realme GT Neo2 5G สมาร์ตโฟนนักฆ่าเรือธงน้องใหม่ในตระกูล GT เปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาพร้อมหน้าจอคุณภาพระดับพรีเมียม E4 AMOLED 120Hz อัดแน่นด้วยชิปเช็ตทรงพลังที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานแบบเต็มขั้น และดีไซน์สุดล้ำสะดุดตากับสีเขียว NEO GREEN
ใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อดีไหม? เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปชมรีวิวเต็ม realme GT Neo2 5G กันเลยครับ
สเปคเบื้องต้น realme GT Neo2 5G
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ realme GT Neo2 5G เป็นกล่องขนาดยาวสีดำตามสไตล์กล่อง realme GT Series โดดเด่นด้วยลายเส้นสีเทาพาดเป็นแนวเฉียง โดยด้านหน้ากล่องระบุชื่อรุ่นให้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมโลโห้ 5G อยู่มุมซ้ายด้านบน และวางโลโก้ realme ขนาดใหญ่ไว้ตรงขอบมุม
ส่วนด้านหลังกล่องระบุจุดเด่นไว้อย่างชัดเจนประกอบด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 870 5G, หน้าจอแสดงผล 120Hz E4 AMOLED, รองรับชาร์จไว 65W SuperDart Charge และระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบตัวเครื่อง realme GT Neo2 5G ในสี Neo Green ซึ่งติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย พร้อมด้วยซองเอกสารที่มีข้อความยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัว realme
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ และข้อมูลด้านความปลอดภัย
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- อแดปเตอร์ชาร์จไว 65W SuperDart Charge
- สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
- เคส TPU สีดำ
อแดปเตอร์ชาร์จไว 65W SuperDart Charge
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
realme GT Neo2 5G มาในดีไซน์สุดล้ำแบบ Neo ที่ได้รับการออกแบบโดย realme Design Studio มี 3 สีด้วยกันคือ สีฟ้า NEO Blue ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้นริมชายหาด มอบความสวยงามเจิดจ้าด้วยการเคลือบผิวแบบเมทัลลิก และมีการใช้กระบวนการเคลือบนาโนเลเยอร์ 7 ชั้น, สีดำ NEO Black โทนสีเข้มสุดคลาสสิค แต่สีที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็คือ สีเขียว NEO Green
โดยสี NEO Green ของ realme GT Neo2 5G ได้แรงบันดาลใจมาจากความมีชีวิตชีวาของสีเขียวในธรรมชาติ ผสานกับความทันสมัยของยุคดิจิทัลอย่างลงตัว โดยผ่านการเคลือบนาโนเลเยอร์ 7 ชั้น จนได้ผิวสัมผัสที่มีความเรียบเนียน มันเงา เปรียบเสมือนผ้าไหม อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความทนทานต่อการขีดข่วน และป้องกันการลื่นหลุดมือ
หน้าจอแสดงผลเแบบ E4 AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.62 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 92.60%, ช่วงสี DCI-P3 100%, ความสว่างสูงสุด 1300nits. อัตราความคมชัด 5,000,000:1 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 600Hz, รองรับ HDR10+ รวมทั้งยังติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงแบบ 360 องศา ช่วยปรับความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติ ตามสภาพแสงรอบข้าง ไม่ว่าจะใช้งานในที่กลางแจ้งหรือแสงน้อย
มุมซ้ายด้านบนของหน้าจอเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5, 26mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.09″, ขนาดพิกเซล 1.0µm
พลิกมาด้านหลังเครื่อง มุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED และข้อความ 64MP Matrix Camera อยู่ในโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้า
โดยกล้อง 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.73″, ขนาดพิกเซล 0.8µm และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3, 16mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″, ขนาดพิกเซล 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านขวาข้างเครื่องปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง
ด้านท้ายเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card โดยรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
ฟีเจอร์เด่น realme GT Neo2 5G
