ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme C11
ในด้านระบบรักษาความปลอดภัย realme C11 มี face unlock หรือระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า ที่ให้ความรวดเร็วแม่นยำ และยังทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อย นอกจากใช้ปลดล็อคหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการป้องกันการเข้าถึงไฟล์และโปรแกรมที่ติดตั้งภายในเครื่องได้อีกด้วย
realme C11 มาพร้อมจอแสดงผล Mini-drop Fullscreen ใช้จอชนิด IPS LCD ความละเอียด HD+ 1600×720 พิกเซล ที่ให้ความคมชัดสว่างสดใส มีมุมมองทีกว้าง และเป็นครั้งแรกของซีรีส์ C ที่ตัว Notch หรือติ่งหยดน้ำมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนถึง 30.9% รวมถึงมีความปลอยภัยด้วยโหมดถนอมสายตา อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องสูงถึง 88.7% จึงส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีแบตใหญ่สุดอึดถึง 5,000mAh แล้ว realme C11 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Reverse Charging ที่แปลงร่างให้ realme C11 กลายเป็นพาวเวอร์แบงค์เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ ผ่านทางสาย OTG (อุปกรณ์เสริมไม่มีแถมมาให้ในกล่อง) เรียกว่านอกจากแบตอึดแล้วยังทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองที่สามารถพกพาติดตัวไปตลอดเวลาอีกด้วย
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
realme C11 เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ realme UI v 1.0 บนพื้นฐานของ Android 10 โดยตัว UI มีความลื่นไหล และให้ความสดใส มีชีวิตชีวา อีกทั้งยังสามามรถปรับแต่งรูปแบบการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น โดยคำนึงถึง 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ระบบสี ไอคอน พื้นหลัง และภาพเคลื่อนไหวแอนิเมชั่น
realme UI มีการพัฒนาหน้าตาเมนูให้ดูสวยงาม มีสีสันสดใสในแบบ high-saturation ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ซึ่งสัมผัสได้จากหน้าโฮมสกรีนที่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน โดยไอคอนทั้งหมดถูกปรับดีไซน์ให้ดูเรียบง่ายขึ้นด้วยรูปทรงแบบกลม และมีการใช้สีสันที่มีความโดดเด่นสะดุดตา ส่วนใครที่ไม่ชอบไอคอนทรงกลมก็สามารถไปปรับเป็น Material Style หรือ Pebble ได้ในการตั้งค่า ซึ่งจะมีการปรับไอคอนให้อยู่ในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และทรงสี่เหลี่ยมขอบมนนั่นเอง
นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งในส่วนของเลย์เอาท์หน้าจอหลัก ทั้งรูปแบบคอลัมน์ และหน้า Apps Drawer ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับแต่งภาพพื้นหลัง และรูปแบบธีมรวมถึงฟอนต์ที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน ร้านขายธีม หรือ realme Theme Store ที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วภายในเครื่อง
Dark Mode เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยฟีเจอร์ Dark Mode หลักการทำงานจะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
สำหรับ Focus Mode จะเป็นโหมดที่ช่วยผู้ใช้งานคลายเครียดและความวุ่นวายจากโลกภายนอก โดยเมื่อใช้งาน โหมดโฟกัส ระบบจะเปิดเพลงฟังสบาย ๆ จึงช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมเปิดใช้งานโหมด DND หรือ DO Not Disturb โดยอัตโนมัติ เพื่อปิดการแจ้งเตือนที่รบกวนต่าง ๆ อีกทางหนึ่งด้วย
realme C11 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
สำหรับปุ่มนำทาง Navigation สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ แต่สามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เป็นการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออย่างแท้จริงนั่นเอง
ส่วนโหมด Quick gestures หรือโหมดตัวช่วยเพิ่มความสะดวก เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของหลาย ๆ แบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียง, วาดบนหน้าเจอเพื่อเปิดแอปฯ / ควบคุมการคอนโทรล Music Player, การจับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว, การรับสายอัตโนมัติเมื่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเป็นต้น
แบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน ได้ง่าย ๆ แค่ลากสาวนิ้วจากล่างขึ้นด้านบนของจอแสดงผล และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว
Phone Manager เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการลบไฟล์ขยะและไฟล์แคชของระบบ, การจัดการด้านความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว, การสแกนไวรัส และการปกป้องด้านการชำระเงินเป็นต้น ซึ่งแอปฯนี้จะช่วยให้การทำงานของตัวเครื่องเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วและความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
สำหรับ Game Space “การเร่งความเร็วเกม” ที่ช่วย optimization ให้เล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยจัดการด้านจัดการด้านเครือข่าย เช่นการปฏิเสธสาย จัดการด้านการแจ้งเตือน ล็อคความสว่างเป็นต้น ทำให้การเล่นเกมบน realme C11 นั้นเป็นไปอย่างสมูทลื่นไหล
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน ในภาพรวมต้องบอกว่า realme C11 นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ สามารถใช้งานได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ
ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 5000 mAh แล้ว ต้องบอกว่าชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 บนสถาปัตยกรรม 12nm รวมถึงการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ออกมาได้ดีมาก ๆ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ และทำให้การจัดสรรพลังงานบน realme C11 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ประสิทธิภาพ
realme C11 เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ MediaTek Helio G35 บนสถาปัตยกรรม 12 nm ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีรายละเอียดดังนี้
การประมวลผล – ระยะเวลา App Booting ลงลด 25% ความลื่นไหลเพิ่มขึ้น 20%
แบตเตอรี่ – อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 10%; ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน 35%
ประสิทธิภาพการทำงาน – ลดความดีเลย์ระบบสัมผัส 35% ประสิทธิภาพการเล่นเกมเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ให้มาอย่างครบถ้วน เรียกว่าไม่น้อยหน้าสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ต้องบอกเลยว่าถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่ความสามารถไม่เล็กแต่อย่างใด
มัลติมีเดียและความบันเทิง
realme ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน realme C11 เป็น FM แบบทศนิยมสองจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลย ส่วนฟีเจอร์อาจจะไม่ได้เยอะมาก โดยจะเน้นไปที่การใช้งานที่เรียบง่ายเป็นหลัก
Music Player บน realme C11 มาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือระบบเสียง Real HD Sounds ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง อีควอไลเซอร์ได้ยืดหยุ่นตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์เต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน
สำหรับ Video Player บน realme C11 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้อย่างสมูทไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพต้องบอกว่าตัวชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 นั้นทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยผลคะแนนต่าง ๆ ที่ออกมา ถือว่าเกินความคาดหมาย เพราะถึงแม้จะให้ RAM มาเพียง 2GB แต่การใช้งานทั่วไปมีความลื่นไหล และเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง สามารถเล่นได้ แต่จะหน่วง ๆ หน่อย ต้องปรับเป็นค่าเริ่มต้น ก็จะพบกับความลื่นไหล ในภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง
ทดสอบกับเกม PUBG โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับดี” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับกลาง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ
ต่อกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme C11 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้ แต่อาจจะได้ได้ลื่นมากนัก โดยการเล่นบนเฟรมเรทสูงจะมีอาการสวิงขึ้นลงบ้าง แต่ถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว