หลังจากที่ realme เปิดตัว realme C55 สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกลยุทธ์ใหม่ A Champion of The Segment เพื่อยกระดับ C Series ให้มีความสามารถสูงขึ้นไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดตัว realme C53 น้องใหม่ในตระกูลเดียวกันออกมาอีกรุ่นกับสโลแกน “33W Champion Charge”
โดย realme C53 ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นแชมป์เปี้ยนของสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น และได้พัฒนาใน 3 ด้านได้แก่ การชาร์จ, หน่วยความจำ และดีไซน์ และยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Mini Capsule เหมือนกับ realme C55 ที่มีฟังก์ชั่นการแจ้งเตือนการชาร์จ การแจ้งเตือนข้อมูล และฟังก์ชั่นอื่นๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูรีวิวกันเลยครับ
สเปคเบื้องต้น realme C53
ขนาด | 167.4 x 77 x 7.49 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 187 กรัม |
หน้าจอ | Mini Drop Full Screen Display แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ขนาด 6.74 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9, อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.3%, ความสว่างสูงสุด 450nits โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และมีอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 1.82GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Unisoc T612 (12 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก ARM Mali-G57 |
RAM | 6GB แบบ LPDDR4X พร้อม Dynamic RAM สูงสุด 12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB แบบ UFS 2.2 |
microSD Card | สูงสุด 2TB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลังคู่ Dual Camera ประกอบด้วย – กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (wide) รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF – กล้องตัวที่ 2 VGA ความละเอียด 0.08 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.0 พร้อมโหมด 50MP, Video, Night Mode, Panoramic view, Expert, Timelapse, Portrait Mode, HD AI Scene Recognition, Filter, Slow Motion กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 13 ครอบทับด้วย realme UI T Edition |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth 5.0 A2DP, LE, GPS with A-GPS, GLONASS, GALILEO, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C 2.0 |
รองรับระบบ | GSM: 850/900/1800/1900 WCDMA: Bands 1/5/8 FDD-LTE: Bands 1/3/5/8 TD-LTE: Bands 38/40/41 |
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร้ว 33W SuperVOOC |
สี | สีทอง Champion Gold และสีดำ Mighty Black |
ราคา | RAM 6GB+128GB ราคา 4,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
realme C53 มาพร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์แบบกล่องกระดาษสีเหลืองที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไซส์พอดีกับตัวเครื่อง ด้านหน้ากล่องสลักชื่อรุ่นขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดอยู่ตรงกลาง และโลโก้ realme อยู่ด้านล่าง และด้านข้างกล่องทั้ง 2 ด้านก็มีชื่อรุ่นเหมือนกัน
ส่วนด้านหลังกล่องด้านบนระบุสเปกเด่น 6 อย่างด้วยกันคือ รองรับชาร์จไว 33W SuperVOOC Charge, แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh, กล้อง AI ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, หน้าจอขนาด 17.13 ซม. (6.74 นิ้ว) อัตรารีเฟรชเรท 90Hz, ตัวเครื่องบางเฉียบ 7.49 มม. Ultra Slim และขับเคลื่อนด้วยซีพียู Octa Core อันทรงพลัง
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
1.ตัวเครื่อง realme C53 พร้อมติดฟิลม์กันรอย
2.สายดาต้าลิงค์ USB-C
3.อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W SuperVOOC
4.อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
5.คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
6.เคสซิลิโคนใส
อะแดปเตอร์ชาร์จ 33W ที่แถมมาพร้อมในกล่อง
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง realme C53 มาพร้อมกับดีไซน์อันแวววับระดับแชมป์เปี้ยน มีให้เลือก 2 สีคือ สีทอง Champion Gold มอบความหรูหรากับสีทองอร่ามในธีม Shiny Champion โดดเด่นด้วยเส้นแสงสีทองที่แลดูวิบวับทุกทิศทางดึงดูดทุกคู่สายตาและสีดำ Mighty Black
โดดเด่นด้วยความบางเฉียบเพียง 7.49 มิลลิเมตร เรียกว่าบางที่สุดในระดับเซกเมนต์เดียวกัน เทียบกับ realme C55 ที่บาง 7.89 มิลลิเมตร เบาสบายทุกการสัมผัส
หน้าจอแสดงผล Mini Drop Full Screen Display แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ขนาด 6.74 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9, อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.3% หมายความว่ามีขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบาง, ความสว่างสูงสุด 450nits โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และมีอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz
ในรอยบากตรงกลางด้านบนติดตั้งกล้องเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 สามารถถ่ายเซลฟี่ที่คมชัด รองรับฟังก์ชั่นฟิลเตอร์และ HDR ด้วย AI Beauty ช่วยให้การภาพถ่ายเซลฟี่ของคุณออกมาอย่างสวยงามยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมฟีเจอร์ Mini Capsule แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ บนพื้นที่ของกล้องหน้าที่ผสานเข้ากับ User Interface อย่างกลมกลืน
พลิกมาด้านหลังเครื่อง มุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้องเลนส์คู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED อยู่ในโมดูลสี่เหลี่ยมชนาดใหญ่
ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (wide) รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 VGA ความละเอียด 0.08 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.0
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก 1 ช่อง
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้บนปุ่ม
ด้านบนเครื่องออกแบบเรียบๆ ไม่มีช่อง หรือปุ่มกดใดๆ
ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
นอกจากนี้ realme C53 ยังผ่านการทดสอบที่เข้มงวดมากกว่า 100,000 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทดสอบการตก ทดสอบการกันฝุ่น ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ทดสอบอายุการใช้งาน ทดสอบความปลอดภัย ไปจนถึงการทดสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ จึงมั่นใจได้ว่า realme C53 มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
จุดเด่นของ realme C53
realme C53 ใช้ขุมพลังชิปเซ็ท Unisoc T612 บนกระบวนการผลิตขนาด 12nm ประมวลแบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 1.8 GHz พร้อมใข้โครงสร้าง Arm Cortex-A75 นำประสิทธิภาพอันทรงพลังที่มอบความเสถียรและความราบรื่น และยังทำคะแนนทดสอบบนแอป AnTuTu ได้ถึง 221,253 คะแนน
realme C53 มาพร้อมแบตเตอรี่ยักษ์ความจุ 5,000mAh ที่จ่ายไฟได้ยาวนานเพื่อการใช้งานตลอดวัน สามารถเล่นเกม และรับชมวิดีโอต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวแบตหมด พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC เร็วกว่าการชาร์จ 18W ของแบรนด์เพื่อนบ้านเกือบสองเท่า ช่วยประหยัดเวลาได้ถึงครึ่งหนึ่ง สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนถึงระดับ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลา 72 นาที
realme C53 ยังรองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สามารถยืมความจุ ROM มาใช้เป็นความจำ RAM ได้สูงสุด 6GB จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 12GB ทำให้การสลับใช้งานแอปพลิเคชั่นได้ลื่นหลาย เปิดทิ้งไว้ได้หลายแอป และหน่วยความจำภายในสูงสุด 128GB ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นเป็นสองเท่า และจัดเก็บภาพถ่ายและวิดีโอได้มากขึ้น
หากยังไม่เพียงพอ realme C53 ก็ยังขยายความจำได้สูงสุด 2TB ผ่านการ์ด microSD โดยมีช่องใส่การ์ด microSD แยกต่างหาก ไม่ต้องแย่งใส่กับช่อง SIM 2
realme C53 เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นที่ 2 ในตระกูล C Series ที่รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 90Hz จึงแสดงภาพกราฟิกได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ให้สัมผัสที่ดีขึ้น และให้อัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุด 180Hz โดยมีความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 450nits ดีไซน์ขอบจอบางจนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.3% อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ถึง 6.74 นิ้ว รับชมวิดีโอหรือดูคอนเทนต์ต่างๆ ได้เต็มอิ่ม
และมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Mini Capsule ใช้พื้นที่วงกลมสีดำของกล้องหน้า ผสานเข้ากับซอฟต์แวร์จนทำให้เกิด User Interface ใหม่ สำหรับแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ตัวอย่างเช่น สถานะแบตเตอรี่ สามารถแสดงแสงไดนามิกสีเขียว เมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100%, แสดงแสงไดนามิกสีน้ำเงินเมื่อกำลังชาร์จแบตเตอรี่, แสดงแสงไดนามิกสีแดง เมื่อแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ 5%
ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าให้ Mini Capsule แจ้งเตือนการใช้งานข้อมูลหรืออินเทอร์เน็ต เมื่อเข้าถึงระดับ 90% จากที่ตั้งค่าไว้ เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลเกินขีดจำกัด และยังสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนจำนวนก้าวเดินตลอดทั้งวันได้ด้วย