realme เป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์น้องใหม่ที่กระแสมาแรงและครองใจผู้ใช้งานในบ้านเราได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่า realme นั้นมาถูกทาง ด้วยการออกแบบดีไซน์สวยงามมีเอกลักษณ์ พร้อมจัดเต็มด้วยฟีเจอร์อัดแน่นมากมาย ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่ realme ได้รับการกล่าวถึงอย่างล้นหลามเมื่อคราวเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย
และล่าสุด realme กลับมาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟน Mid-Range สุดคุ้มอีกครั้งด้วยการเปิดตัว realme 3 สมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องรอบด้าน แต่เคาะราคาออกมาแบบจับต้องได้ ซึ่งใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนฟีเจอร์จัดเต็มในราคาเบา ๆ realme 3 จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ
สเปคเบื้องต้น realme 3
ขนาด | 156.1×75.6×8.3 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 175 กรัม |
หน้าจอ | IPS ขนาด 6.22 นิ้ว, ความละเอียด HD+ 720 x 1520 พิกเซล, อัตราส่วน 19:9 dewdrop full screen 88.30% screen-to-body |
หน่วยประมวลผล | Octa-core 2.0GHz, ชิปเซ็ท Mediatek Helio P60, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 |
RAM | 3GB/4GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 32GB/64GB |
microSD Card | สูงสุด 256GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/2.0, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3″, ขนาดพิกเซลไซส์ 1.12µm
กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง f/1.8, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3″, ขนาดพิกเซลไซส์ 1.12µm, ระบบโฟกัส PDAF กล้องหลังตัวที่สองความละเอียด |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot, Bluetooth 4.2, A2DP, LE, GPS A-GPS, GLONASS, microUSB 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | GSM,WCDMA,TD-LTE,FDD-LTE |
แบตเตอรี่ | 4,230mAh |
ราคา | RAM 3+32GB ราคา 4,590 บาท, RAM 4+64GB ราคา 5,990 บาท |
PACKAGING & ACCESSORIES
ตัวกล่องแพ็กเกจมาในขนาดกะทัดรัด โดยใช้โทนสีเทาตัดเหลืองทองอันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย realme ที่ด้านหน้ากล่องมีเพียงโลโก้แบรนด์และชื่อรุ่นของ realme 3
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ realme 3 จะประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ +ใบรับประกันสินค้า
- อแดปเตอร์ชาร์จ Output 5V-2A
- สายดาต้าลิงค์ชนิด Micro USB
- เข็มจิ้มเปิดถาดซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส
realme 3 โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าจอแสดงผลผลแบบหยดน้ำ (Dewdrop screen) ซึ่งมีขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.22 นิ้ว แต่อยู่ในบอดี้ที่ไม่ได้ใหญ่ตามไปด้วย เพราะ realme 3 มีอัตราส่วนของหน้าจอแสดงผลต่อบอดี้สูงถึง 88.30% เลยทีเดียว เมื่อผสานกับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 2.05mm และการออกแบบให้ลำโพงสนทนาสามารถจัดวางอยู่ในขอบจอได้ จึงส่งผลให้ realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบอย่างแท้จริง
ในส่วนของกล้องหน้าจัดวางเลย์เอาท์อยู่ภายใน Notch รูปทรงหยดน้ำ มาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาด ทำให้เซลฟี่ได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ แถมเป็นเรื่องที่ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่ดีในทุก ๆ สถานการณ์อีกด้วย
ในภาพรวมตัวเครื่องมีความโค้งมนแบบ 3D ที่มีความสมมาตร และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม ส่งผลให้จับถือได้ถนัดกระชับ สามารถสอดรับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์พรีเมี่ยม แต่เรียบหรูบนบอดี้แบบไล่โทนเฉดสี โดยสีที่ได้รับมารีวิวในครั้งนี้คือสี Dynamic Black ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ นั้นก็คือดาราจักรทางช้างเผือก ซึ่งสะท้อนความงามออกมาด้วยประกายแสงระยิบระยับดุจดังกลุ่มดาวในยามราตรี
ในส่วนของกล้องหลัง Dual Camera จัดวางในแนวตั้ง มีการออกแบบดีไซน์วงแหวนรอบเลนส์ด้วยสีเหลืองทองดูโดดเด่นสะดุดตา สำหรับกล้องตัวแรกให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็น depth sensor ทำหน้าที่ในการช่วยเรื่องการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอและโบเก้ของภาพ และมีไฟแฟลชแบบ LED 1 ดวงมาให้ใช้งาน
ถัดจากเลนส์กล้องจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งจากที่ได้ลองใช้งานจริง ตัวเซ็นเซอร์มีความรวดเร็วแม่นยำในระดับที่น่าประทับใจ สุดท้ายด้านล้างของตัวเครื่องจะแปะชื่อแบรนด์ realme ด้วยสีขาวสะอาดตา
ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นส่วนที่ไล่โทนสีดำเป็นหลัก แต่ทั้งนี้จะมีมีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ
ด้านล่างจัดวางเลย์เอาท์ด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ต Micro USB, ไมค์สนทนา และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
สำหรับลำโพงหลักของตัวเครื่องให้คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ทั้งเรื่องความดัง ความใสเคลียร์แถมเมื่อเร่งเสียงดังจนสุดก็ไม่แตกพร้าอีกด้วย
ฝั่งขวาของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มพาวเวอร์
ส่วนฝั่งซ้ายด้านบนจะเป็นช่องถาดซิมการ์ดและถัดลงมาคือปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง
สำหรับถาดซิมการ์ดจะเป็นแบบไฮบริด สล็อต รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม หรือเลือกใช้แบบ 1 ซิม + หน่วยความจำภายนอก MicroSD Card โดย realme 3 รองรับหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 256GB
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme 3
realme 3 มีหน้าจอแสดงผลที่คมชัด สว่างสดใส อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์ที่ยกระดับไปอีกขั้นด้วย Notch แบบ Dewdrop Screen และด้วยความที่มีหน้าจอใหญ่ถึง 6.2 นิ้ว พร้อมออกแบบรอยบากในรูปทรงหยดน้ำ จึงส่งผลให้ realme 3 มีพื้นที่จอแสดงผลต่ออัตราส่วนของบอดี้สูงถึง 88.30% เลยทีเดียว
อีกทั้งขอบข้างหน้าจอทั้งซ้ายและขวาก็บางเฉียบ มีขนาดเพียง 2.05 มม.เท่านั้น ส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง Youtube หรือ Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยสัมผัสในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ
ระบบรักษาความปลอดภัยบน realme 3 มีให้ใช้งาน 2 รูป ทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งนอกจากการปลดล็อดจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปลดล็อคแอปฯ และพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวได้อีกด้วย
สำหรับในด้านการใช้งานจริง ตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมีมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมาก ส่วนระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจช่นกัน โดยลองทดสอบปลดล็อคในที่แสงน้อย หรือส่วมใส่แว่นตาก็ยังปลดล็อคได้โดยไม่พบเจอปัญหาแต่อย่างใด
ด้านการจัดสรรพลังงาน realme 3 นั้นมาพร้อมความโดดเด่นตั้งแต่ระดับ Hardware ด้วยแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ถึง 4,230mAh ผสานเข้ากับโหมด AI Power Master และฟีเจอร์ใหม่ Screen Battery Optimiztion ที่สามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานมากขึ้น ด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอแสดงผลลงมาตามความเหมาะสม
Game Space “การเร่งความเร็วเกม” ที่ช่วย optimization ให้เล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยจัดการด้านการแจ้งเตือน เช่นการปฏิเสธสาย หรือการรับสายผ่านทางแฮนด์ฟรีได้เป็นต้น ทำให้การเล่นเกมบน realme 3 นั้นเป็นไปอย่างสมูทลื่นไหล ไม่สะดุดติดขัดหรือมีสิ่งรบกวนใจในขณะเล่นเกม
ฟีเจอร์ “Full Screen Multitasking”
เมื่อใช้งานแอปพลิเคชั่นในโหมดแนวนอน เราสามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์ Full Screen Multitasking ได้ด้วยการลากจากขอบด้านลำโพงสนทนาลงมา สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการรวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ในทีเดียวเพื่อให้สามารถเรียกใช้งานอย่างอย่างสะดวกรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่นทางลัดโปรแกรม การบันทึกหน้าจอทั้งแบบวีดีโอและภาพนิ่ง การปิดแจ้งเตือน Notification เป็นต้น ซึ่งทำให้เราสามารถทำงานได้พร้อม ๆ กันในเวลาเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือดูวีดีโอพร้อมกับตอบแชทไปด้วย ทำให้ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ ๆ
SOFTWARE & FEATURE
realme 3 เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 ที่ครอบทับด้วย Color OS 6 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่นอกจากจะออกแบบ UI ได้สวยงามแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์อันอัดแน่นอีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือ ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ realme 3 ทีมีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ซึ่งฟีเจอร์ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ โดยเราสามารถเลือกสร้าง Blacklist และ Whitelist ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปฯเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำหรับการแสงผลบนหน้าจอ Dewdrop Screen บางแอปอาจจะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้แสดงผลเต็มหน้าจอตั้งแต่ต้น แต่ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของแอปพลิเคชั่นให้เต็มหน้าจอได้ที่การตั้งค่า “การแสดงผลและความสว่าง” นอกจากนี้ยังมีโหมดถนอมสายตา ที่ลดแสงสีฟ้าเพื่อช่วยปกป้องและถนอมสุขภาพดวงตาของผู้ใช้งานได้อีกด้วย
Navigation Key ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย และยังมีฟีเจอร์ Swipe-up Gestures ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการปัดนิ้วขึ้น หรือปัดไปด้านข้างเป็นต้น
ส่วน Gesture & Motion เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานโดยทั่วไป คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะฟีเจอร์ลักษณะนี้มักจะมีมาให้ใช้งานในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ แบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งหลักการทำงานนั้นจะไม่แตกต่างกัน กล่าวคือใช้การเคาะ, การวาดบนหน้าจอ, รวมไปถึงทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ของตัวเครื่องเป็นต้น
realme 3 รองรับฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ ด้วยการแบ่งหน้าต่าง เพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน แถมบน realme 3 ยังสามารถเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนของหน้าจอแสดงผล ก็พร้อมใช้งาน 2 แอปฯ ในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว
Phone Manager ผู้ช่วยในการบริหารจัดการโทรศัพท์ของเราให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เช่นการลบไฟล์ขยะเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน, การสแกนไวรัส หรือการปกป้องการชำระเงินเป็นต้น
แบตความจุเยอะอย่างเดียวยังไม่พอ แต่ยังต้องประกอบไปด้วย Software อัจฉริยะ ซึ่ง realme 3 มีแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ถึง 4,230mAh ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานต่อเนื่อง เมื่อผสานเข้ากับโหมด AI Power Master และฟีเจอร์ใหม่ Screen Battery Optimiztion ที่สามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอลงมาตามความเหมาะสม ทำให้ realme 3 สามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องร้องหา Power bank กันเลยที่เดียว
BENCHMARKS & PERFORMANCE
ในภาพรวมคงต้องบอกว่า แม้จะไม่ได้ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อป แต่ด้วยขุมพลัง MediaTek Helio P60 Octa-core ความเร็ว 2.0GHz นั้นก็ถือว่าแรงในระดับใช้งานทั่ว ๆ ไปได้เหลือเฟือ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ ซึ่ง realme 3 ก็สามารถแสดงศักยภาพพร้อมตอบสนองในการใช้งานได้อย่างราบลื่น โดยไม่พบอาการสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจแต่อย่างใด
สำหรับผลคะแนน Benchmarks ถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปได้แบบสบาย ๆ และพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วน GPS ในภาครับสัญญาณดาวเทียมนั้นมีความรวดเร็วแม่นยำในระดับที่ค่อนข้างดีเลยครับ
MULTIMEDIA & ENTERTAIN
