คุณสมบัติการใช้งาน
realme GT Master Edition รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ที่ได้รับการสร้างมาอย่างดีเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สนุกมากยิ่งขึ้น โดยการออกแบบ UI คำนึงถึงความชอบและความสะดวกสบายของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใช้งานได้อย่างราบรื่นและสนุก และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตนเอง
มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน
สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง
พร้อมโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ รวมถึงเลือกโหมดสีหน้าจอได้ 3 แบบคือ เจิดจ้า เพื่อแสดงสีที่เด่นชัดยิ่งขึ้น, อ่อนโยน แสดงสีที่เรียบง่าย และสดใส พัฒนาประสิทธิภาพการแสดงผลสี
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra-fast โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิดปิดด้านขวาข้างเครื่อง
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับ 5G+5G DSDS (Dual 5G SIM) สามารถเชื่อมต่อ 5G ผ่านซิมการ์ดใดก็ได้เพื่อประสบการณ์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
โดยรองรับ 13 คลื่นความถี่ 5G ทั่วโลก (n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n77/n40/n41/n78/n38/n66) และยังรองรับคลื่นความถี่ 2G, 3G และ 4G ด้วย
และมาพร้อมเทคโนโลยี 5G อัจฉริยะสามารถรับรู้สภาพแวดล้อมสัญญาณโดยรอบและเปลี่ยนจาก 4G เป็น 5G ได้อย่างชาญฉลาด ปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานลง 30%
รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อแบบ Dual Channel สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และ 5G พร้อมกันได้อย่างเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นและเมื่อคุณเปิดใช้งาน Wi-Fi และ 5G พร้อมกัน จะช่วยเพิ่มความเร็วและความเสถียรของเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น
และรองรับ Wi-Fi 6 ความสามารถในการกินไฟและความสามารถในการครอบคลุมของอุปกรณ์ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อรองรับผู้ใช้งานหลายคน ช่วยให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในสถานการณ์ที่มีผู้ใช้มาก และระยะการส่งข้อมูลไกลขึ้นพร้อมความเร็วในการส่งข้อมูลก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพ realme GT Master Edition ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 778G 5G ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ซูเปอร์คอร์สถาปัตยกรรม A78 สี่ตัว และความถี่หลักสูงถึง 2.4GHz มอบประสบการณ์ประสิทธิภาพที่ครอบคลุมและทรงพลัง รวมทั้งมาพร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 642L ที่รองรับ 90 เฟรมของเกม Honor of Kings มีระบบสั่น ด้วยมอเตอร์เฉพาะ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนว FPS, MOBA เป็นต้น
Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 888 บวกกับจอรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลมากๆ โดยภาพรวมถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว
ทดสอบกับเกม PUBG Mobile โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับ HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้อย่างประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจเลย
ปิดท้ายกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme GT 5G สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ลื่นเลยทีเดียว
รวมทั้งมีฟีเจอร์ Game Space ที่จะเข้ามาช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถเลือกประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ 3 แบบคือ
- Pro Gamer mode คือ การรีดประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
- Balanced mode คือ โหมดการใช้งานทั่วไป เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพเท่าใดนัก
- Low power mode คือโหมดประหยัดพลังงาน เหมาะกับการใช้งานเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ไม่เหมาะกับการเล่นเกม
และยังมีการจัดการระบบแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการเล่นเกม รวมไปถึงการสายโทรเข้าด้วย สามารถเลือกได้ว่าจะปฏิเสธสาย หรือเลือกรับสายเฉพาะเบอร์สำคัญได้
มอบประสบการณ์การเล่นเกมอย่างชาญฉลาด
- HyperBoost ให้คุณสามารถเล่นเกมได้อย่างราบรื่นโดยไม่กระตุก
- Frame Boost จะช่วยเร่งอัตราเฟรม คาดการณ์สถานการณ์การต่อสู้แบบกลุ่มที่มีความเข้มข้นสูงอย่างชาญฉลาด และปล่อยประสิทธิภาพเต็มที่ล่วงหน้า
- Touch Boost เร่งการสัมผัสและนำประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่น
realme GT Master Edition ยังมาพร้อม GT Mode สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ด้วยการปรับการทำงานของซีพียูให้อยู่ระดับสูงสุด, เปิดใช้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz, เปิดเอฟเฟกต์ภาพ Ultra-HD พร้อมปรับปรุงคุณภาพกราฟิก ให้ภาพคมชัดเสมือนจริงเป็นพิเศษ,เปิดระบบการสั่นแบบ 4D และยังมี Quick Start สามารถเข้าถึงเกมได้อย่างรวดเร็ว
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ realme GT Master Edition ผ่านแอป AnTuTu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ realme GT Master Edition ผ่านแอป GeekBench