เรียกว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงจริงๆ สำหรับ realme ที่เพิ่งจะเปิดตัวมาได้เพียงแค่ปีเศษเท่านั้น โดยเริ่มต้นจากการส่งสมาร์ทโฟนระดับกลาง และระดับเริ่มต้นออกมาทำตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี ด้วยสเปกจัดเต็มในราคาสุดคุ้ม
ล่าสุดได้เปิดตัว realme X2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวจริงรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมสเปกระดับไฮเอนด์แบบจัดเต็มรอบด้าน รวมถึงกล้องถ่ายภาพทรงพลังที่พร้อมตอบโจทย์ทุกสถานการณ์
และทาง MobileOcta ก็ได้เครื่องมารีวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาดูกันว่า realme X2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของ realme ที่หลายคนรอคอยกันจะโดนใจมากน้อยแค่ไหน?
สเปคเบื้องต้น realme X2 Pro
ขนาด | 161 x 75.7 x 8.7 มม. |
น้ำหนัก | 199 กรัม |
หน้าจอ | Dewdrop notch แบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 84.9% พร้อมค่า Refresh Rate ที่ระดับ 90Hz, รองรับ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 855+ (7 nm) และหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640 (700 MHz) |
RAM | 12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB |
microSD Card | – |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 4 ตัว Quad Camera ประกอบด้วย
กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX471, รูรับแสง f/2.0 และรองรับ Selfie Nightscape สามารถถ่ายเซลฟี่ในที่มืดได้ |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Color OS 6.1 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB Type-C, USB On-The-Go, NFC |
รองรับระบบ | 2G:GSM:850/900/1800/1900
3G:WCDMA:B1/B2/B4/B5/B6/B8/B19 4G:LTE FDD:B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B12/B17/B18/B19/B20/B26/B28 TD-LTE:B34/B38/B39/B40/B41 ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4000mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 50W SuperVOOC Flash Charge |
สี/ ราคา | Lunar White, Neptune Blue ราคา 19,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภํณฑ์ของ realme X2 Pro เป็นกล่องกระดาษแข็งมาในโทนสีขาว ด้านหน้ากล่องโชว์รูปตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านบนนอกจากชื่อรุ่นแล้วยังมาพร้อมสเปกเด่นคือใช้ขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 855+ และกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
ส่วนด้านหลังกล่องจะระบุชื่อรุ่น / สี / ซึ่งสีที่ได้มารีวิวคือสีฟ้า Naptune Blue ซึ่งเป็นสีที่ได้แรงบันดาลใจจากพื้นผิวน้ำทะเลที่โดนแสงจันทร์กระทบ เข้ากันอย่างลงตัว สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมขนาดความจุ ROM/RAM และเครือข่ายที่รองรับ
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
1.ตัวเครื่อง realme X2 Pro
2.สาย USB Type-C + อะแดปเตอร์ 50W SuperVOOC Flash Charge (10V, 5A)
3.อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
4.เคสซิลิโคนใส
5.คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง realme X2 Pro มีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สวยหรูดูพรีเมี่ยม โดยใช้วัสดุที่ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เสริมด้วยกรอบโลหะที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง
หน้าจอแสดงผลเป็นจอทรงหยดน้ำ dew-drop full screen แบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (402 ppi) ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับ HDR 10+ และมีอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz ช่วยให้การสัมผัส รวมถึงประสบการณ์ใช้งานจะดูลื่นไหลมากกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีค่า Refresh Rate ประมาณ 60 Hz โดยในรอยบากมีเลนส์กล้องเซลฟี่ และเหนือหน้าจอมีช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ซ่อนอยู่ด้านใน
พลิกมาด้านหลังเครื่องมาในดีไซน์แบบไล่เฉดสี พร้อมลายสไตล์ X Pattern โดยตรงกลางด้านบนติดตั้งกล้อง 4 ตัว Quad Camera ความละเอียด 64MP+13MP+8MP+2MP วางเรียงกันในแนวตั้ง โดยเลนส์หลักจะมีกรอบสีเหลือง ส่วนไฟแฟลชคู่ Dual LED อยู่ด้านข้าง และมีโลโก้ realme อยู่ถัดลงมาด้านขวา ไม่ได้อยู่ตรงกลางด้านล่างเหมือนรุ่ก่อนๆ แปลกดี
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และมีแถบสีดำซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณเครือข่ายมือถือ
