คุณสมบัติการใช้งาน
realme 7 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย realme UI v1.0 ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อประสบการณ์ Android ที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงความชอบและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งหน้าตา UI ของ realme มีสีสันสดใส high-saturation ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตนเอง
มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน พร้อมโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ รวมถึงมีฟีเจอร์ OSIE Vision Effect ซึ่งเป็นการปรับสีสันของคอนเทนต์ให้สดใสมากยิ่งขึ้น
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra-fast โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิดปิดด้านขวาข้างเครื่อง
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับ 5G+5G DSDS (Dual 5G SIM) สามารถเชื่อมต่อ 5G ผ่านซิมการ์ดใดก็ได้เพื่อประสบการณ์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นอกจากนี้ยังรองรับ 5G-CA (2CC 5G Carrier Aggregation) ซึ่งเป็นการนำความถี่หลายย่านมารวมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการรับสัญญาณ โดยรองรับความถี่ 5G ทั้งหมด 12 คลื่นทั่วโลก (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78) และยังรองรับคลื่นความถี่ 2G, 3G และ 4G ด้วย
มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และคุณภาพเสียง Hi-Res เพื่อประสบการณ์การฟังที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ที่จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพ แม้ว่า realme 7 5G จะใช้ชิปเซ็ท Dimensity 800U จาก MediaTek แต่ก็เป็นชิปเซ็ทที่ทรงประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพสูงในขณะที่ยังลดการใช้พลังงาน และมีคะแนนทดสอบ AnTuTu สูงถึง 340,000 คะแนน
นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมลื่นไหลอย่างที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ ชิปเซ็ต Dimensity 700 เวลาในการเปิดแอปพลิเคชั่นของชิปเซ็ต Dimensity 800U มีความเร็วกว่า 1.4 เท่า ประสิทธิภาพ CPU เร็วขึ้น 11% และ GPU เร็วขึ้น 28%
Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง ด้วยชิปเซ็ต Dimensity 800U บวกกับจอรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล โดยภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ทดสอบกับเกม PUBG โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับ HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ
ปิดท้ายกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme 7 5G สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว