คลังเก็บ

รีวิว realme 11 Pro Series 5G ดีไซน์หนังวีแกนสุดพรีเมี่ยม พร้อมพลังกล้อง 200MP ซูมเหนือระดับ

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme 11 Pro Series 5G

ชิปประมวลผลที่ใช้งานคล่องแคว่วยาวนาน 48 เดือน

realme 11 Pro Series 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Dimensity 7050 5G โดยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมระดับเรือธง 8 คอร์ 64 บิต (2 ARM® Cortex-A78 @2.6GHz และ 6 ARM® Cortex-A55 @2.0GHz) ความถี่หลักของ CPU สูงถึง 2.6GHz ด้วยกระบวนการขั้นสูง 6 นาโนเมตรของ TSMC และการใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ สามารถรับประกันได้ว่าจะเล่นเกมได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ทาง TÜV SÜD ยังได้ทำการทดสอบ realme 11 Pro Series 5G ซึ่งครอบคลุมตัวบ่งชี้หลายตัว เช่น ความเร็วในการตอบสนอง เอฟเฟกต์แอนิเมชัน การสลับแอปพลิเคชัน โดยได้รับการจัดอันดับเกรด A โดย TÜV SÜD สำหรับความคล่องแคล่วของระบบ 48 เดือน ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์ความคล่องแคล่วที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะใช้งานเป็นครั้งแรกหรือหลังจาก 48 เดือน

realme 11 Pro 5G

realme 11 Pro+ 5G

นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม RAM ได้สูงสุดถึง 24GB Dynamic RAM 12GB + 12GB รองรับแอปที่ทำงานได้อย่างราบรื่นในเวลาเดียวกัน ขณะที่หน่วยความจำภายนอกมีขนาดใหญ่สูงสุด 512GB

หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นรองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz และรองรับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz มอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ไม่มีกระตุก สามารถเลือกอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการใช้งานแบตเตอรี่ และความลื่นไหล และอัตราการรีเฟรช 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้

ลื่นไหลไปกับ realme UI 4.0

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่น รันบน realme UI 4.0 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 13 ที่มาพร้อมการตรวจจัยอัจฉริยะ และการใช้งานที่ลื่นไหล โดยมาพร้อมฟังก์ชัน Adaptive Sleep ที่เมื่อเปิดฟังก์ชันนี้ หน้าจอจะไม่หยุดให้ผู้ใช้ดูภายในเวลาหน้าจออัตโนมัติ เพื่อให้มือของผู้ใช้ว่างและหลีกเลี่ยงการใช้
หน้าจอด้วยตนเองบ่อยครั้ง

รวมถึงซ่อนการแจ้งเตือนอย่างชาญฉลาด โดยเมื่อผู้ใช้ได้รับข้อมูลการแจ้งเตือน จะมีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่สามารถดูเนื้อหาการแจ้งเตือนบนหน้าจอ ซึ่งสามารถป้องกันการแอบดูข้อมูลของผู้ใช้ และปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ และสามารถเบาเสียงเรียกเข้าเมื่อมองหน้าจอสมาร์ตโฟน โดยในการโทร หากดูที่สมาร์ตโฟน เสียงเรียกเข้าจะเบาลง

realme UI 4.0 ยังมาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย และสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “real” icon การออกแบบไอคอนพื้นผิวและรูปร่างที่แท้จริงของสิ่งต่าง ๆ จะทำให้สามารถจดจำเนื้อหาของไอคอนได้อย่างรวดเร็วในโหมดสเกลสีเทา

รวมถึงการใช้ฟอนต์ที่สบายตา ด้วยแบบอักษร Sans ของ realme ที่อัปเกรดใหม่มีเค้าโครงที่ประสานกันมากขึ้นในภาษาจีนและอังกฤษ ขนาดฟอนต์โดยรวมกว้างขึ้นเล็กน้อย และรูปร่างฟอนต์ดูสมบูรณ์ขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อปรับปรุงการอ่านข้อความของอินเทอร์เฟซได้อย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางควบคุมแบบสไตล์การ์ด ซึ่งเนื้อหาข้อความถูกนำเสนอในรูปแบบการ์ดที่มีการจัดประเภทอย่างดี เพื่อช่วยให้ผู้ใช้มุ่งความสนใจไปที่เนื้อหาที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว และลดความกดดันในการอ่านข้อมูลที่เยอะ และศูนย์กลางสื่อครบวงจร และโมดูลควบคุมอุปกรณ์ IoT ที่รวมเข้าด้วยกันใหม่ ช่วยให้การแสดงสถานะและการใช้งานในฟังก์ชั่นควบคุมมัลติมีเดีย อุปกรณ์ IoT สะดวกยิ่งขึ้น

realme UI 4.0 ยังมี Emoji 2.0 ที่ผู้ใช้สามารถสร้างภาพที่คล้ายกับตัวเองมากขึ้นและสร้าง “บัตรประจำตัวประชาชนในโลกดิจิทัล” รวมทั้งสนับสนุนอวาตาร์สำหรับผู้ติดต่อและอินเทอร์เฟซผู้โทร แทนที่อวาตาร์ผู้ติดต่อด้วยรูปภาพ Omoji ทำให้การโต้ตอบน่าสนใจยิ่งขึ้น

และด้วยประสบการณ์การออกแบบแบบอินเทอร์แอคทีฟที่เป็นส่วนตัวและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมเพลลิส AOD อัจฉริยะ ที่รับรู้ความชอบส่วนบุคคลและแนะนำเพลย์ลิสต์พิเศษ เพื่อโต้ตอบแบบง่ายดาย และในการฟังเพลง คุณสามารถควบคุมเสียงบนหน้าจอ AOD ได้โดยตรง เพื่อลดการดำเนินการปลดล็อค/ล็อคหน้าจอบ่อยๆ

รองรับ 5G+5G Dual Mode

realme 11 Pro Series 5G รองรับ 5G +5G Dual Mode ที่เร็วแรงและลื่นไหล พร้อมใช้งาน 5G ในประเทศไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง โดยรองรับคลื่นความถี่  n1/n3/n5/n8/n28A/n40/n41/n77/n78

แบตใหญ่ ชาร์จไว

realme 11 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการโทร 29.62 ชม. สแตนด์บายปกติ 432.15 ชม. (18 วัน) สนทนา WeChat 23.15 ชม. ฟังเพลง 37.94 ชม. ชมวิดีโอ 18.64 ชม. และเล่นเกม 8.07 ชม โดยรองรับระบบชาร์จเร็ว 67W SuperVOOC ชาร์จ 0-100% ภายในเวลาเพียง 47 นาที และชาร์จ 0-50% ภายในเวลาเพียง 18 นาที 21 วินาที

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีปั๊มชาร์จคู่ 2:1 ทำให้ประสิทธิภาพการแปลงระหว่างปั๊มชาร์จพ่วงสูงถึง 98% ไม่เพียงเพิ่มความเร็วในการชาร์จ แต่ยังปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จ VFC และอัลกอริทึมการปรับแต่งอัจฉริยะ VCVT ลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นที่เกิดจากการชาร์จ

รวมถึงยังมีการป้องกัน 38 ระดับ และมีการป้องกันอัจฉริยะ 5 คอร์ ได้แก่ การป้องกันการโอเวอร์โหลดของอะแดปเตอร์, การป้องกันการระบุเงื่อนไขการชาร์จ SuperDart, การป้องกันการโอเวอร์โหลดอินเทอร์เฟซ, การป้องกันกระแสไฟเกิน การป้องกันแรงดันไฟเกิน และเทคโนโลยีการป้องกันฟิวส์แบตเตอรี่ วงจรตรวจสอบความปลอดภัยหลายวงจรสามารถตัดไฟได้โดยตรงในกรณีที่เกิดความผิดปกติ

ส่วน realme 11 Pro+ 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการสนทนา 29.09 ชม. โหมดสแตนด์บาย 404.88 ชม. ฟังเพลง 23.36 ชม. รับชมวิดีโอ 18.86 ชม. และเล่นเกม 8.29 ชม.

สำหรับโหมดสุขภาพแบตเตอรี่ที่ติดตั้งใน realme 11 Pro+ 5G ยังคงมีความจุมากกว่า 80% หลังจากชาร์จและคายประจุครบ 1,600 รอบภายใต้สภาวะการชาร์จเร็ว ซึ่งเกินระดับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในปัจจุบันอย่างมาก

รวมทั้งมี AI ตรวจจับความต้องการด้านการสื่อสารของ WIFI, 5G และสถานการณ์อื่นๆ อย่างชาญ
ฉลาด เพื่อให้ได้การจัดการที่ดี และการควบคุมพื้นหลังอัจฉริยะ สามารถตรวจสอบและระบุแอปพลิเคชันที่ผิดปกติและทำการประมวลผลแบบปรับเปลี่ยนได้ เพื่อลดอัตราที่ผิดปกติของแอปพลิเคชันพื้นหลัง และลดการใช้พลังงานของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว

realme 11 Pro+ 5G รองรับการชาร์จ GaN 100W Flash charge แบบเต็มที่ตัวแรกในเซกเมนต์ โดยหัวชาร์จ GaN 100W มีขนาดเล็กและพกพาสะดวก พร้อมคุณสมบัติกระจายความร้อนอย่างรวดเร็ว โดยชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ภายใน 26 นาทีและชาร์จแบตเตอรี่ได้ 17% ภายใน 3 นาที

ฟีเจอร์ชาร์จเร็วกำลังสูงบนเมนบอร์ด GaN MOS มีประสิทธิภาพการแปลงสูง เมื่อเทียบกับปั๊มชาร์จของผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน จะช่วยลดความร้อนของอุปกรณ์ได้มากกว่า 85% รวมทั้งเพิ่มกำลังการชาร์จเป็นสองเท่าโดยกระแสการชาร์จไม่เปลี่ยนแปลง

ด้วยเทคโนโลยีการตรวจสอบแรงดันแบตเตอรี่ Battery Sense สามารถตรวจจับแรงดันได้อย่างแม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดจากวงจรป้องกันแบตเตอรี่ พร้อมจับคู่กลยุทธ์การชาร์จที่แม่นยำยิ่งขึ้น และลดระยะเวลาการชาร์จให้สั้นลง

ด้วย AI อัจฉริยะ สามารถปรับปรุงการชาร์จได้ในสถานการณ์ต่างๆ ผ่านโหมด Extreme Cold, การป้องกันการชาร์จระยะยาว, ความเร็วในการชาร์จสำหรับแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ และการติดตามสภาพแบตเตอรี่ และคุณสมบัติอื่นๆ

นอกจากการชาร์จเร็วแล้ว realme 11 Pro+ 5G ยังมาพร้อมกับมาตรการความปลอดภัย 38 ข้อเพื่อความปลอดภัยของการชาร์จพลังงานสูงจากเครื่องชาร์จ ไม่ว่าจะเป็นสายเคเบิลข้อมูล พอร์ตชาร์จโทรศัพท์มือถือไปยังเซลล์แบตเตอรี่ วงจรตรวจสอบความปลอดภัยหลายวงจรสามารถตัดไฟได้โดยตรงในกรณีที่เกิดความผิดปกติ การออกแบบที่ทนไฟของ PS3 และวัสดุ V-0 เกรดทนไฟที่เป็นพลาสติกสูงที่สุดในอุตสาหกรรมถูกนำมาใช้เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่กันไฟสำหรับโทรศัพท์ทั้งเครื่อง

คุณสมบัติการใช้งาน

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน

สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง

พร้อมโหมดสีหน้าจอที่เลือกปรับได้ทั้งเจิดจ้า เป็นธรรมชาติ และโหมดโปรที่เลือกได้ทั้งภาพยนตร์ และสดใส รวมถึงมีโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ

และมาพร้อม HyperVision mode เทคโนโลยีการปรับปรุงคุณภาพของภาพวิดีโอระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมวิดีโออย่างมากด้วยคุณสมบัติ Video Colour Boost และ HDR video highlighting

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่น รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดย realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ In-display Fingerprint

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นติดตั้งลำโพงคู่สเตอริโอพร้อม พร้อม Dolby Atmos และ Hi Res
Two-factor Authentication สามารถให้เอฟเฟกต์เสียงที่ยอดเยี่ยมเมื่อรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลง

ประสิทธิภาพ

ทดสอบการเล่นเกม

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 7050 5G (6 nm) ที่ผลิตโดย TSMC เป็นชิปแบบ 8 คอร์ที่ประกอบไปด้วย Cortex-A78 จำนวน 2 คอร์ ความเร็ว 2.6GHz และ Xortex-A55 จำนวน 6 คอร์ ความเร็ว 2.0GHz มาพร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G68 MC4 จับคู่กับ RAM สูงสุด 12GB และหน่วยความจำภายในสูงสุด 512GB

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่มี RAM มากเท่าไหร่ก็จะประมวลผลได้เร็วขึ้น

ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา ตั้งค่า FPS ระดับสูง ด้วยขุมพลัง Dimensity 7050 ซึ่งชิปเซ็ตเกมมิ่งสำหรับสมาร์ตโฟน ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก

ต่อด้วยเกม PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล โดยปรับตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ “HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับ Ultra ด้วยชิปเซ็ท Dimensity 7050 บวกกับ RAM สูงสุด 12GB และจอรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้สามารถเล่นได้ไม่หน่วง และไหลลื่น แทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจเลย

realme 11 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ HyperBoost ซึ่งเป็นโหมดเพิ่มประสิทธิภาพ โดยใช้ประสิทธิภาพจากโทรศัพท์สูงสุดเพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น รวมทั้งมีเครื่องมือสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถเอาชนะคู่แข่ง และไต่ลำดับให้สูงขึ้นได้ สามารถบันทึกภาพหน้าจอ และข้อมูลสถิติในเกมเพื่อตรวจสอบภายหลัง และออกแบบ UI ใหม่ทำให้การจัดการพลังงานง่ายกว่าที่เคย

อ่านต่อหน้า 3