ด้านขวาข้างเครื่องมีช่องใส่ SIM Card ซึ่งรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM Crd ปุ่มเลื่อนปรับสถานะของเครื่องเป็นโหมดเงียบ, สั่น และเปิดเป็นเสียงเรียกเข้า กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านท้ายเครื่องมีช่องลำโพงเสียง, พอร์ต USB Type-C, ช่องไมโครโฟน และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme X2 Pro
realme X2 Pro ใช้หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz แสดงผลหน้าจอได้รวดเร็วและลื่นไหล ภาพกราฟฟิกคมชัด ทำให้การมองจอในที่สว่างและในที่มืดสบายตามากยิ่งขึ้น และมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ไวมากๆ รวมทั้งสามารถเลือกปรับเป็นโหมดจออัตรารีเฟรชเรท 60Hz เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้
โดยหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Waterdrop Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (402 ppi) ในอัตราส่วน 20″9 และมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 91.7% พร้อมรองรับการแสดงผลตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ครอบคลุม 100%, มาตรฐาน HDR10+, ค่าความสว่างสูงสุดที่ 1000 nits และค่า Contrast Ratio ที่ระดับ 2000000:1 และมีการตรวจสอบและรองรับโดย TÜV Rheinland สถาบันรับรองความปลอดภัยในการใช้งานของผู้บริโภค และเป็นมิตรต่ สิ่งแวดล้อมจากประเทศเยอรมัน
มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือภายใต้จอแสดงผล (In-Display Fingerprint Scanner) และถึงแม้จะเป็นรุ่นแรก แต่ตัวเซ็นเซอร์นั้นใช้โมดูลคุณภาพสูงจาก Goodix 3.0 ที่มีความรวมเร็วแม่นยำ สามารถปลดล็อคได้ไวโดยใช้เวลาเพียง 0.23 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าแตะปุ๊บปลดล็อคปั๊บ ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแต่อย่างใด และมีเอฟเฟกต์ในขณะปลดล็อกหน้าจอให้เลือกปรับเปลี่ยนได้ถึง 5 รูปแบบ ซึ่งช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ face unlock บน realme X2 Pro นั้นก็ให้ความรวดเร็วแม่นยำ ไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาไม่ถึง 0.23 วินาที และยังทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ตอบโจทย์คอเกมสายฮาร์ดคอร์ด้วย HyperBoost 2.0 เทคโนโลยีที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ประกอบด้วย FrameBoost 2.0 สามารถวิเคราะห์สถานการณ์แบบ real-time และจัดการเฟรทเรทให้เสถียรขึ้น 41.1% และ TouchBoost 2.0 ซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองหน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น 22.2%
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chambers มาให้ด้วย ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตัวเครื่องมีอุณหภูมิไม่สูงจนเกินไปแม้ว่าจะประมวลผลอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา
Game Assistant ในขณะเล่นเกม กล่องข้อความจะแจ้งเตือนแบบโปร่งแสง เพื่อทำให้ไม่พลาดในช่วงสำคัญ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานทางลัด เช่นการปิดกั้นการแจ้งเตือน การจับภาพหน้าจอ และการบันทึกหน้าจอเป็นต้น
สำหรับ Game Space “การเร่งความเร็วเกม” ที่ช่วย optimization ให้เล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยจัดการด้านจัดการด้านเครือข่าย เช่นการปฏิเสทสาย จัดการด้านการแจ้งเตือน ล็อคความสว่างเป็นต้น ทำให้การเล่นเกมบน realme X2 Pro นั้นเป็นไปอย่างสมูทลื่นไหล ไม่มีอาการสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจในขณะเล่นเกม
รวมไปถึงมีระบบ Tactile Engine Motor หรือมอเตอร์สั่นตามสถานการณ์ของเกมเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างเล่นเกมให้มีความสมจริง และสนุกเพิ่มขึ้น
realme X2 Pro ใข้แบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 50W SuperVOOC Flash Charge โดยชาร์จผ่านอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว (10V5A) ที่แถมมาให้ในกล่อง สามารถชาร์จจาก 0-100% ภายในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่าเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W (9V2A) ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว และยังสามารถชาร์จไปเล่นเกมไป 30 นาทีได้ 80% อีกด้วย
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
realme X2 Pro รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.1 เวอร์ชั่นล่าสุด โดยตัว User Interface มาในสไตล์โมเดิร์น พร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัว
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งในส่วนของเลย์เอาท์หน้าจอหลัก ทั้งรูปแบบคอลัมน์ และหน้า Apps Drawer ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับแต่งภาพพื้นหลัง และรูปแบบธีมที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน ร้านขายธีม หรือ Theme Store ที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วภายในเครื่อง
ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ realme X2 Proมีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
จอแสดงผลของ realme X2 Pro มาพร้อมคุณภาพที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งการแสดงผลเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยถนอมปกป้องดวงตา จึงทำให้มีความปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว
ในโหมด Quick gestures หรือโหมดตัวช่วยเพิ่มความสะดวก เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของหลาย ๆ แบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียง, วาดบนหน้าเจอเพื่อเปิดแอปฯ / ควบคุมการคอนโทรล Music Player, การจับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว, การรับสายอัตโนมัติเมื่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเป็นต้น
สำหรับปุ่มนำทาง Navigation สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ แต่สามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เป็นการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออย่างแท้จริงนั่นเอง
Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด เช่นการจับภาพ / บันทึกหน้าจอ, การเข้าถึงไฟล์, กล้อง, ข้อความและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบด้านข้างของหน้าจอแสดงผล โดยรองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ต้องการเข้ามาเข้ามาอยู่ในแถบ Smart Slider ได้อีกด้วย
แบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน ได้ง่าย ๆ แค่ลากสาวนิ้วจากล่างขึ้นด้านบนของจอแสดงผล และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว
ในด้านความปลอดภัย realme X2 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างครอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัว การเข้าถึงแอปพลิเคชั่น พื้นที่สำหรับเด็ก และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
Phone Manager เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการลบไฟล์ขยะและไฟล์แคชของระบบ, การจัดการด้านความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว, การสแกนไวรัส และการปกป้องด้านการชำระเงินเป็นต้น ซึ่งแอปฯนี้จะช่วยให้การทำงานของตัวเครื่องเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วและความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน ในภาพรวมต้องบอกว่า realme X2 Pro นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ สามารถใช้งานได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ
ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 4,000mAh แล้ว ต้องบอกว่าเทคโนโลยี VC liquid cooling ช่วยควบคุมอุณหภูมิเครื่องเวลาใช้งาน ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานหน้าจอ และช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ จึงทำให้การจัดสรรพลังงานบน realme X2 Pro เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ประสิทธิภาพ
realme X2 Pro ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 885 Plus ที่เร็วที่สุดแห่งปีบนสถาปัตยกรรม 7nm พร้อมหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640 ประมวลผลได้เร็วขึ้น 15% ของชิปเซ็ท Snapdragon 855 และชิป AI ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิม 3 เท่า เล่นเกมได้ลื่นไหล สลับแอปไวกว่าเดิม
สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player บน realme X2 Pro มาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น
แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือในด้านกำลังขับและเทคโนโลยี Dolby Atmos ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง อีควอไลเซอร์ได้ยืดหยุ่นตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์เต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน
realme X2 Pro ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ realme ที่มาพร้อมลำโพงคู่ Ultra-linear dual speakers และรองรับคุณภาพเสียงแบบ Hi-Res (ผ่านหูฟัง)
สำหรับ Video Player บน realme X2 Pro รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K ได้อย่างสมูทไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
