได้อบ่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AdaptiveSync Display ซึ่งสามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับเนื้อหาของการใช้งานได้โดยอัตโนมัติ (45/60/90Hz) ช่วยลดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานยิ่งขึ้น
Redmi 10 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5 ที่รวดเร็ว และไหลลื่นทั้งการใช้งานทั่วไป ดูหนังฟังเพลง และการเล่นเกม และยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งาน
ใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับทุกความบันเทิงยาวนานถึงสองวันด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 18W รองรับระบบ Reversed Wired Charging 9W และยังแถมอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 22.5W มาให้ในกล่องที่สามารถทำให้คุณใช้เวลาไปกับการชาร์จแบตน้อยลงด้วย
คุณสมบัติการใช้งาน
Redmi 10 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5 ที่มีการปรับปรุงระบบใหม่เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งลดการใช้งาน RAM ลงไป 20%, เพิ่ม Super Wallpaper ที่แสงและเงาเปลี่ยนไปตามเวลาจริง, Privacy ที่ปลอดภัยมากขึ้น เป็นต้น โดยยังมาพร้อมหน้าจอหลักมีดีไซน์เรียบง่าย มีไอคอนแอปพลิเคชันแบบสี่เหลี่ยมขอบมน ตามแบบฉบับของ MUI
เมื่อปัดจากด้านบนลงมาจะพบกับแผงแจ้งเตือน ที่รวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ และแถบเมนูลัด ที่รวมฟังก์ชันใช้บ่อยเอาไว้ด้วยกันเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และมาพร้อมแอปพลิเคชันของ Google ที่ครบครันอีกด้วย
สามารถตั้งค่าเปลี่ยนวิดเจ็ต ปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้เอง โดยมีทั้งแบบซื้อ และฟรี
มาพร้อมโหมดกลางคืน ซึ่งจะเปลี่ยนธีมเป็นสีดำเพื่อความสะดวกในการใช้งานตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อยโดยไม่ปวดตา และสามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติได้ด้วย สำหรับผู้รักในการอ่าน Redmi 10 มีฟีเจอร์ Reading Mode 3.0 ที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอให้เหมือนกระดาษเพื่อช่วยถนอมสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย และปรับโทนสีได้
รองรับการใช้งาน 2 SIM พร้อมรองรับเครือข่าย 4G แบบ Dual SIM ใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องแบบฝังบนปุ่มเปิดปิดเครื่อง สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
Redmi 10 มอบประสบการณ์การดื่มด่ำไปกับความบันเทิงทั้งหลายด้วยลำโพงคู่ (Dual Speaker) คุณภาพสูง
รองรับการชมวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 1440p60
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
Redmi 10 ใช้ชิปเซ็ท MediaTek Helio G88 SoC ใหม่ล่าสุดที่รองรับการแสดงผลแบบรีเฟรชเรทสูงได้ที่ 90Hz และยังมีหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa-Core ที่มากับ CPU แบบ Arm Cortex-A75 ทั้งสองตัวที่ทำงานได้เร็วสูงสุดถึง 2.0GHz ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลไม่มีสะดุด
ทดสอบเกมแรกกับ Call of duty เกม Shooter เล่นในมุมมองแบบ FPS ที่มาพร้อมภาพกราฟิกระดับสูง โดยเลือกคุณภาพกราฟิกระดับ High แลเฟรมเรทระดับ Max ด้วยความลื่นของจอทำให้สามารถบังคับได้อย่างแม่นยำทั้งทิศทางการเดิน และการเล็งเป้าหมายไปที่ศัตรู โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ต่อด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย Redmi Note 10 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้อย่างสบาย การโหลดเข้าเกมทำได้อย่างรวดเร็ว ความแม่นยำในระบบสัมผัสก็ทำได้ดี โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ปิดท้ายด้วยเกม PUBG ตั้งค่ากราฟิกที่ “HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูงสุด ด้วยอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสที่สูงถึง 480Hz สำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องเคลื่อนที่ และเล็งเป้าอยู่ตลอดเวลาก็ทำได้อย่างแม่นยำ ไม่มีอาการหลอน ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรบกวนการเล่น
โดยรวมถือว่า Redmi 10 ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นที่เล่นเกมได้ดีรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Redmi Note 10 ผ่านแอป GeekBench
สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ
แบตเตอรี่
Redmi 10 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับทุกความบันเทิงยาวนานถึงสองวันด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W รองรับระบบ Reversed Wired Charging 9W และแถมอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 22.5W มาให้ในกล้องที่สามารถทำให้ใช้เวลาไปกับการชาร์จแบตน้อยลง