คุณสมบัติการใช้งาน
realme C53 มาพร้อม realme UI T Edition บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 13 ซึ่งเป็น UI ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในตระกูล C Series ที่ใช้ระบบปฎิบัติการนี้ด้วย
หน้าจอมีให้เลือกใช้งาน Dark theme ที่จะปรับพื้นหลังเมนูต่างๆ เป็นสีดำ ช่วยถนอมสายตา และช่วยประหยัดพลังงานด้วย พร้อมปรับความละเอียดอัตโนมัติเวลาเล่มเกมเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ และลดความร้อนส่วนเกิน และสามารถตั้งค่าความต่างของแสงได้ทั้งแบบสดใส และแบบนุ่มนวล รวมถึงสีที่มีให้เลือก 3 แบบคือ มาตรฐาน อบอุ่ม และเย็น
เมื่อใช้นิ้วแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะพบกับไอคอนการเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth , การหมุนหน้าจออัตโนมัติ, โหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น รวมถึงมี Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ และสามารถเลือกไอคอนอื่นที่ใช้งานบ่อยๆ มาสลับเปลี่ยนได้อีกด้วย
เลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้โดยกดค้างที่ตรงกลางของหน้าจอ
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับการใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รวมทั้งรองรับการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะฝังบนปุ่มเปิด/ปิดเครื่องด้านขวาข้างเครื่อง เพีนงแค่แตะนิ้วลงไปเท่านั้น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะใช้เวลาเพียง 0.5 วินาทีเพื่อปลดล็อค โดยนอกจากปลดล็อคหน้าจอแล้วยังสามารถตั้งค่าปลดล็อคแอป และที่เก็บข้อมูลส่วนตัวได้
ประสิทธิภาพ
realme C53 ใช้ชิปเซ็ท Unisoc T612 บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 12nm แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.8GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ARM Mali-G57 โดยใช้หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB/4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB/64GB แบบ UFS 2.2 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 1TB โดยมีประสิทธิภาพและความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเปรียบเทียบ กับ eMMC 5.1 ซึ่งจะช่วยให้การส่งไฟล์และการเข้าเกมรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ผลทดสอบประสิทธิภาพ realme C53 บนแอป AnTuTu
ผลทดสอบประสิทธิภาพ realme C53 บนแอป GeekBench
สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
realme C53 มาพร้อม Music Player ที่มีความสามารถครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือระบบเสียง Real Sound ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น (ใช้งานได้กับชุดหูฟัง)
สำหรับ Video Player บน realme C53 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ 720p60 ได้อย่างสมูทไหลลื่น พร้อมเทคโนโลยี Dirac 3.0 ให้เสียงที่ชัดและกระหึ่มยิ่งขึ้น เพลิดเพลินกับการชมวิดีโอหรือฟังเพลงได้เต็มที่
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพ realme C53 ใช้ชิปเซ็ท Unisoc T612 SoC สมรรถนะโดดเด่น ผสานกับหน่วยประมวลผลกราฟิก ARM Mali-G57 และหน่วยความจำ RAM 6GB ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ไหลลื่นไม่สะดุด แม้ว่าจะเล่นเกมต่อเนื่องยาวนานก็หายห่วง เพราะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5,000mAh
ต่อกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme C53 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้ แต่อาจจะได้ได้ลื่นมากนัก โดยการเล่นบนเฟรมเรทสูงจะมีอาการสวิงขึ้นลงบ้าง แต่ถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยเกม PUBG โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับ HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