realme GT Neo2 5G รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบปรับได้ในช่วง 30Hz, 60Hz, 90Hz และสูงสุด 120Hz ให้การใช้งานที่ลื่นไหล และยังประหยัดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส Touch Sampling Rate สูงสุด 600Hz ซึ่งหมาย8ความว่า อัตราตอบสนองต่อการสัมผัส 600 ครั้งใน 1 วินาที จึงเป็นจอแสดงผลที่เหมาะสำหรับการเล่นเกม และรับชมภาพยนตร์
ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 870 5G ที่ผลิตด้วยนวัตกรรมขั้นสูง ทำให้ได้ชิปเซ็ตเล็กเพียง 7 นาโนเมตร แต่มอบประสิทธิภาพขั้นสูง ให้ความเร็ว 3.2GHz ซึ่งถือเป็นรุ่นที่มีความเร็วสูงสุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ พร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 650 ทำให้แรงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน 10% ช่วยให้การดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชันและการเล่นเกมมีความเร็วสูงมาก
realme GT Neo2 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สามารถขยาย RAM ได้อีก 7GB ช่วยให้รุ่นที่มาพร้อม RAM 12GB ขยายได้สูงสุด 19GB ส่วนรุ่น RAM 8GB ขยายได้สูงสุด 15GB ขณะที่ ROM ก็ให้มาไม่น้อย 128GB หรือ 256GB (ขึ้นอยู่กับตัวเลือก RAM) โดยใช้มาตรฐาน UFS 3.1 สามารถเขียนและอ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูง
ติดตั้งระบบระบายความร้อนใหม่ล่าสุด Stainless Steel Vapor Cooling Plus ซึ่งประกอบด้วยชั้นระบายความร้อนถึง 8 ชั้นแบบกระจายตัว 3 ทิศทาง โดยใน 8 ชั้นนั้น จะมีชั้นสแตนเลสที่มีพื้นที่ถ่ายเทความร้อนถึง 4,129 ตารางมิลลิเมตร ถือเป็นแผ่นกระจายความร้อนในสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ realme เคยใช้มาและใหญ่ที่สุดในวงการสมาร์ตโฟนปัจจุบัน และยังมีชั้น VC ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบผสมระหว่างเหล็กและทองแดง จึงมีความแข็งแรงและต้านทานความร้อนได้ดี
นอกจากนี้ realme GT Neo2 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ Diamond Thermal Gel ในการระบายความร้อน เพราะนอกจากเพชรจะเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการนำความร้อนที่ดีเยี่ยม โดยมีค่าการนำความร้อนสูงถึง 2000 W/(mK) ในอุณหภูมิห้อง(อ้างอิงจากเพชร Type ll)
ดังนั้น realme GT Neo 2 5G จึงเลือกใช้เพชรอนุภาค 40-50um (ไมครอน) ทำเป็นซิลิโคนช่วยระบายความร้อน และเมื่อทำงานร่วมกับแผงทั้ง 8 ชั้น จึงมอบสุดยอดการระบายความร้อนในสมาร์ตโฟนที่ดีเยี่ยม สามารถลดอุณภูมิของแกนประมวลผลได้สูงสุด 18° และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานซีพียูได้สูงสุดถึง 20%
รองรับ 5G พร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมโหมด Smart 5G สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมสัญญาณโดยรอบและเปลี่ยนจาก 4G เป็น 5G ได้อย่างชาญฉลาด ปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานลง 30% โดยรองรับ 13 คลื่นความถี่ 5G ทั่วโลก (1/3/5/7/8/20/28/66/n77/78/38/40/41) และยังรองรับคลื่นความถี่ 2G, 3G และ 4G ด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อ Wi-Fi ก็สนับสนุนมาตรฐานใหม่ล่าสุด Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax สามารถทำความเร็วในระดับสูงสุด 9.6Gbps ขณะที่ Wi-Fi 5 มีความเร็วสูงสุดที่ 3.5Gbps นอกจากนี้ Wi-Fi 6 ยังให้ค่าความหน่วงแฝงที่ต่ำกว่า และรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นกว่า แต่จำเป็นต้องใช้ Wi-Fi Router ที่รองรับมาตรฐาน 802.11ax ด้วยเช่นกัน
realme GT Neo2 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับการเล่นเกมได้นานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง หรือ รับชมวิดีโอบน YouYube นานสูงสุด 24 ชั่วโมง หรือฟังเพลงนานสูงสุด 88 ชั่วโมง และสนทนาได้ยาวนาน 33 ชั่วโมง โดยรองรับการชาร์จไว 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-100% ภายในเวลาเพียง 36 นาที
นอกจากนี้ realme ยังนำอัลกอริทึม VCVT Intelligent Tuning และ VFC Trickle Charging มาใช้กับระบบชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะชาร์จ โดยการปรับแรงดันและกระแสไฟอย่างชาญฉลาด ที่สำคัญก็คือ ภายในกล่องยังแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 65W Power Adapter มาให้ด้วย