Call Of Duty เลือกปรับกราฟิคคุณภาพสูง และเฟรมเรทระดับสูงสุด สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการแลคให้หงุดหงิดใจ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับชิปเซ็ตและพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 3.0 รวมถึง RAM ที่จัดเต็มถึง 12GB
ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา เมื่อลองเล่นที่บนเฟรมเรทสูง ก็ยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมูทลื่นไหล แถมเฟรมเรทไม่ตกอีกด้วย โดยสามารถรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 58- 60fps แบบต่อเนื่อง
สำหรับ PUBG Mobile เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง หากต้องการเล่นบนความละเอียดคมชัดระดับ HD พร้อมความลื่นไหล ซึ่งไม่มีปัญหากับ realme X2 Pro แต่อย่างใด เพราะสเปคนั้นจัดเต็มอยู่แล้ว เมื่อบวกกับ HyperBoost 2.0 ที่เป็นโหมดการเล่นเกมอันโดดเด่น จึงส่งผลให้ realme X2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองในการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
User Interface หรือหน้าเมนูกล้องออกแบบเน้นที่ความเรียบง่ายสะอาดตา การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยประกอบไปด้วย การเปิด/ปิดไฟแฟลช, HDR Mode, โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide-Angle), Dazzle Color Mode, ฟีลเตอร์, และการตั้งค่าหลักของกล้อง
ส่วนกล้องหน้าจะมีไฮไลท์ที่ AI Beauty แบบล่าสุด รองรับ AI Effect การแต่งภาพ 8 แบบ สามารถจดจำใบหน้าของบุคคลได้ถึง 296 จุด ซึ่งสามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมจำแนก เพศ อายุ และสีผิว เพื่อให้ภาพออกมาเหมาะสมเข้ากับบุคคลและเพศของผู้ใช้งาน
สำหรับโหมดการถ่ายอื่น ๆ สามารถเรียกใช้งานโดยแตะที่ปุ่มสามขีดที่มุมซ้ายล่าง โดยมีโหมดความละเอียด 64 MP พิเศษ, โหมดทิวศน์กลางคืน, พาโน, ผู้เชี่ยวชาญ, โหมดไทม์แลปส์, สโลว์โมชั่น และมาโครพิเศษ
ทดสอบกล้องหน้า
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยยังไม่เปิดใช้งาน AI Beauty ในภาพรวม เก็บรายละเอียดความคมชัดได้ดี สกินโทนมีความเป็นธรรมชาติ และไวท์บาลานซ์ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งในโหมด Auto ถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจมาก ๆ
เมื่อลองเปิดใช้งาน AI Beauty ด้วยความฉลาดของ AI ที่สามารถสามารถจดจำใบหน้าของบุคคลได้ถึง 296 จุด ซึ่งสามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมจำแนก เพศ อายุ และสีผิว เพื่อให้ภาพออกมาเหมาะสมเข้ากับบุคคลและเพศของผู้ใช้งาน
ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ และเข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ realme X2 Pro ยังมาพร้อมกับ AI Effect การแต่งภาพ 8 แบบ ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว โครงสร้างใบหน้าแบบ 3 มิติ เป็นต้น
โดยในรูปนี้ใช้เอฟเฟกต์ ปรับแต่งใบหน้าให้กระจ่างใส และให้ดวงตากลมโตขึ้นแบบ 100% (เพื่อให้เห็นความแตกต่างจากภาพบน) สรุปว่าปรับตั้งค่าได้ยืดหยุ่นมาก ๆ อยากเสริมจุดเด่น กลบจุดด้อยตรงไหน AI Effect บน realme X2 Pro
โหมด portrait ที่ละลายฉากหลังได้สวยละมุนมีความเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเก็บดีเทลของตัวขอบอย่างเช่นเส้นผม หรือขอบเสื้อผ้าไว้ได้ค่อนข้างดีอีกด้วย และนอกจากนี้เรายังสามารถปรับการเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ระดับ 0-100 ทำให้การถ่ายภาพหน้าฉัดหลังเบลอมีความยืดหยุ่นที่ดีมาก
และในโหมด portrait ยังสามารถใช้งานร่วม AI Effect ได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถปรับแต่งการเซลฟี่ของเราได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะได้ภาพที่มีการละลายฉากหลังผสานเข้ากับเอฟเฟกต์บิวตี้ได้อย่างลงตัว
ในโหมด portrait จะมีฟีเจอร์ Artistic Portrait สามารถเลือกใช้ฟิลเตอร์ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อปรับแต่งให้โบเก้และสกินโทนของภาพออกมาดูสวยงามและมีเสน่ห์ เช่นโทนภาพแนวเรโท หรือพาสเทลเป็นต้น
ทดสอบกล้องหลัง AI Quad Camera 64 ล้านพิกเซล
กล้องหลังมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ที่นอกจากจะให้ความคมชัดได้ดีเยี่ยมแล้วยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่อัดแน่นไม่แพ้กล้องหน้า
มีบิวตี้โหมดมาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า โดยสามารถเลือกปรับระดับความสวยงามได้ตั้งแต่ 0-100 โดยรูปนี้เปิดใช้งานบิวตี้ที่ระดับ 30
เปิดใช้งานบิวตี้ที่ระดับ 50
เปิดใช้งานบิวตี้ที่ระดับ 100
โหมด portrait ของกล้องหลัง ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กล้องหน้า ทั้งการละลายฉากหลังและโบเก้ของภาพ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับตัว Hardware ชั้นแยี่ยม โดยกล้องหลัง 4 เลนส์บน realme X2 Pro จะมี 1 เลนส์ที่ทำหน้าที่เป็น deep sensor ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอและการสร้างโบเก้ของภาพที่ทำให้เกิดมิติและความสวยงามได้ในสไตล์กล้องมือโปร
สำหรับรูปนี้เปิดใช้ bokeh effect ที่ระดับ 100 ซึ่งจะให้ภาพที่ดูมีมิติเพิ่มขึ้นมา เรียกว่าให้ฟิลลิ่งได้ไกลเคี้ยงกล้องรัดับโปรเลยทีเดียว
เก็บความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล
Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)
ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษถึง 115 องศา ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป
Normal mode
รองรับการซูมแบบ Digital Zoom ได้ถึง 20x
Ultra macro
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 2.5 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน
Chroma Boost
เป็นโหมดที่ AI engines ระบุฉากเฉพาะ จากนั้นจะใช้อัลกอริธึมของ color-mapping ในระดับพิกเซล ในการคืนค่าสีและความสว่าง เพื่อให้ได้ภาพดูเป็นธรรมชาติ มีสีสันที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติกว่าการใช้ Filter หรือ Vivid mode
โดยโหมด Chroma Boost จะมีประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือในที่แสงน้อย สามารถเพิ่มเลเยอร์ของสีให้ภาพแม้ถ่ายในแสงไฟสลัว พร้อมปรับรายละเอียดให้ภาพแม้ในส่วนที่ไม่มีแสง, เพิ่มแสงให้การถ่ายภาพธรรมชาติ อาเช่นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก และคงความธรรมชาติไว้
Night scape
Auto Mode
Night scape
สำหรับ Night scape หรือโหมดกลางคืนบน realme X2 Pro จะใช้ความสามารถจาก AI HDR เพื่อทำการลด Noise ลดการสั่นไหว และเพิ่มประสิทธิภาพแบบ low-high และช่วงไดมิกที่กว้างขึ้น เมื่อบวกกับค่ารูรับแสงที่กว้าง f/1.72 จึงทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความสว่างคมชัด โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องแต่อย่างใด
จากนี้ไปรับชมภาพจากกล้อง realme X2 Pro ในสภาพแสงต่าง ๆ
สรุป realme X2 Pro
เริ่มต้นจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลาง สเปกครบครัน ในราคาสุดคุ้ม มาวันนี้ realme ได้ขยายกลุ่มไปยังลูกค้าที่ต้องการสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ด้วยการส่ง realme X2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของบริษัทที่มาพร้อมสเปกที่จัดเต็มสมกับสโลแกน “แรงเต็มขั้น พลังเรือธง”
ไม่ว่าจะเป็นจอรีเฟรชเรท 90Hz ช่วยการทัชสกรีนไหลลื่น รวมถึงใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 855+ บวกกับ RAM 12GB สุดแรง พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ขนาดจุใจ 256GB ถูกใจเกมเมอร์แน่นอน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 50W SuperVOOC Flash Charge ใช้เวลาชาร์จจาก 0 ถึง 100% เพียง 35 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องรอนาน
ด้านการถ่ายภาพเป็นอีกจุดเด่น โดยมาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวที่ได้ช่างภาพชื่อดังระดับโลกมาช่วยพัฒนา ซึ่งกล้องแต่ละตัวตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกระยะ ตั้งแต่กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ไปจนถึงเลนส์มุมกว้าง 115 องศา และเลนส์ Telephoto ที่ซูมแบบไฮบริดได้ 20 เท่า
โดยรวมแล้ว realme X2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เรียกว่าอัดแน่นด้วยสเปกระดับไฮเอนด์ของสมาร์ทโฟนในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มเลยทีเดียวครับ
ทั้งนี้ realme X2 Pro มีให้เลือก 2 เฉดสีด้วยกันคือ Neptune Blue และ Lunar White วางจำหน่ายในราคา 19,999 บาท และเปิดให้ Pre – order แล้ววันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พร้อมของแถม VIP Card ประกันหน้าจอ 1 ปี ประกันตัวเครื่องนาน 2 ปี และ realme Buds Wireless รวมมูลค่ากว่า 10,999 บาท
พิเศษ!! เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจผ่านโอเปอเรเตอร์ AIS และ TrueMove H เริ่มต้นเพียง 9,499 บาทเท่านั้น !! คลิกดูรายละเอียดรายละเอียดแพ็คเกจได้ที่นี่
และพรีอออเดอร์ผ่านทาง ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 17,999 บาทเท่านั้น !!
และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็