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะไม่ใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ realme 3 ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบฟังวิทยุ โดยมีวิทยุ FM แบบทศนิยมแบบสองจุดมาให้ใช้งาน ในภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้ครับ ส่วนฟีเจอร์อาจจะไม่เยอะ โดยรวมเน้นไปที่การฟังเสียเป็นส่วนใหญ่
Music Player บน realme 3 มาพร้อมคุณสมบัติเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ Real HD Sound ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งจูนเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง realme 3 สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
VDO Player บน realme 3 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ลองทดสอบเกมฮิต ๆ ในช่วงนี้ดูบ้าง
Asphalt 9 มาพร้อมกราฟฟิกสวยงาม แน่นอนว่าต้องการทรัพยากรทางด้าน Hardware ที่แรงอยู่ไม่น้อย ซึ่ง realme 3 นั้นเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหลใช้ได้เลยครับ และไม่พบเจอการสะดุดหรือหน่วงจนผิดปรกติแต่อย่างใด งานนี้ต้องยกความดีให้ชิปเซ็ตตัวแรง Helio P60 และฟีเจอร์ Game Space ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
PUBG แม้จะไม่สามารถเล่นในระดับความละเอียดระดับสูงได้ แต่ในภาพรวมไม่มีอาการหน่วงสะดุดติดขัดให้หัวร้อนแต่อย่างใด ส่วน ROV ลากเฟรมเรทสูงๆ แบบยาวๆ ไม่ว่าจะช่วงเดินเล่นชิลๆ หรือยกพวกตะลุมบอนหมู่
สรุป realme 3 จัดเป็นสมาร์ทโฟน Mid-Range อีกหนึ่งรุ่นในตลาด ที่สามารถตอบโจทย์คอเกมได้เป็นอย่างดีเลยครับ
CAMERA & SAMPLE
realme 3 มาพร้อมกล้องหลัง Dual Camera กล้องตัวแรกความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 ซึ่งช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเป็น depth sensor ทำหน้าที่ตรวจจับระยะเพื่อใช้ในการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอและโบเก้ของภาพให้ออกมาสมจริงเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังออกแบบกล้องหลังในแบบ 5 ชิ้นเลนส์
Software กล้องขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด โดยมี AI “scene recognition” ที่สามารถวิเคราะห์ พร้อมปรับแต่งภาพถ่ายให้สมบูรณ์ที่สุดไม่ว่าจะเป็นภาพชนิดใดก็ตาม ทั้งอาหาร, ภาพวิว, สัตว์เลี้ยง ฯลฯ โดยเมื่อเรายกกล้องไปยังวัตถุ หรือซับเจคที่อยู่หลังกล้อง ก็จะมีไอคอนแสดงประเภทหรือลักษณะของรูปแบบนั้น ๆ ขึ้นมาตามประเภทซีนที่เรากำลังจะถ่ายนั่นเอง
UI หรือเมนูกล้องถูกออกแบบมาให้มีความเรียบง่ายดูสะอาดตา ด้านบนจะมีไอคอนทางลัดในการเปิด/ปิดแฟลช และเปิ่าด/ปิดโหมด Chrome Boost , ฟิลเตอร์ และเมนูการตั้งค่าของกล้อง
โหมดการถ่ายภาพหลัก ๆ จะมีด้วยกัน 3 โหมด คือ วีดีโอ (VIDEO) รูปถ่าย (PHOTO) และรูปคน (PORTRAIT) และเมื่อแตะที่ปุ่ม3 ขีดที่ด้านซ้าย จะเข้าสู่เมนูย่อย ประกอบไปด้วยโหมด NIGHTSCAPE, PANO, EXPERT, TIME-LAPSE, SLO-MO
สำหรับโหมด Chrome Boost เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มคอนทราสต์ ทำให้ภาพมีสีสันที่สดใสขึ้น พร้อมจัดการด้าน ไดนามิค เรนจ์ ช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมาสามารถเก็บดีเทลและมีมิติที่สมจริงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วน NIGHTSCAPE เป็นโหมดที่ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนหรือในที่แสงน้อย ให้ออกมาสวยงามสว่างสดใส และลดนอยส์โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องเข้ามาช่วยแต่อย่างใด
กล้องหน้าเซลฟี่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 มีโหมด PORTRAIT และโหมดบิวตี้ ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามมีความเป็นธรรมชาติ และได้ผลลัพธ์อันน่าประทับใจในทุก ๆ สถานการณ์ นอกจากนี้ในโหมดบิวตี้ ยังสามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับให้ใบหน้าขาวกระจ่าง, ใบหน้าเรียว, ปรับแต่งจมูกให้เล็กลง และตาโตขึ้นเป็นต้น
การตั้งค่าส่วนอื่น ๆ ของกล้อง ให้เข้าไปที่เมนูการตั้งค่าหลักของเครื่อง เลือกไปที่ “แอพของระบบ”
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto ที่ยังไม่ปรับแต่งใด ๆ ภาพที่ออกมามีสกินโทนและสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา ส่วนเรื่องความคมชัดนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
เปรียบเทียบในโหมด Auto และ โหมด Portrait
การละลายฉากหลังทำออกมาได้ละมุน มีความเป็นธรรมชาติพร้อมกับเก็บดีเทลในส่วนขอบได้ค่อนข้างดี
ทดสอบในการถ่าย Out-door ไปแล้ว ลองมาดูแบบ In-door สภาพแสงภายในอาคารกันบ้าง ซึ่ง realme 3 นั้นไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้จะเป็นในที่แสงน้อยหรือมีความหลากหลาย แต่ก็ยังให้ที่คมชัดและจัดการไวท์บาลานซ์ได้อย่างน่าประทับใจ
โหมด AI บิวตี้สามารถเลือกให้ AI จัดการในแบบอัตโนมัติ หรือเลือกที่จะปรับแต่งในแบบกำหนดเองก็ย่อมได้ เช่นในรูปตัวอย่างทางขวามือ มีการปรับแต่งให้ใบหน้าของน้องนางแบบเรียวและดวงตากลมโตขึ้นมาอีกนิด
ไฟแฟลชของกล้องหน้าจะเป็นแบบ Flash on screen หรือใช้แสงจากหน้าจอแสดงผลเป็นไฟแฟลชนั่นเอง ซึ่งไฟแฟลชจากกล้องหน้านั้นช่วยให้การเซลฟี่ในเวลากลางคืนและในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น จากภาพตัวอย่างด้านซ้ายใบหน้าของนางแบบจะมีเงาที่ตกกระทบ เมื่อเปิดแฟลชแล้วจะลบเงาและช่วยให้ภาพดูมีมิติขึ้นอีกด้วย
ทดสอบกล้องหลังกันต่อ ด้วยโหมด Auto และโหมด Portrait ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ น่าประทับใจไม่แพ้กล้องหน้าลยครับ
ลองใช้งานฟีเจอร์ Chrome Boost โดยฟีเจอรนี้จะช่วยเพิ่มคอนทราสต์ ทำให้ภาพมีสีสันที่สดใสขึ้น พร้อมจัดการด้าน ไดนามิค เรนจ์ ให้ลองสังเกตภาพทางขวามือเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะมีสีสันที่สดใสและมีมิติของภาพที่ดีขึ้นจากภาพทางด้านซ้ายมือ
Auto mode
Chrome Boost mode
NIGHTSCAPE เป็นโหมดที่ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนหรือในที่แสงน้อย ให้ออกมาสวยงามสว่างสดใส และลดนอยส์โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง สำหรับภาพบนจะเป็นโหมด Auto ส่วนภาพด้านล่างจะเป็นการเปิดใช้งานโหมด NIGHTSCAPE
Auto mode
NIGHTSCAPE mode ให้สังเกตที่ป้ายไฟทางฝั่งซ้ายมือจะมีความคมชัดเห็นรายละเอียดของตัวโครงสร้างเพิ่มขึ้น และแสงไฟจากหน้ารถจะดูไม่ฟุ้งกระจายเมื่อเทียบกับภาพที่ถ่ายจากโหมด Auto
Auto mode
Zoom 2X
มีฟิลเตอร์มาให้ใช้งาน 10 รูปแบบ
จากนี้ไปดูภาพรวม ๆ จากกล้องหลังของ realme 3 กันต่อได้เลยครับ
สรุป realme 3
เมื่อมองไปยังตลาดสมาร์ทโฟนระดับครึ่งหมื่น ต้องบอกเลยว่า realme 3 นั้นจัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ไล่โทนเฉดสีอันโดดเด่นสะดุดตา และเปิดตัวมาด้วยสเปคต่อราคาอันสุดคุ้ม ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่ว ๆ ไป และการเล่นเกมได้อย่างราบลื่น
อีกทั้งยังตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยคุณภาพกล้องหน้า/หลังที่ทำผลงานได้น่าประทับใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเซลฟี่ที่มีโหมด AI บิวตี้เป็นจุดขายหลัก หรือโหมด Portrait ที่ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงามละมุนละไมเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญเมื่อเรามองไปที่ราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียง 4,590 บาทเท่านั้น
คงต้องให้นิยามเลยว่า realme 3 นั้นเป็นสมาร์ทโฟน ครบครัน ครบเครื่อง ตอบทุกโจทย์ พร้อมจบในเครื่องเดียว แถมยังเคาะราคาเปิดตัวออกมาชนิดที่เรียกว่า ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริงอีกด้วย
ทั้งนี้ realme 3 จะเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 30 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น RAM 3GB+ROM 32GB ราคา 4,590 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ Dynamic Black และ Radiant Blue วางจำหน่ายผ่าน LAZADA เท่านั้น โดยจะเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 27 มีนาคมนี้พร้อมราคาพิเศษเพียง 4,290 บาท
- รุ่น RAM 4GB+ROM 64GB ราคา 5,990 บาท มีให้เลือก 3 สีคือ Dynamic Black, Radiant Blue และพิเศษ Classic Black (Limited Edition) สามารถหาซื้อได้ที่ True shop ที่เดียว!!! พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษเพียง 2,490 บาท (จากปกติ 5,990 บาท) เมื่อสมัครแพ็กเกจ และชำระค่าบริการล่วงหน้าตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ทรูช้อปและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 29 มีนาคมนี้
คลิกช้อปสมาร์ทโฟน realme ได้ที่นี่ >>>