คุณสมบัติการใช้งาน
OPPO Reno5 Series 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 เวอร์ชั่นล่าสุด โดยมาพร้อมหน้าตา UI ที่สามารถเลือกปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการทำงานให้ลื่นไหลมากขึ้น และยังมอบความเป็นส่วนตัวในการใช้งานที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน
หน้าจอโฮมสกรีน มีการจัดเรียงไอคอนแอปพลิเคชันที่ดูเรียบง่าย ลื่นไหล ไร้รอยต่อ และสบายตา แถมยังปรับแต่งขนาดของไอคอนได้ตามใจชอบ และสามารถออกแบบไอคอนใหม่ Icon ART+ ด้วยตัวคุณเองได้อีกด้วย
รองรับ Always-On Display ที่สามารถปรับแต่งได้ตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ โดยปัดบนหน้าจอเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถสร้างงานออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับรูปแบบข้อความและเลย์เอาท์ในเทมเพลตของคุณได้ง่ายๆ หรือจะเลือกใช้ตามที่มีกำหนดไว้ให้ก็ได้เช่นเดียวกัน
มาพร้อม Dark Mode สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย และที่พิเศษคือ Dark Mode ใน OPPO Reno5 Series 5G มีโทนสีเข้มให้เลือก 3 รูปแบบ คือ โทนเทาๆ, มืด และมืดดำสนิท
ฟีเจอร์ FlexDrop ช่วยให้คุณทำงานหลายอย่างได้อย่างราบรื่นบน OPPO Reno5 Series 5G ผ่านหน้าต่างที่ปรับขนาดของหน้าต่างแอปได้ทันที และสามารถเก็บแอปแบบเต็มจอให้เป็นแบบลอยบน หน้าจอ ในขณะที่ใช้งานแอปอื่นไปพร้อมกันได้ด้วย
แปลภาษาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เพียง 3 นิ้ว ซึ่งทำงานบน Google Lens และถือเป็นฟีเจอร์แรกที่ OPPO ได้นำมาใช้ในการแปลบทความ หรือข้อความที่เป็นคนละภาษากันได้อย่างง่าย โดยคุณสามารถเรียกใช้แถบด้านข้างอัจฉริยะเพื่อแปลเนื้อหาทั้งหมดบนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณได้ด้วยการใช้นิ้วเพียง 3 นิ้ว
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเพียงแค่มองไปที่หน้าจอก็สามารถปลดล็อกได้แล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ
สำหรับ OPPO Reno5 Series 5G รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนโครงข่าย VoLTE รวมทั้งยังรองรับระบบ Wi-Fi Calling ซึ่งในรุ่น OPPO Reno5 5G จะรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G แบบ Dual Mode (SA/NSA) และรองรับการใช้ 4G/5G ทั้ง 2 ซิม (Standby บนเครือข่าย 5G ได้ทีละซิมการ์ด) สามารใช้งานได้ในประเทศไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง โดยรองรับคลื่นความถี่ n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n41/n77/n78
OPPO Reno5 Series 5G มาพร้อมจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz พร้อมอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุด 180Hz ทำให้เล่นเกมหรือดูคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล และสามารถตั้งค่าที่รีเฟรชเรท 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้