ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
User Interface หรือหน้าเมนูกล้องออกแบบเน้นที่ความเรียบง่ายสะอาดตา การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยประกอบไปด้วย การเปิด/ปิดไฟแฟลช, HDR Mode, Dazzle Color Mode, ฟิลเตอร์, และการตั้งค่าหลักของกล้อง
ส่วนกล้องหน้าจะมีไฮไลท์ที่ AI Beauty ที่ช่วยให้การถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ
สำหรับโหมดการถ่ายอื่น ๆ สามารถเรียกใช้งานโดยแตะที่ปุ่มสามขีดที่มุมซ้ายล่าง โดยมีโหมด โหมดไทม์แลปส์, Google Lens, สโลว์โมชั่น, ผู้เชี่ยวชาญ และพาโน
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โโยยังไม่เปิดใช้งาน AI Beauty
เปิดใช้งาน AI Beauty โดย realme C11 สามารถเลือกปรับความสวยใสของ AI Beauty ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่ 0- 100 ระดับ
โหมด Auto
โหมด portrait
ในโหมด portrait ละลายฉากหลังได้สวยละมุนมีความเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเก็บดีเทลของตัวขอบอย่างเช่นเส้นผม หรือขอบเสื้อผ้าไว้ได้ค่อนข้างดีอีกด้วย
ในโหมด portrait จะมีฟีเจอร์ Artistic Portrait สามารถเลือกใช้ฟิลเตอร์ 5 รูปแบบ เพื่อปรับแต่งให้โบเก้และสกินโทนของภาพออกมาดูสวยงามและมีเสน่ห์ เช่นโทนภาพแนวเรโท หรือพาสเทลเป็นต้น
ทดสอบกล้องหลัง
realme C11 มาพร้อมกล้องหลัง งคู่ Dual Camera กล้องหลักความละเอียด 13MP รูรับแสงกว้าง f/2.2 รองรับระบบโฟกัส PDAF กล้องตัวที่สอง Portrait ความละเอียด 2MP รูรับแสงกว้าง f/2.4
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมเปิดใช้งาน AI Beauty
โหมด portrait ของกล้องหลัง ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กล้องหน้า ทั้งการละลายฉากหลังและโบเก้ของภาพ โดยรูปนี้เปิดโบเก้ละลายฉากหลังที่ 60% ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของกล้อง
Normal 1x
Zoom 2x
Zoom 4x
Super Nightscape Mode
Auto Mode
Super Nightscape
Auto Mode
Super Nightscape
สำหรับ Night scape หรือโหมดกลางคืนบน realme C11 ตัวอัลกอริทึมของโหมด Super Nightscape จะถ่ายภาพหลายภาพในระดับแสงที่แตกต่างกันจากนั้นรวมเข้าเป็นภาพเดียวโดยรวบรวมส่วนที่ดีที่สุดในแต่ละภาพ ทำให้ภาพมีความสว่างและคมชัดมากขึ้น
Chroma Boost
เป็นโหมดที่ AI engines ระบุฉากเฉพาะ จากนั้นจะใช้อัลกอริธึมของ color-mapping ในระดับพิกเซล ในการคืนค่าสีและความสว่าง เพื่อให้ได้ภาพดูเป็นธรรมชาติ มีสีสันที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติกว่าการใช้ Filter หรือ Vivid mode