คลังเก็บ

รีวิว realme 9 สมาร์ตโฟนกล้อง 108MP เซนเซอร์ Samsung HM6, ชิป Snapdragon 680 และจอ Super AMOLED 90Hz

หลังจากเปิดตัว realme 9i สมาร์ตโฟน Number Series รุ่นแรกตระกูล 9 Series ไปเมื่อเดือนมกราคม ตามมาด้วย realme 9 Pro 5G และ realme 9 Pro+ 5G ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดก็ถึงคิวของ realme 9 ที่ทาง realme ประเทศไทยนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา

โดยมาพร้อมมาพร้อมกับสโลแกน “Capture the spark” ชูจุดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz, ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 680 ขนาด 6nm , กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung HM6 รุ่นล่าสุด และแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W

เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูรีวิวเต็ม realme 9 กันเลยครับ

realme 9 4G

สเปกเบื้องต้น realme 9

ขนาด160.2 x 73.3 x 8 มม.
น้ำหนัก178 กรัม
หน้าจอ90Hz Super AMOLED Display ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (409 ppi) ขนาด 6.4 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และอัตราส่วนจอต่อเครื่อง 90.8% โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงสุด 360Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5
หน่วยประมวลผล ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท 
Qualcomm SM6225 Snapdragon 680 4G (6 nm) และหน่วยประมวลผลกราฟิก
Adreno 610
RAM6GB/8GB แบบ LPDDR 4x
หน่วยความจำภายในเครื่อง128GB แบบ UFS 2.1
microSD Card สูงสุด 256GB
ระบบปฏิบัติการAndroid 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
เชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot
Bluetooth 5.1, A2DP, LE
GPS with A-GPS, GLONASS, GALILEO
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
พอร์ต USB Type-C 2.0, USB On-The-Go
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED
– กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ProLight Camera เซนเซอร์ Samsung ISOCELL
HM6, 6P Lens, รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/1.67″, 0.64µm, Dual Pixel และระบบ PDAF
– กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, 5P Lens, รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
– กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล AI Beauty Selfie รูรับแสง f/2.45
รองรับระบบ 3-card Slot
2 Nano card slots + 1 Micro SD
รองรับคลื่นความถี่
2G
GSM/GPRS/EDGE:850/900/1800/1900
3G
UMTS(WCDMA): Bands 1/5/8
4G
FDD-LTE: Bands 1/3/5/8
TD-LTE: Bands 38/40/41(2535-2655MHz)
แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 33W
สี Meteor Black, Sunburst Gold และ Stargaze White
ราคาRAM 6GB+128GB ราคา 7,999 บาท
RAM 8GB+128GB ราคา 8,999 บาท

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่องบรรจุภัณฑ์ของ realme 9 เป็นกล่องกระดาษแข็งในสีแบบทูโทนสีเหลืองที่เป็นสีเอกลักษณ์ของแบรนด์ realme ตัดกับสีดำในขอบด้านล่าง โดยด้านหน้ากล่องและด้านข้างมีชื่อรุ่นขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน

ด้านหลังกล่องของ realme 9 ระบุสเปกเด่น 4 อย่างด้วยกันคือ กล้องหลัง 3 ตัว AI 108 ล้านพิกเซล, หน้าจอ Super AMOLED 90Hz, ชิปเซ็ท Snapdragon 680 และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบตัวเครื่อง realme 9 ซึ่งติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย

อุปกรณ์ภายในกล่อง realme 9 มีดังนี้

  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W Dart Charge
  • สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
  • เคสพลาสติก TPU แบบใส
  • คู่มือการใช้งานฉบับย่อ

อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W Dart Charge สำหรับ realme 9

รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ

realme 9 4G

realme 9 มีดีไซน์บางเฉียบเพียง 7.99 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 178 กรัม ถือจับใช้งานง่าย และพกพาสะดวก ดีไซน์แบบ Ripple Holographic ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากแสงแดดจากทะเลทราย เช่นเดียวกับสีของฝาหลัง ที่ฝาหลังจะเปลี่ยนสีและสะท้อนแสงและเงาคล้ายกับระลอกคลื่นของทะเลทราย

ด้วยฝีมืออันประณีตถึง 6 ชั้น โดยขั้นแรก realme ได้รวมกระบวนการ เคลือบ Plasma Atom และ UV-nano Imprinting Process เข้าด้วยกันเพื่อให้ ได้พื้นผิว 3 มิติ และเกิดการออกแบบด้วยเอฟเฟกต์แสงลูกฟูกแบบไดนามิก

realme 9 ยังมาพร้อมกับพื้นผิวระลอกคลื่นแบบ 3D ไดนามิกที่สร้างขึ้น จากกระบวนการเคลือบ Plasma Atom ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และกระบวนการพิมพ์ด้วย UV-Nano Imprinting โดยมาด้วยกัน 3 สี คือ Stargaze White, Sunburst Gold, และ Meteor Black

realme 9 ผ่านการทดสอบที่เข้มงวดกว่า 320+ ครั้ง รวมทั้งการสลับเปลี่ยน 4000 ครั้ง, ปุ่มเปิดปิด 300000 ครั้ง, ปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง150000 ครั้ง, เสียบและถอดปลั๊ก USB เพื่อทดสอบความทนทาน 20000 ครั้ง, ความทนทานต่ออุณหภูมิ -40 ℃ ~ 75 ℃, 150 รอบ และอุณหภูมิสูงและความชื้นสูงในระยะยาว 65℃/95%RH/ 14 วัน

นอกจากนี้ยังผ่านกระบวนการหล่อขอบ Microcrack โดยหลังจากเจียรแผงกระจกหน้าจอด้วยแกนล้อเจียร CNC จะมีรอยแตกเล็ก ๆ มากมายบนพื้นผิวกระจก หากไม่ได้ขจัด microcracks เหล่านี้ ความเข้มข้นของ microcrack เหล่านี้จะทำให้หน้าจอแตกตั้งแต่แรกเมื่อหน้าจอได้รับแรงภายนอก

และดีไซน์การปกป้องขอบมุม ซึ่งการออกแบบการป้องกันมุมช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมุมของเครื่อง ลดความเสี่ยงที่หน้าจอจะแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ อินเทอร์เฟซทั้งหมดของตัวเครื่อง ถูกจัดวางด้วยมาตรการกันน้ าที่แน่นหนาเพื่อป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ 90Hz Super AMOLED Display ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (409 ppi) ขนาด 6.4 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และอัตราส่วนจอต่อเครื่อง 90.8% โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้ งานที่สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะท่องโลกโซเชียล เล่นเกมหรือรับชมภาพยนตร์ และอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงสุด 360Hz ช่วยให้ทุกการใช้งานนั้นมีความสมูทมากยิ่งขึ้น และความสว่างสูงสุด 1000 nits

realme 9 ใช้การปรับความสว่างอัตโนมัติขั้นสูง 10240 ระดับ ซึ่งสามารถปรับความสว่างของหน้าจอตามแสงของสภาพแวดล้อมเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การรับชมที่สะดวกสบายที่สุด

มุมซ้ายด้านบนของหน้าจอติดตั้งกล้อง In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล AI Beauty Selfie รูรับแสง f/2.45

พลิกมาด้านหลังเครื่อง มุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED และข้อความ 108MP Camera อยู่ในโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมซ้ายด้านบน และมีโลโก้ realme อยู่มุมซ้ายด้านล่าง

โดยกล้อง 3 ตัวประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ProLight Camera เซนเซอร์ Samsung ISOCELL
    HM6, 6P Lens, รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/1.67″, 0.64µm, Dual Pixel และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, 5P Lens, รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร

ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot แบ่งเป็นช่องแรกใส่ SIM Card แบบ nanoSIM และช่องที่ 2 ใส่ SIM Card แบบ nanoSIM และช่องที่ 3 ใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card กับปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

ด้านขวาข้างเครื่องปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง

ด้านบนเครื่องมีช่องลำโพงเสียง

ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง

ฟีเจอร์เด่น realme 9

realme 9 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 680 มาพร้อมกับกระบวนการผลิตขนาด 6nm ที่ล้ำหน้าที่สุดในเซ็กเมนต์ นับเป็นโปรเซสเซอร์ Qualcomm 4G ตัวใหม่ และทรงพลังที่จะนำการปรับปรุงประสิทธิภาพรอบด้านมาสู่ สมาร์ตโฟน โดยใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz ที่ประกอบด้วย CPU: Cortex-A73 2.4GHz * 4 + Cortex-A53 1.9GHz* 4 และหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 610

จุดเด่นของชิปเซ็ท Snapdragon 680 สามารถทำคะแนน AnTuTu ได้ 285,893 คะแนน โดยมีประสิทธิภาพ CPU เพิ่มขึ้น 25%, ประสิทธิภาพ GPU เพิ่มขึ้น 10% และประสิทธิภาพ AI เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ท Snapdragon 662 รุ่นก่อนหน้านี้

มาพร้อมหน้าจอ 90Hz Super AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ซึ่งมีอัตราการรีเฟรชที่สูง กว่า 50% เมื่อเทียบกับจอแสดงผล 60Hz ทั่วไป ทำให้ได้ประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นทุกครั้งที่ปัดหน้าจอ สามารถเลือกปรับได้อัตโนมัติ หรือตั้งค่าที่รีเฟรชเรท 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้ และด้วยอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz ช่วยให้ทุกการใช้งานนั้นมีความสมูทมากยิ่งขึ้น

รองรับเทคโนโลยีการขยาย DRE Dynamic RAM โดย realme ได้พัฒนาเทคโนโลยี DRE เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดจากหน่วยความจำในโทรศัพท์ไม่เพียงพอ ซึ่งแปลง ROM เป็น RAM เพื่อขยาย RAM ดังนั้น realme 9 สามารถขยาย RAM 8GB ได้มากถึง 5GB เพื่อเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่เสมือน 13GB และมาพร้อมหน่วยความจำภายในสูงสุด 128GB และเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุด 256GB

มาพร้อมกล้อง 108MP ProLight Camera โดยใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Nonapixel Plus ที่ไม่ได้ช่วยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการจับโฟกัสได้รวดเร็วกว่าระบบโฟกัสแบบ PDAF ถึง 9 เท่า ส่งผลให้สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น ทำให้ภาพที่ได้จาก realme 9 สว่างสดใสขึ้น

realme 9 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ความจุ 5000 mAh นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วัน ซึ่งตามสเปกระบุว่าสามารถเปิดเครื่องสแตนบายด์ได้นานต่อเนื่องสูงสุด 914 ชั่วโมง, สนทนาได้นานต่อเนื่องสูงสุด 56 ชั่วโมง และดูวิดีโอได้นานต่อเนื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง รวมทั้งรองรับการชาร์จไว 33W Dart Charge โดยชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 75 นาที และชาร์จได้ 50% ใน เวลา 31 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ชั้นที่ 1 อะแดปเตอร์ป้องกันการจ่ายไฟเกินกำลัง ชั้นที่ 2 การป้องกันขณะชาร์จเร็ว ชั้นที่ 3 ป้องกันการโอเวอร์โหลดอินเทอร์เฟซ ชั้นที่ 4 ป้องกันกระแสไฟเกินและแรงดันไฟฟ้าเกิน และชั้นที่ 5 การป้องกันขณะรวมแบตเตอรี่

อ่านต่อหน้า 2